เรื่องเล่าจากการประชุมสภากลาโหม (ข่าวไม่ได้กรอง อย่าเชื่อหล่ะ)
เมื่อวันที่ 29 เมษายนที่ผ่านมา มีการประชุมสภากลาโหม บิ๊กป้อม(พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีกลาโหม)เป็นประธานนั่งหัวโต๊ะ เปิดประชุมตามปกติมีวาระเดิมๆ ไม่ค่อยมีใครสนใจเท่าไร เพราะในใจขุนทหารแต่ละคนต่างคิดกันแต่เรื่องที่เกิดขึ้นอันเนื่องมาจากการ กระทำของศูนย์อำนวยความฉิบหาย (ศอฉ.) ตั้งแต่วันที่ 10 มาจน 22 และสดๆเมื่อวาน 28 เม.ย. ว่ามรึงทำอะไรกันวะ
นายพลที่นั่งข้างกันก็ แอบคุยกัน แอบได้ยินมาว่า พลเอกคนหนึ่งเล่าว่าไปเดินซื้อของได้ยินคนคุยกันเรื่องชุมนุม เขาคุยกันจริงจังมากว่าถ้ามีการเข้าสลายไม่ว่าพวกเขาจะทำอะไรอยู่จะทิ้งงาน ทันทีและเดินทางไปที่ราชประสงค์ทันที จนอดชมในหัวใจคนเหล่านั้นไม่ได้และพลเอกท่านนี้บอกแปลกใจมากที่คนเสื้อแดง ยิ่งเห็นทหารแทนที่จะกลัวกลับวิ่งเข้าใส่ทุกคน จนทหารกลัว
หลายๆคนใน ที่ประชุมก็คิดในใจ บ้างคิดดังๆออกมาบ้างว่า ตอนนี้ภาพพจน์ทหารป่นปี้หมดแล้วถ้า ศอฉ.ยังกวนตีนประชาชนแบบนี้ต่อไปอีกไม่นานทหารจะไม่กล้าแต่งเครื่องแบบแล้ว เพราะประชาชนทั่วไปจะไม่ยอมรับแบบสมัย รสช.
ชะรอยบิ๊กป้อมจะอ่าน อาการขุนทหารทั้งหลายออก จึงเปิดใจในที่ประชุมว่า ตัวกรูไม่ได้ทำคนเดียวนะโว้ย พวกเราประชุมคิดกันหลายคน แต่ไม่สามารถสลายเสื้อแดงที่ชุมนุมได้ ยอมรับเลยว่าบุกเข้าไปแบบไอ้ลอง(จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตร)มันว่าน่ะได้ แต่ต้องตายกันมากเลยทีเดียว เพราะดูท่าทีเสื้อแดงทุกคนแม่งไม่มีกลัวตายเลย พวกมรึงก็เห็นด้วยตาแล้ว ตั้งแต่เข้าสลายครั้งแรกน่ะ ความเสียหายตรงนี้รับผิดชอบไม่ไหวแน่ๆ เพราะจะตายกันเป็นร้อยๆศพ และขอบอกเลยว่าแม้ชนะที่ราชประสงค์ สลายแดงได้ ก็แค่ชนะในยุทธภูมิเท่านั้น แต่จะแพ้ในสงครามใหญ่ ขอรับรองเลยว่าค่ายทหารทุกจังหวัดแม่งโดนเผาเกลี้ยงแน่ บิ๊กป้อมระบายออกมาด้วยความอึดอัดใจเป็นอย่างยิ่ง
ต่อมา ก็เปิดโอกาสซักถามกัน ซึ่งตัวเอกในที่ประชุมครั้งนี้กลับเป็น พลเอก ที่เป็นผู้แทนจากเจ้าของโรงงานปลากระป๋องน่ะ ได้ยื่นกระทู้ทั้งทางตรงและทางอ้อมต่อ บิ๊กป๊อก (พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.) ว่า 1. ทำไมไม่จับแกนนำ 2. ถ้าไม่สลายแล้วมันจะจบกันยังไง
