แดงเชียงใหม่

กราบสวัสดี พี่น้องทุกๆท่านที่เข้ามาเยี่ยมเยือน Blog นปช.แดงเชียงใหม่ ขอเรียนชี้แจงสักนิดว่า เรา ”แดงเจียงใหม่” เป็นกลุ่มคนชาวเจียงใหม่ที่เคารพรัก กติกาประชาธิปไตย ต่อสู้และต่อต้านเผด็จการทุกรูปแบบ อยากเห็นประเทศชาติภายภาคหน้า มีความเจริญ ประชาชน รุ่นลูกหลานของเราอยู่อาศัยอย่างร่มเย็นเป็นสุขในประเทศของพวกเราเอง ไม่มีกลุ่มอภิสิทธิ์ชนกลุ่มใดมาสูบเลือดเนื้อ แอบอ้างบุญคุณเฉกเช่นในยุคนี้ที่พวกเราเห็น การที่จะได้รับในสิ่งที่มุ่งหวังก็ต้องมีการต่อสู้แสดงกำลังให้สังคมได้รับรู้ และเพื่อที่จะให้กลุ่มบุคคลที่มีอำนาจในปัจจุบันได้เข้าใจในสังคมที่ก้าวหน้าเปลี่ยนแปลงไป ไม่อาจฝืนต่อกระแสการพัฒนาของโลก การต่อสู้ร่วมกับผองชนทั่วประเทศในครั้งนี้ เรา " แดงเจียงใหม่ " ได้ร่วมต่อสู้ทุกรูปแบบ และ ในรูปแบบที่ท่านได้เข้ามาร่วมอยู่นี้ คือการเผยแพร่ข่าวสารต่อสังคม

เรา " แดงเจียงใหม่ " ขอเชิญชวนร่วมกันสร้างขวัญ และกำลังใจให้เพื่อนพ้องน้องพี่ร่วมกัน


"อันประชาสามัคคีมีจัดตั้ง
เป็นพลังแกร่งกล้ามหาศาล
แสนอาวุธแสนศัตรูหมู่อันธพาล
ไม่อาจต้านมวลมหาประชาชน"

.

วันอังคารที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

สมยศ พฤกษาเกษมสุข:ผมยอมสูญเสียอิสรภาพแต่จะไม่ยอมสูญเสียความเป็นคน

Tue, 2010-05-25 09:12

บันทึกความในใจก่อนการมอบตัว
ผมยอมสูญเสียอิสรภาพแต่จะไม่ยอมสูญเสียความเป็นคน

( 23.5.53) วันนี้ผมได้รับแจ้งว่า ตำรวจกองปราบปรามโดยพลตำรวจตรีจักรทิพย์ ไชยจินดา ได้เข้ามาค้นบ้านพักผมย่านดอนเมือง พร้อมกับหมายจับกรณีทำผิดต่อพรก.ฉุกเฉิน สืบเนื่องมาจากเมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2553 เวลา 13.00 น.ที่ผ่านมา ผมและอาจารย์สุธาชัย ยิ้มประเสริฐ ในนามของกลุ่ม24มิถุนาประชาธิปไตย ได้จัดการแถลงข่าว ที่หน้าบ้านเลขที่ 111 พร้อมออกแถลงการณ์ เรียกร้อง 5 ข้อ คือ

1.ให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ ผอ.ศอฉ.ลาออกจากตำแหน่งในรัฐบาลทันทีเพื่อแสดงความรับผิดชอบกรณีสลายการ ชุมนุมของคนเสื้อแดงทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก

2.ยกเลิกประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ยกเลิกการจัดตั้ง ศอฉ. การประกาศเคอร์ฟิว และถอนกำลังทหารออกจากพื้นที่

3.ยุติการคุกคามสื่อสารมวลชนทุกประเภท

4.ให้ปฏิบัติต่อแกนนำ นปช.ที่ถูกจับกุมในฐานะที่เป็นนักโทษการเมืองแต่ไม่ใช่ในฐานะอาชญากร และ

5.เปิดเผยความจริงการใช้กำลังทหารปราบปรามและจำนวนผู้เสียชีวิตบาดเจ็บที่ แท้จริง โดยมีตัวแทน นปช.เข้าไปร่วมตรวจสอบ

พร้อมทั้งประกาศว่า จะดำเนินการจัดตั้งสมัชชาประชาธิปไตย เพื่อจัดการชุมนุมขึ้นในวันที่ 30 พฤษภาคม 2553 ที่จังหวัดราชบุรี และจะจัดงาน ถามหาวันชาติไทย ทวงคืนประชาธิปไตยในวันที่ 24 มิถุนายน 2553 ที่สนามหลวง

