แดงเชียงใหม่

กราบสวัสดี พี่น้องทุกๆท่านที่เข้ามาเยี่ยมเยือน Blog นปช.แดงเชียงใหม่ ขอเรียนชี้แจงสักนิดว่า เรา ”แดงเจียงใหม่” เป็นกลุ่มคนชาวเจียงใหม่ที่เคารพรัก กติกาประชาธิปไตย ต่อสู้และต่อต้านเผด็จการทุกรูปแบบ อยากเห็นประเทศชาติภายภาคหน้า มีความเจริญ ประชาชน รุ่นลูกหลานของเราอยู่อาศัยอย่างร่มเย็นเป็นสุขในประเทศของพวกเราเอง ไม่มีกลุ่มอภิสิทธิ์ชนกลุ่มใดมาสูบเลือดเนื้อ แอบอ้างบุญคุณเฉกเช่นในยุคนี้ที่พวกเราเห็น การที่จะได้รับในสิ่งที่มุ่งหวังก็ต้องมีการต่อสู้แสดงกำลังให้สังคมได้รับรู้ และเพื่อที่จะให้กลุ่มบุคคลที่มีอำนาจในปัจจุบันได้เข้าใจในสังคมที่ก้าวหน้าเปลี่ยนแปลงไป ไม่อาจฝืนต่อกระแสการพัฒนาของโลก การต่อสู้ร่วมกับผองชนทั่วประเทศในครั้งนี้ เรา " แดงเจียงใหม่ " ได้ร่วมต่อสู้ทุกรูปแบบ และ ในรูปแบบที่ท่านได้เข้ามาร่วมอยู่นี้ คือการเผยแพร่ข่าวสารต่อสังคม

เรา " แดงเจียงใหม่ " ขอเชิญชวนร่วมกันสร้างขวัญ และกำลังใจให้เพื่อนพ้องน้องพี่ร่วมกัน


"อันประชาสามัคคีมีจัดตั้ง
เป็นพลังแกร่งกล้ามหาศาล
แสนอาวุธแสนศัตรูหมู่อันธพาล
ไม่อาจต้านมวลมหาประชาชน"

.

วันเสาร์ที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

" นายกอำมหิต อภิสิทธิ์ ร้อยศพ "


โดย...เทิดไท ประชาธรรม


นับจากเหตุการณ์ "ขอพื้นที่คืน" ที่สะพานผ่านฟ้าลีลาศ เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2553 เรื่อยมาถึงเหตุการณ์ "กระชับพื้นที่" ที่ราชประสงค์ ระหว่างวันที่ 13 – 19 พฤษภาคม 2553 ด้วย คำพูดที่สวยหรูจาก ศอฉ.และรัฐบาล แต่ความหมายมันก็คือ "การเข้าสลาย และปราบปราม" นั้นเอง
เป็นเหตุให้มีประชาชนผู้บริสุทธิ์ ทั้งชาย หญิง เด็ก คนชรา แม้แต่สตรีมีครรภ์ ตลอดถึงนายพลของกองทัพ คนเก็บขยะ เจ้าหน้าที่ช่วยเหลือ คนเจ็บ และ เจ้าหน้าที่พยาบาลอาสา ได้สังเวยความ "อำมหิต" ของ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กว่าหนึ่งร้อยศพ (ตัวเลขทางการคือ 88 ศพ) และมีผู้บาดเจ็บอีกเกือบสองพันคน
นี่ยังไม่นับรวมกับศพที่สูญหายจำนวนมาก โดยมีข่าวลือว่า ถูกนำไปฝังรวมกันที่ค่ายทหารราบแห่งหนึ่งใน กรุงเทพฯ และยังไม่นับรวมถึงกับศพที่มีข่าวลือจากข้อสงสัยของผู้คน ว่า "มีอีกหลายร้อยชีวิตที่เป็นสตรี และคนชรา" เวทีราชประสงค์ ที่ไม่ยอมสลาย และคอยจนนาทีสุดท้ายให้ทหารเข้ามาถึง จนถูกทหารกราดยิง เพราะไม่มีสื่อมวลชนเข้าไปด้วยแม้แต่คนเดียว และถูกนำศพไปเผารวมกัน เซ็นทรัลเวิลด์ "เมรุ เผาศพที่ใหญ่ที่สุดในโลก" แล้วปล่อยให้ไฟเผานานกว่า 12 ชม. โดยเจ้าหน้าที่ไม่ สนใจที่จะดับเพลิง แต่อย่างใด !!!???


