แดงเชียงใหม่

กราบสวัสดี พี่น้องทุกๆท่านที่เข้ามาเยี่ยมเยือน Blog นปช.แดงเชียงใหม่ ขอเรียนชี้แจงสักนิดว่า เรา ”แดงเจียงใหม่” เป็นกลุ่มคนชาวเจียงใหม่ที่เคารพรัก กติกาประชาธิปไตย ต่อสู้และต่อต้านเผด็จการทุกรูปแบบ อยากเห็นประเทศชาติภายภาคหน้า มีความเจริญ ประชาชน รุ่นลูกหลานของเราอยู่อาศัยอย่างร่มเย็นเป็นสุขในประเทศของพวกเราเอง ไม่มีกลุ่มอภิสิทธิ์ชนกลุ่มใดมาสูบเลือดเนื้อ แอบอ้างบุญคุณเฉกเช่นในยุคนี้ที่พวกเราเห็น การที่จะได้รับในสิ่งที่มุ่งหวังก็ต้องมีการต่อสู้แสดงกำลังให้สังคมได้รับรู้ และเพื่อที่จะให้กลุ่มบุคคลที่มีอำนาจในปัจจุบันได้เข้าใจในสังคมที่ก้าวหน้าเปลี่ยนแปลงไป ไม่อาจฝืนต่อกระแสการพัฒนาของโลก การต่อสู้ร่วมกับผองชนทั่วประเทศในครั้งนี้ เรา " แดงเจียงใหม่ " ได้ร่วมต่อสู้ทุกรูปแบบ และ ในรูปแบบที่ท่านได้เข้ามาร่วมอยู่นี้ คือการเผยแพร่ข่าวสารต่อสังคม

เรา " แดงเจียงใหม่ " ขอเชิญชวนร่วมกันสร้างขวัญ และกำลังใจให้เพื่อนพ้องน้องพี่ร่วมกัน


"อันประชาสามัคคีมีจัดตั้ง
เป็นพลังแกร่งกล้ามหาศาล
แสนอาวุธแสนศัตรูหมู่อันธพาล
ไม่อาจต้านมวลมหาประชาชน"

.

วันเสาร์ที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

เขตอภัยทาน..กับ ประโยคสุดยอดของทหาร "หมาตำรวจมันเพลีย"


Fri, 05/28/2010 - 08:38 | by สายลมรัก(1) | Vote to close topic

เขตอภัยทาน แปลความออกมาก็คือ บริเวณการให้ชีวิตการให้เป็นอภัยทาน วัดทุกวัดจึงถูกกำหนดให้เป็นเขตอภัยทาน

ละเว้นการฆ่าสัตว์ทุกชนิด

วัดปทุมวนารามราชวรวิหาร นอกจากเป็นเขตอภัยทานแล้ว อีกฐานะหนึ่งยังคือพระอารามหลวงใจกลางเมือง แทรกตัวอยู่ระหว่างห้างสรรพสินค้าพารากอนและเซ็นทรัลเวิลด์ พื้นที่ศูนย์กลางการชุมนุมของ นปช. ที่ได้เคลื่อนย้ายเวทีชุมนุมจากสะพานผ่านฟ้าลีลาศ มาปักหลักยังแยกราชประสงค์ เมื่อวันที่ 3 เมษายน เพื่อขับไล่รัฐบาล

จวบจนถูกกำลังทหารเข้าสลายเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม การประกาศเป็นทางการให้วัดปทุมวนารามเป็นเขตอภัยทานนี้ มีจุดเริ่มต้นจากภายหลังแผนปรองดองถูกฉีกทิ้ง รัฐบาลและ ศอฉ. สั่งทหารเดินหน้าแผน กระชับวงล้อม การชุมนุมจนเกิดการปะทะกับคนเสื้อแดงหลายจุดทั่วกรุงเทพ

"ตัวเลขคนตายคนเจ็บเพิ่มขึ้นรายวัน"

ทหารเริ่มรุกคืบเข้าใกล้เวทีแยกราชประสงค์เข้าไปทุกขณะ ทำให้หลายคนเริ่มเป็นห่วงผู้หญิง เด็ก และคนแก่ ที่อยู่ในกลุ่มผู้ชุมนุมจะได้รับอันตรายหากมีการขอคืนพื้นที่จริง

จากการเปิดเผยของพระธรรมธัชมุนี เข้าอาวาสวัดปทุมวนาราม คือวันที่ 15 พฤษภาคม พอเริ่มมีกระแสข่าวการสลายการชุมนุมที่แยกราชประสงค์ ทางวัดก็ได้รับการติดต่อจากนายโคมทม อารียา ผอ.ศูนย์ศึกษาและพัฒนาการสันติวิธี ม.มหิดล เพื่อขอให้วัดประกาศเป็น "เขตอภัยทาน" ทางวัดไม่ขัดข้องแต่มีข้อแม้ว่าหากใครจะเข้ามาต้องไม่มีอาวุธเข้ามาด้วย