เมื่อผมมาถึงสำนักงานบ้านเลขที่ 111 ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ว่า ตำรวจห้ามไม่ให้ใช้สถานที่แถลงข่าว และในเวลา 12.30 น. พ.ต.อ.รังสรรค์ ประดิษฐผล ผกก.สน.นางเลิ้ง ได้อ้างคำสั่งศอฉ.ไม่อนุญาตให้ใช้พื้นที่มูลนิธิฯ แถลงข่าว โดยให้เหตุผลว่า ขัดกับ พ.ร.ก.ฉุกเฉินและคำสั่ง ศอฉ.ที่ห้ามมีการชุมนุมทางการเมือง ผมและอาจารย์สุธาชัย จึงมาแถลงกันที่ริมฟุตบาธข้างถนนแทน

การแถลงข่าวของผมและและอ.สุธาชัย นั้นเป็นไปอย่างเปิดเผย ตรงไปตรงมา เพราะผมเห็นแล้วว่าฝ่ายรัฐบาลอภิสิทธิ์นั้นได้เข่นฆ่าประชาชนที่พบร่างไร้ วิญญาณมากกว่า 80 ศพแล้วและอีกเท่าไรที่อาจถูกทำลายทิ้งหลักฐานศพไป และยัง มีผู้บาดเจ็บอีกกว่า 1500 คน น่าจะมีมโนธรรมสำนึก อีกทั้งพวกเราชาวไทยนับถือพุทธศาสนา พวกเรามีความเชื่อว่าการฆ่าสัตว์ตัดชีวิตเป็นบาป เป็นความเลวร้ายที่สุด จึงเป็นศีลข้อที่1ในบรรดาศีล 5 ข้อหลักสำคัญของพุทธศาสนา พวกเราชาวพุทธถูกพร่ำสอนและปลูกฝังในเรื่องความรัก ความเมตตาที่ควรมีต่อกันในฐานะที่เป็นมนุษย์ด้วยกัน ผมจึงต้องออกทำหน้าที่เรียกร้องให้คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะและคุณสุเทพ เทือกสุบรรณ ต้องแสดงออกถึงความรับผิดชอบต่อโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้น และภายหลังการปราบปรามสิ้นสุดลง รัฐบาลยังใช้อำนาจตามพรก.ฉุกเฉินกวาดล้างคนเสื้อแดงจำนวนมากมาย ยิ่งจะเป็นการตอกย้ำให้เกิดความขัดแย้งร้าวฉานในสังคมไทยไม่มีที่สิ้นสุด

ผมต้องการความสงบสันติเหมือนกับทุกคน ผมจึงเห็นว่าหนทางแรกที่สุดก็คือ คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะและคุณสุเทพ เทือกสุบรรณ ควรพ้นจากตำแหน่งเสียก่อน แต่กลับเป็นสิ่งตรงกันข้าม ทั้งสองคนนั้นกำลังมัวเมาในอำนาจการเมือง เสพสุขบนกองทุกข์ของผู้อื่น มีอำนาจอยู่บนซากศพและความหายนะของคนจำนวนมาก

ผมเป็นคนทำงานด้านสื่อสารมวลชนคนหนึ่ง ที่ต้องนำเสนอความจริง นำเสนอข่าวสารเพื่อปกป้องความถูกต้อง ปกป้องศีลธรรมและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของทุกคน ผมทำหน้าที่นำเสนอความคิดด้วยบทวิเคราะห์ทางการเมืองด้วยความห่วงใยต่อชะตา กรรมของประเทศไทยที่ผมเติบโตขึ้นมา แต่ผมและนิตยสาร Voice of Taksin ก็ถูกกล่าวหา ถูกให้ร้ายป้ายสี ถูกกดดัน กระทั่งถูกคุกคามหมายปองถึงชีวิต กระทั่งในที่สุดรัฐบาลอภิสิทธิ์ ใช้อำนาจศอฉ.ให้ผมไม่สามารถทำธุรกรรมทางการเงินได้ ทั้งๆที่ผมมีเงินรายได้เพียงเดือนละไม่เกิน 30000 บาทจากการทำงานด้านสื่อสารมวลชน

ทางรัฐบาลอาจเข้าใจว่านิตยสารVoice of Taksin เป็นของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร แต่ความเป็นจริงแล้ว เป็นเพียงชื่อหนังสือทางการค้า เพราะคนเสื้อแดงซึ่งศรัทธาในผลงานของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรอีกทั้งยังเป็นผู้ร่วมเสียสละเงินทุนเพื่อร่วมกันจัดทำนิตยสารฉบับ นี้ออกมา ผมใช้เงินทุนส่วนตัวจำนวนหนึ่งบุกเบิกออกมา ผมขอยืนยันเลยว่า ผมพบคุณทักษิณเพียงครั้งเดียวในปี 2548 ที่กระทรวงแรงงานก่อนวันแรงงานแห่งชาติ ด้วยเวลาไม่ถึง3 นาทีนอกจากนั้นแล้ว ผมไม่เคยมีส่วนเกี่ยวข้องหรือมีส่วนได้เสียอะไรทั้งสิ้น ในทางตรงกันข้ามหากมีสิ่งใดที่ไม่ถูกต้องผมก็เคยท้วงติงและวิพากษ์วิจารณ์ อย่างเปิดเผยมาโดยตลอด

