Sun, 05/30/2010 - 18:14 | by ronin | Vote to close topic
จากเวป http://nonlaw.7forum.net
........................................................................
นิยามของคำว่า “สังหารหมู่” คือการกระทำหรือเข่นฆ่ามนุษย์จำนวนมาก
ที่มีความคิดเห็นแตกต่างด้วยความโหดร้าย ดังนั้น จึงแน่ชัดว่า
สิ่งที่เกิดขึ้นบนท้องถนน กทม. จึงนิยามได้ว่าเป็นการสังหารหมู่
และไม่ได้เกิดขึ้นเพียงแค่ครั้งเดียว เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นกับกลุ่มคนเสื้อแดง
โดยทหารและตำรวจ ขณะนี้บางทีตัวเลขผู้เสียชีวิตอาจมากกว่าเหตุการณ์
ความรุนแรงที่เกิดขึ้นโดยทหาร ตลอดช่วงเวลา 50 ปีผ่านมา
และยิ่งรัฐบาลไทยสัญญาว่าจะพยายามนำความสงบสุข
มามอบคืนให้กับคนไทยโดยเร็ว ก็ยิ่งเท่ากับเป็นการกระตุ้นให้
เกิดการสังหารหมู่อย่างช้าๆมากยิ่งขึ้น
หากนี่ไม่ใช่การสังหารหมู่แล้วเมื่อไรถึงจะเป็น จะให้มีผู้เสียชีวิต 80 คนก่อน หรือมีผู้เสียชีวิต
แตะหลัก 100 คนก่อนจึงจะเรียกว่าการสังหารหมู่ ซึ่งการสังหารหมู่ในครั้งนี้มีความแตกต่าง
จากเหตุการณ์เดียวกันที่เกิดขึ้นในไทยเมื่อหลายๆครั้งที่ผ่านมาหลายประการ
ข้อแรก หลายๆประเทศลังเลที่จะประณามการกระทำของรัฐบาลไทย ขณะที่องค์กรทางสิทธิมนุษยชน
ได้เรียกร้องให้ทั้ง 2 ฝ่ายยุติความรุนแรงและหันหน้ามาเจรจากันอีกครั้ง แตกต่างจากเหตุการณ์
ในปี 1976 และ 1992 ที่การเสียชีวิตของผู้ประชุมนุม ซึ่งเป็นนักศึกษาและชาวบ้าน ได้รับการประท้วง
และประณามทั้งจากคนในประเทศและต่างประเทศ แต่นั่นไม่เกิดขึ้นกับเหตุการณ์ในครั้งนี้
มีแต่เสียงแสดงความชื่นชมและดีใจที่ทางกองทัพพยายามผลักดันกลุ่มผู้ชุมนุม
ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวบ้านจากต่างจังหวัด ออกไปจากท้องถนนใน กทม.
ไม่ว่าจะต้องใช้วิธีการใดๆ ก็ตาม โดยไม่คำนึงถึงว่ากลุ่มคนที่ถูกฆ่านั้น
เป็นคนไทยด้วยกันที่มีความเห็นแตกต่าง หากคนๆหนึ่ง เชื่อสิ่งที่รัฐบาลไทยทำอยู่ว่า
เป็นสิ่งที่ยอมรับได้ มันก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะเรียกสิ่งที่เกิดขึ้นว่า สังหารหมู่อยู่ดี
ต่อให้คนๆหนึ่งพยายามทำให้ตัวเองสบายใจด้วยการบอกกับตัวเองว่า
คนเหล่านั้นได้รับการเตือนจากทางรัฐบาลแล้วให้ออกมาจากพื้นที่ชุมนุมเพื่อ
หลีกเลี่ยงความรุนแรง หรือหลีกเลี่ยงการตกเป็นเหยื่อจากแดงฆ่าแดงด้วยกัน
หรือเข้าใจว่าคนเหล่านี้เป็นผู้ก่อการร้าย เข้าใจและยอมรับมัน นั่นก็จะนำไปสู่
การสังหารหมู่อย่างต่อเนื่องต่อไป สำหรับใครที่ไม่ยอมรับสิ่งเหล่านี้
โดยเฉพาะกับโอกาสที่ผู้บริสุทธิ์จะพลอยติดร่างแหไปด้วย ก็ได้เวลาแล้วที่จะแสดงจิตสำนึกและ
ความรับผิดชอบทางจริยธรรมออกมา ได้เวลาแล้วที่จะพุ่งเป้าไปที่ความรับผิดชอบของ
รัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ไม่ว่าจะมาจากความตั้งใจหรือไม่มีการเตรียมการที่ดีพอจนทำให้รัฐบาล
ตัดสินใจสลายกลุ่มผู้ชุมนุมเมื่อวันที่ 10 เมษายน 2010 ทั้งนี้ ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่
นายอภิสิทธิ์จะต้องรับผิดชอบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งในแง่ของ
ความสำนึกและกฎหมาย คนที่ตายเหล่านี้ ควรมีโอกาสขึ้นศาลเพื่อ
พิสูจน์ความบริสุทธิ์กับคนที่สั่งฆ่าเขา หากรัฐบาลอภิสิทธิ์ไม่สามารถหาใครมารับผิดชอบกับ
การตายที่เกิดขึ้นได้ก็ควรจะลาออกจากตำแหน่งเสีย เพื่อเปิดโอกาสให้คนที่สนใจเรื่องเหล่านี้ขึ้นมา
รับผิดชอบแทน การเสียชีวิตของผู้ชุมนุมในเวลากลางคืนช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาไม่ว่าจะด้วย วิธีใด
หรือสาเหตุใดก็ตาม ถูกหยิบยกให้เป็นหลักฐานที่จะแสดงให้เห็นว่าพวกเขาคือ “ผู้ก่อการร้าย”
และรัฐบาลมีความชอบธรรมที่จะสังหารกลุ่มคนเหล่านี้ และยิ่งมีคำกล่าวอ้างที่ว่ามี
กลุ่มผู้ก่อการร้าย 500 คนแอบแฝงอยู่ในกลุ่มผู้ชุมนุม ก็ยิ่งสร้าง
ความชอบธรรมเข้าไปใหญ่ อย่างที่ผู้นำการชุมนุมครั้งหนึ่งเคยกล่าวว่า
การที่รัฐบาลพูดออกมาเช่นนี้เท่ากับเป็นการประกันว่า ผู้ชุมนุมมีสิทธิถูกฆ่า
ถึง 500 คน ไม่ว่าคนๆนั้นจะเป็นผู้บริสุทธิ์หรือผู้ก่อการร้ายก็ตาม
ดังนั้น สำหรับรัฐบาลที่กระหายที่จะยอมรับการสังหารหมู่เช่นนี้ จึงควรเป็นรัฐบาลที่ไม่ได้รับ
การยอมรับจากสังคมประชาธิปไตยและสังคมที่มีเกียรติแต่อย่างใด
เบื้องหลังของทั้งสองฝั่งในไทย
คนบงการก็กลุ่มเดิมๆ คือถูกสนับสนุนจาก CIA
แค่เปลี่ยนชื่อตัวศัตรูจาก คอมมิวนิสต์
มาเป็น กลุ่มก่อการร้าย เท่านั้นเอง
NEVER ENDING STORY
ยังมีอีกยาว.....และน่าอ่านด้วย
http://ocked.info/browse.php?u=Oi8vbm9ubGF3Ljdmb3J1bS5uZXQvZm9ydW0tZjEvd...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น