ฟัง คำตอบกันให้ดีๆนะท่านผู้ชม....ว่าป๊อกกับป้อมประสานเสียงตอบว่ายังไง
1. การบุกจับแกนนำที่ราชประสงค์แทบเป็นไปไม่ได้ แกนนำทุกคนมีการ์ดที่เป็นทหารเก่าที่เชี่ยวชาญและเข้มแข็งมาก การเข้าจับแกนนำหรือลอบสังหารที่ราชประสงค์นั้นแม้ทำได้แต่คนลงมือแทบไม่มี โอกาสรอดเลย
2. จะจบอย่างไรน่ะ อันนี้ไม่ใช่ปัญหาของทหารนะ เพราะเจ้าของโรงงานเขาจะสั่งตรงมาที่รัฐบาลเลย เราเป็นแค่เครื่อง มือของรัฐบาลเมื่อรัฐบาลมันบอกว่าจะให้ทำอะไรเราก็เอามาวิเคราะห์คำนวณดูจาก เครื่องมือที่มี, ความสูญเสียที่ยอมรับได้, เงินที่โด๊ปมา, ยางอายของเรา, ฝีมือที่มีอยู่ ฯลฯ แล้วตอบไป อันไหนทำได้ก็ทำให้อยู่แล้ว อันไหนทำไม่ได้ก็บอกว่าไม่ไหว มันจะจบยังไงก็ให้รัฐบาลมันไปคิดกันเองไม่ใช่การบ้านของเรา
ทหาร แตงโมบางคนพยายามตั้งกระทู้ถามในที่ประชุมว่า ณัฐวุฒิมันฝากถามว่าการใส่ไฟเรื่องผู้ก่อการร้ายน่ะ มันต่างกับไอ้ผู้ก่อความไม่สงบภาคใต้ยังไง ปรากฏว่าไม่มีใครตอบแต่ มีหลายคนทำปากขมุบขมิบด่าแม่ไอ้คนตั้งกระทู้ในใจเพราะเลยเวลากินข้าวไปแล้ว แม่งยังจะถามหาหอกอะไรอีก จากนั้นบิ๊กป๊อกก็รายงานสรุปเรื่องจำนวนทหารปลดประจำการให้ที่ประชุมฟัง ขุนทหาร (โดยเฉพาะ นะจ๊ะ) ต่างก็ทำหน้าจ๋อยๆกันยกเว้นทหารแตงโมบางคนพยายามกลั้นยิ้มอย่างเต็มที่ ต่อมาบิ๊กป้อมก็เลยปิดประชุมและเชิญขุนทหารทุกคนร่วมรับประทานอาหาร
บท วิเคราะห์ฝากไว้เผื่อเป็นประโยชน์จากการนั่งเทียนครั้งนี้นะ:
1.การ ที่ทหารยอมรับว่าการเข้าสลายราชประสงค์ ได้ไม่คุ้มเสีย ทำให้สบายใจได้ในระดับหนึ่ง แต่อะไรที่รัฐบาลมันขอแล้วเห็นว่าทำ ให้ได้ แม้ว่าตอบคำถามสังคมไม่ได้ก็จะทำให้ ตัวอย่างที่เห็นแล้วคือ การกระทืบประชาขนที่ตลาดไท และ การรบที่อนุสรณ์สถาน ข้อสังเกตคือ ถ้ามืดค่ำจะถอนตัวออก มีคำสารภาพว่าทหารกลัวการปฏิบัติการกลางคืนมากเพราะกลัวโดนพี่เอ็มมาเยี่ยม ที่สุด ดังนั้นแกนนำเวลาจะยกขบวนไปไหนให้คำนึง ทางที่ดีอยู่ในที่ตั้งนั่นแหละ เจ้าของโรงงานเขาปวดใจสุดๆ เร่งยิกๆ ให้ไล่ออกไปให้ได้ ไม่ต้องเคลื่อนไปไหนหรอกจัด OTOP แม่งที่ราชประสงค์เลยดึงดูดคนได้อีกด้วย มีเงินหมุนเวียนอีกต่างหาก