เมื่อเกิดการรัฐประหาร19กันยายน 2549 ผมเห็นว่า เป็นการปล้นบ้านกินเมือง ผมต้องออกมาต่อสู้กับเผด็จการทหาร ผมต่อสู้ด้วยความคิด สติปัญญา ด้วยการนำเสนอความจริง เผยแพร่ความรู้ ข่าวสาร ทั้งในรูปแบบหนังสือเล่มและสิ่งตีพิมพ์ จนกระทั่งกลายมาเป็นแกนนำคนเสื้อแดง หลังจากแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยแห่งชาติหรือนปก.ถูกจับกุมครั้งแรกเมื่อนำ ประชาชนไปที่บ้านสี่เสาเทเวศร์เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2550 ผมทำหน้าที่เป็นแกนนำนปช.ตามปกติสุข ทำหน้าที่ให้ดีที่สุด จนผมถูกดำเนินคดีข้อหาหมิ่นประมาทหลายคดีด้วยกัน แต่ผมไม่เคยท้อถอย ผมยึดมั่นวิถีทางการต่อสู้ด้วยความรู้ ความจริง ด้วยการถกเถียง ด้วยการโต้แย้งที่เป็นไปตามครรลองประชาธิปไตย

จนกระทั่งเมื่อปีที่แล้ว ผมยุติการเป็นแกนนำคนเสื้อแดงเพื่อจัดทำนิตยสาร Voice of Taksin เต็มตัว และจัดทำรายการโทรทัศน์ดาวเทียมกับอาจารย์สุธาชัย ยิ้มประเสริฐ จึงไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับแกนนำนปช. อีกต่อไป แม้กระทั่งเมื่อมีการชุมนุมใหญ่ของคนเสื้อแดงตั้งแต่วันที่ 12 มีนาคมเป็นต้นมา ผมไปทำหน้าที่เพียงการถ่ายภาพ รวบรวมข้อเท็จจริงมานำเสนอผ่านนิตยสาร Voice of Taksin เท่านั้นไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆกับแกนนำ เพียงแต่คอยเอาใจช่วยด้วยความห่วงใยและได้แต่สวดมนต์แผ่เมตตาเพื่อให้พวกเขา ไม่ต้องถูกปราบปรามเข่นฆ่าเท่านั้น

ผมต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย เพื่อสิทธิเสรีภาพของประชาชน เพื่อปกป้องสิทธิคนยากไร้ ผู้ใช้แรงงานมาหลายสิบปี ผมเป็นคนหนึ่งถ้ามีโอกาสนำเสนอข้อเรียกร้องต่อสังคมนั้น ผมอยากเห็นชีวิตความเป็นอยู่ของกรรมกร ชาวนาให้ดีขึ้น มีสิทธิเสรีภาพมากขึ้น ให้สมศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์

ผมมาต่อสู้ร่วมกับคนเสื้อแดง เพราะว่า สังคมไทยไมมีประชาธิปไตย ยังมีความเหลื่อมล้ำต่ำสูงในสังคม มีการเลือกปฏิบัติที่เป็นสองมาตรฐานที่รุนแรงมากที่สุดเกิดขึ้นกับรัฐบาลประ ชาธิปัตย์ สำหรับคนเสื้อแดงพวกเขาคือประชาชนที่ตื่นตัวทางการเมือง พวกเขารู้สึกว่าเป็นพลเมืองชั้นสองของประเทศนี้ กระทั่งพวกนปช.เรียกกันว่าเป็นไพร่ เป็นผู้ถูกเอารัดเอาเปรียบ

การชุมนุมที่สะพานผ่านฟ้า และราชประสงค์มีข้อเรียกร้องให้ยุบสภา คืนอำนาจให้ประชาชนตามวิถีทางประชาธิปไตย แต่สิ่งที่ได้รับคือเลือด น้ำตาและความตายที่รุนแรงที่สุดในรอบ 78ปีของการเมืองไทย ความผิดของแกนนำนปช.ที่นำการต่อสู้ครั้งนี้จนเกิดความสูญเสียครั้งใหญ่ก็คือ พวกเขาประมินความเป็นคนของรัฐบาลอภิสิทธิ์ ผิดไปเท่านั้น พวกเขายังไม่รู้ถึงความโหดเหี้ยมอำมหิตของอาชญากรทางการเมืองที่มีอำนาจต่อ เนื่องมายาวนาน ผมเคยได้ยินจากพวกเขาว่า พวกทหารหรือตำรวจไม่กล้าฆ่าแกงพวกเราหรอก ไม่พ้นยุคสมัยแห่งความป่าเถื่อนไปแล้ว