เมื่อตกลงกันตามนี้ได้มีการประสานแจ้งไปยังแกนนำ นปช. ซึ่งได้รับคำตอบรับเงื่อนไขดังกล่าว

ก่อนมีการอพยพ เด็ก ผู้หญิง คนแก่ เข้ามาอาศัยในวัดเพื่อหลบภัยชั่วคราว

โดยไม่มีใครคาดคิดมาก่อนว่าภายใต้แผนปฏิบัติการขอคืนพื้นที่ จะแปรสภาพเขตอภัยทานให้กลายเป็น "คิลลิ่งโซน" พื้นที่สังหารไปในที่สุด

วันที่ 19 พฤษภาคม หลังแกนนำ นปช. ประกาศยุติการชุมนุมและเข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่

ได้เกิดเหตุจลาจลเผาศูนย์การค้า อาคารห้างร้านบริษัท และสถานที่สำคัญหลายแห่ง จนรัฐบาลต้องประกาศ เคอร์ฟิว ช่วง 2 ทุ่มถึง 6โมงเช้า

เพื่อหยุดยั้งสถานการณ์และกวาดล้างผู้ก่อเหตุ

กระทั่งเวลาประมาณ 5 ทุ่มก็เริ่มมีข่าวสะพัดออกมาภายนอกว่า ภายในวัดปทุมวนาราม ซึ่งมีประชาชนคนเสื้อแดงเข้าไปหลบอยู่ราว 3 พันคน มีผู้ถูกยิงเสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 6 คน บาดเจ็บอีกจำนวนหนึ่ง แต่ขณะนั้นไม่มีใครกล้าเข้าไปช่วยเหลือเพราะกลัวตกเป็นเป้ากระสุนสังหารเสีย เอง

รอจนถึงเช้าวันรุ่งขึ้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าเคลียพื้นที่วัดปทุมวนา ราม พร้อมอำนวยความสะดวกให้คนเสื้อแดงกว่า 3 พันคนกลับภูมิลำเนา

ระหว่างนั้นปรากฏว่ามีกลุ่มคนไม่ทราบฝ่ายกราดยิงกระสุนเข้าใส่ตำรวจและ ประชาชนแต่พักเดียวก็เงียบเสียงลง

จากการตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุพบมีผู้ถูกยิงเสียชีวิต 6 ศพ เป็นชาย 5 หญิง 1 ในรายที่เป็นหญิงทราบชื่อต่อมาคือ น.ส.กมนเกด อัคฮาด อายุ 25 ปี ซึ่งเป็นอาสาสมัครพยาบาลของมูลนิธิปอเต๊กตึ๋ง ส่วนพยานบางคนระบุยังมีศพอีกจำนวนหนึ่งถูกลากหายไปยังไม่มีหลักฐานยืนยัน ข้อมูลจากแพทย์หญิงพรทิพย์ ผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กรณีผลการชันสูตร

ระบุการยิงเหมือนเป็นการเลือกเป้า ศพส่วนมากถูกยิงในตำแหน่งเดียวกันคือบริเวณ หน้าอก แผ่นหลัง ต้นแขน ทะลุไปเข้าแก้ม

แปลความอีกทีเป็นการยิงแบบ"เจาะจง" ไม่ใช่ถูกกระสุนปืน"ลูกหลง" แน่นอน

ขณะที่ พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษก ศอฉ. อ้างว่าเป็นฝีมือของกองกำลังไม่ทราบฝ่ายที่ยิงกระสุน "สไนเปอร์" เข้าใส่ประชาชนเพื่อก่อกวนการสลายการชุมนุม

ข้ออ้างเรื่อง"สไนเปอร์"นี้ ครอบคลุมไปถึงสาเหตุการเสียชีวิตของ พล.ตขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ.แดง และผู้ชุมนุมอีกหลายสิบราย

ในเหตุการณ์ตั้งแต่คืนวันที่ 13 พฤษภาคม เป็นต้นมาอีกด้วย

ถึงแม่จะไม่มีใครกล้าเป็นพยานชี้ชัดถึงโฉมหน้าฆาตกร การสังหารหมู่ในครั้งนี้

แต่ปรากฏว่ามีผู้สื่อข่าวต่างประเทศ 2 - 3 คน ที่บังเอิญอยู่ในวัดปทุมวนารามช่วงนาทีกิดเหตุ ความจริงบางส่วนได้รับการเปิดเผยออกมา

สตีฟ ทักเนอร์ นักข่าว ดิออสเตรเลียน ของออสเตรเลีย เล่าว่า

" ตลอดคืนวันที่ 19 พฤษภาคม มีแต่ปืนและระเบิด ในวัดมีทั้งคนตายและคนบาดเจ็บ "

"คนในวัดส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง ไม่ใช่กลุ่มฮาร์ดคอ"

"ชายคนหนึ่งถูกทหารที่อยู่ห่างจากวัดไม่กี่เมตรยิงเข้าใส่จนทรุดลงไปกอง กับพื้น"