2.พอ จะมองออกชัดเจนแล้วว่า การยุบสภาไม่มีทางในตอนนี้ เจ้าของโรงงานสั่งให้ดิ้นทุกทางแม้จะต้องงัดกลยุทธ์สกปรกอย่างไรก็ให้ทำ ฉะนั้น ต่อไปนี้เสื้อแดงจะได้เห็นกลยุทธ์สกปรกๆ แบบหน้าด้านๆ มากขึ้นให้ เตรียมรับมือโดยเฉพาะบทบาทต่อไปจะเป็นพวกพันธมิตรกับเนรวินมามีบทบาทมากขึ้น โดยใช้เครื่องมือของทหาร
3.การใช้ world opinion หรือกระแสโลกล้อมประเทศได้เห็นผลเป็นรูปธรรมมากขึ้นแล้ว เพราะพวก เราพยายามหว่านไว้นานแล้วใกล้ได้เก็บผลเรื่อยๆ ให้หมอเหวงเป็นหลักพยายามเน้นย้ำและต่อเนื่องตลอดเวลาเพราะจะเป็นเครื่องมือ สำคัญที่บีบให้ได้ชัยชนะเร็วขึ้น
4.ข้อหา ล้มเจ้า นั้น จริงๆแล้ว สองฝ่ายคือรัฐบาล, เสื้อเหลือง, นักวิชาการพันธมิตร กับ นปช.แดงทั้งแผ่นดิน น่ะให้ความหมายคำว่า ล้มเจ้า ผิดกัน ฝ่ายแดง น่ะ เราไม่ต้องการล้มเจ้า เราต้องการประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข (พูดง่ายๆก็คือเอาท่านไว้เทิดทูนเป็นศูนย์รวมดวงใจแต่ไม่อยากให้ใครมาใช้ ชื่อท่านหาประโยชน์) ส่วนเหลือง พยายามบอกเป็นนัยๆว่าที่พวกกรูทำกันน่ะถ้าไม่ได้ไฟเขียวมาจากเจ้าน่ะกรูจะ กล้าเหรอ เพราะฉะนั้นถ้าพวกมรึงคัดค้านกรูก็เท่ากับคัดค้านเจ้าคือ ล้มเจ้า โว้ย ดังนั้น ป่วยการที่จะไปเถียงกันเรื่องนี้ แต่ให้ดำรงสถานะเสมอกันไว้เรื่อยๆ คือ เมื่อเขากล่าวหามาว่าเราล้มเจ้าในนิยามของเขา เราก็ต้องตอบโต้อย่างรุนแรงดุจกันว่าเขาล้มเจ้าหรือเป็นตัวทำให้เจ้าเสื่อม จากนิยามของเรา ข้อหานี้ก็จะทำอะไรเราไม่ได้
5.ข้อสุดท้าย อย่าเชื่อข่าวจากทหารแตงโมร้อยเปอร์เซนต์ เพราะบางที ศอฉ.อาจจะสร้างแผนหลอกทหารแตงโมให้รายงานแล้วตลบหลังก็ได้ ให้แน่ใจว่าตรวจสอบกับหลายแหล่งข่าวแล้วตรงกันจึงดำเนินการ ถ้าไม่แน่ใจร้อยเปอร์เซนต์อย่าทำ ตอนนี้ตั้งรับหาทางเติมคนอย่างเดียวก็ชนะแล้ว อย่าประมาทเด็ดขาด
ต้อง จบข่าวไม่กรองแต่เพียงเท่านี้
ใครอ่านมาจนจบก็ขอให้รวยๆนะ รักและเป็นห่วงเสื้อแดงทุกคนจ้า
Posted by นักข่าวชาวรากหญ้า at 5/07/2010 08:50:00 ก่อนเที่ยง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น