แต่ความจริงวันนี้ รัฐบาลสั่งทหารฆ่าคนตายกลางถนนได้โดยไม่มีความผิด และทุกครั้งของการสังหารหมู่ประชาชนไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์นองเลือด 6 ตุลาคม 2519 หรือพฤษภาทมิฬ 2535 คนที่ผิดถูกดำเนินคดีคือพวกประชาชนที่ออกมาเรียกร้องประชาธิปไตยบนท้องถนน และเป็นพวกที่ถูกเข่นฆ่าตายกลางถนน เช่นเดียวกันกับกรณีคนเสื้อแดงที่ถูกสังหารหมู่ ตายเป็นใบไม้ร่วงไปแล้วแต่ฝ่ายรัฐบาลซึ่งเป็นเสมือนฆาตกรกลับใช้อำนาจที่ เหนือกว่าโยนความผิด “ผู้ก่อการร้าย”มาให้ ดังนั้นสำหรับการนำอาวุธสงครามมาเข่นฆ่าประชาชนกลับไม่มีความผิด ด้วยเหตุผลง่ายๆไร้ยางอายว่าพวกเขากำลังมาทวงพื้นที่คืนด้วยการกระชับวงล้อม

ผมเห็นว่า รัฐบาลอภิสิทธิ์ กำลังนำสังคมไทยสู่ยุคมืดแล้ว พวกเขากลายเป็นรัฐบาลโหดเหี้ยมอำมหิตไร้ศีลธรรม เป็นรัฐบาลเผด็จการฟัสซิสต์เต็มรูปแบบ เพียงเพื่อรักษาระบอบอำมาตย์และปกป้องผลประโยชน์ของชนชั้นอภิสิทธิชนในสังคม ไทยเท่านั้น

แต่สำหรับผม ผมไม่ต้องการตอบโต้ใดๆด้วยความรุนแรง ผมหวังว่ายังมีความเป็นธรรมหลงเหลืออยู่บ้างในสังคมไทย ผมเชื่อว่ายังมีหลายคนที่มีมโนธรรมสำนึก มีความรัก ความเมตตาในฐานะที่เป็นชาวพุทธด้วยกัน ย่อมปฏิบัติต่อกันด้วยความเอื้ออาทร ผมจึงตัดสินใจเข้ามอบตัวต่อศอฉ.ตามหมายจับซึ่งอนุมัติโดยศาลอาญา

ผมยอมสูญเสียอิสรภาพและ ยอมใช้ชีวิตที่จะยากลำบาก อยู่ในคุกตะรางในยุคมืดยุคนี้ แต่ผมจะไม่ยอมสูญเสียมโนธรรมสำนึกความเป็นคนและความรักความเมตตาที่มีต่อ เพื่อนมนุษย์ของสังคมไม่ว่าผมจะอยู่ในประเทศไทยหรือในประเทศอื่นใดในโลกนี้ ไม่ว่าจะเป็นชาตินี้หรือชาติหน้า

ผมหวังว่าคนเสื้อแดงทุกคนจะมีจิตใจที่เข้มแข็ง อย่าท้อถอย จงยืนหยัดต่อสู้ต่อไปด้วยสติปัญหา ด้วยความรัก และเมตตา และด้วยจิตใจกล้าหาญหนักแน่น ต่อสู้จนกว่าพวกเราจะได้สังคมใหม่ที่ดีงาม กว่าเดิม เป็นสังคมที่มีความเท่าเทียม เสมอภาค เสรีภาพและประชาธิปไตยที่แท้จริง

หวังว่าทุกคนจะได้สรุปบทเรียน สรุปประสบการณ์การต่อสู้ครั้งนี้ร่วมกัน ขอคารวะแด่ทุกดวงวิญญาณที่จากไป การตายของพวกเขาหนักแน่นยิ่งกว่าภูผาใด พวกเขาคือวีรชนที่สถิตย์ในใจของผมและคนทุกคนที่ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย

หากผมได้รับอิสรภาพ ไม่ถูกจับเข้าคุกตะราง หรือหากถูกปล่อยตัวกลับมา ผมจะกลับมาทำหน้าที่สื่อมวลชนที่ต่อสู้เพื่อความถูกต้องและร่วมต่อสู้กับพี่ น้องประชาชนให้ได้มาซึ่งประชาธิปไตยของประชาชนอย่างแท้จริง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ผู้ให้ข้อมูลร่วมกัน