ด้านมาร์ค แม๊กคินนอน นักข่าว เดอะ โกล๊บ แอนด์ เมล ของแคนาดา กล่าวถึงเหตุการณ์ในวันนั้นว่า พอใกล้ถึงเวลาที่รัฐบาลประกาศ เคอร์ฟิว สถานการณ์รอบ ๆ วัดตกอยู่ในสภาพตึงเครียด

"คนในวัดต้องหลบกระสุนกันชุลมุน แม้ว่าวัดจะเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิและปลอดภัยก็ตาม"

"บางคนในกลุ่มผู้ชุมนุมพยายาม "ยิงพลุ" เพื่อตอบโต้ทหาร"

ขณะที่ แอนดรู บันคอมบ์ นักข่าวหนังสือพิพม์ ดิ อินดีเพนเดนต์ ประเทศอังกฤษ ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ และได้รับบาดเจ็บถูกยิงที่ขา กล่าวไว้ตอนหนึ่งว่า

"ไม่แน่ใจว่าทหารจงใจยิงนักข่าวแล้วหรืออย่างไร"

"และไม่สนใจว่าใครเป็นใคร และไม่สามารถตอบได้ว่าทหารยิงกราดไปทั่วด้วยเหตุผลอะไร"

" ที่ค่อนข่้างแน่ใจคือกระสุนมาจากฝั่งทหาร"

หลังเหตุการณ์มี นสพ.ไทยบางฉบับนำภาพชายในชุดทหารถืออาวุธปืนซุ่มยิงอยู่บนรางรถไฟฟ้าบีทีเอส

"เส้นทางพาดผ่านวัดปทุมวนาราม" เผยแพร่

ระบุเวลาช่วงเช้าของวันที่ 20 พฤษภาคม หลังเกิดเหตุการณ์สังหารหมู่ในวัดปทุมวนารามไม่กี่ชั่วโมง

ก่อให้เกิดข้อถกเภียงอย่างกว้างขวาง

นายสุเทพ เทอกสุบรรณ รองนายก และผู้อำนวยการ ศอฉ. กล่าวถึงภาพกลุ่มชายแต่งชุดทหารยืนถือปืนบนรางรถไฟฟ้าดังกล่าวว่า

" คือโจรไงครับ ผู้ร้ายไงครับ เขาอยู่ที่นั่นมาตลอด"

นายสุเทพอธิบายด้วยว่าภาพที่สื่อเอาไปลง นั้นคือภาพที่ศาลาแดง

ซึ่งต่อมา นสพ. ได้นำภาพดังกล่าวมาลงซ้ำอีกครั้ง ซึ่ง"หักล้าง" คำให้การของนายสุเทพ

กรณี 6 ศพ ในวัดปทุมวนาราม กลายเป็นปมปัญหา ปมใหญ่ ของรัฐบาล

และรัฐบาลโดยเฉพาะ ศอฉ. ก็ได้พยายาม"แก้ไขกลบเกลื่อน"ปัญหานี้ั ด้วยวิธีการแบบเดิม ๆ

นั่นคือการโยนความผิดให้กองกำลังไม่ทราบฝ่าย หรือโจรชุดเดิม " แพะตัวเดิม" จากเหตุการณ์วันที่ 10 เมษายน พร้อมกับการ"ปิดตาสื่อ" ด้วยการประกาศเคอร์ฟิวส์

นอกจากนี้ ด้วยความร่วมมือกันทำหน้าที่อย่างเป็นระบบ ตั้งแต่วันที่ 20 21 และ 22 พฤษภาคม มีการนำกำลังเข้าตรวจค้นเคลีย พื้นที่ในวัดปทุมวนาราม หลายครั้งต่อหลายครั้ง

ผลปรากฏว่าเจ้าหน้าี่ที่ทหารใช้ "ความสามารถพิเศษ" ตรวจค้นพบอาวุธสงครามร้ายแรง ซุกซ่อนอยู่ตามซอกมุมต่าง ๆ ในเขตรั้่วอภัยทานได้เป็นจำนวนมาก

ถึงขนาดพระเณร ในวัดยังอด แปลกประหลาดใจ ไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้แพร่งพรายอะไรออกมา

ก่อนหน้านี้ ฝ่ายเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจค้นวัดมาแล้ว

พบเพียง "อาวุธปืนและระเบิด ชนิดไม่ร้ายแรงเท่านั้น" และไม่ได้มีจำนวนมากมายอะไร

ซึ่งคำอธิบายของทหารในกรณีนี้คือ " หมาตำรวจมันเพลีย" (ฮา) ...(ฮา) อันนี้ผมเติมเอง...

ต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องยากที่จะยอมรับได้ทั้งในการเมือง และทางพุทธศาสนา

พระสงค์วัดปทุมฯ ยอมรับว่าในวันที่เจ้าอาวาส ประกาศให้วัดเป็นเขตอภัยทาน ก็ไม่นึกว่าเหตุการณ์จะบานปลายมาเป็นอย่างทุกวันนี้

วันที่ประชาชน 6 ศพ ถูกยิงเสียชีวิตภายในวัด

จุดที่มีการขึงป้ายว่า "เขตอภัยทาน"

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ผู้ให้ข้อมูลร่วมกัน