"หนึ่งร้อยศพ" ไม่ น่าจะน้อยกว่านี้ คือผลงานและวิธีแก้ปัญหา "แบบเลือดทาแผ่นดิน" ของอภิสิทธิ์
"แผนปรองดอง" หรือ โรดแม็ป 5 ข้อ ของ อภิสิทธิ์ ที่ออกมาก่อนหน้านี้ มีหลายคนรวมทั้งผู้เขียน เคยวิพากษ์วิจารณ์ว่า "เป็นแค่แผนหลอกล่อให้คนเสื้อแดงกลับบ้าน หรือหลอกให้คนที่เวทีราชประสงค์ลดน้อยลง เพื่อจะได้ง่ายต่อการเข้าสลาย และล้อมปราบ ไม่ได้มีความจริงใจที่จะปรองดองอะไรเลย"


และแล้วคำวิพากษ์วิจารณ์เหล่านั้นก็เป็นจริง เห็นชัด ๆ ว่า ในหัวสมองของอภิสิทธิ์นั้น ไม่มีคำว่า "ปรองดอง" แต่อย่างใด สิ่งเดียวที่มีในหัวสมองของอภิสิทธิ์คือ "ต้องเอาเลือด ไพร่ทาบนแผ่นดินให้จงได้" ตามคำบัญชาของมหาอำมาตย์อำมหิต "ตาย สิบตายแสน ไม่ต้องใส่ใจ" คนไทยหกสิบกว่าล้านคน ตายแค่นี่ถือว่าน้อยไป และเป็นการเชือดไก่ให้ลิงดูว่า "ต่อไปพวกไพร่อย่าริฮือ"


ท่านผู้อ่านที่เคารพ "สัญญาณอำมหิต" เพื่อปลิดชีวิตไพร่กว่าร้อยศพ ได้ถูกส่งสัญญาณแล้วตั้งแต่มีข่าวว่า "ผู้หญิง คนหนึ่ง" โทรหา "อนุพงษ์" ว่า "ให้จัดการปราบไพร่ได้เลยไม่ต้องปรานี ปราศรัย"
สัญญาณต่อมา คือ เมื่อพวกพันธมิตร โดยมหาจอมปลอม และกลุ่มเสื้อหลากสีของหมอไร้จรรยาบรรณ และเหล่าลูกสมุนอำมาตย์ ออกมาประสานเสียง ให้รัฐบาลจัดการกับคนเสื้อแดงโดยเด็ดขาด ถ้าไม่จัดการแล้วพวกพันธมารจะจัดการเอง


ต่อมาก็มี เอ็ม.79 มี "สไนเปอร์" ออกมาเก็บ "คนเสื้อแดง" ทีละศพ ๆ จนมาถึงคิวของ "เสธ.แดง" พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล แหล่ะนี่คือ "ซิกสุดท้าย" ที่เป็นสัญญาณว่า "ร้อย ศพ" นั้น น้อยมาก ที่คนกระหายเลือดอย่างอภิสิทธิ์ ทาสรับใช้อำมาตยา จะทำการเข่นฆ่า


แกนนำ นปช.ชะล่าใจ หรือแม้แต่ใคร ๆ ก็คิดไม่ถึงว่า พวกมหาอำมาตยาสามานย์ จะมีใจที่ "อำมหิต" สั่งเข่นฆ่าประชาชนของตนเองได้ถึงเพียงนี้ ร้อยศพ ที่ตัวเลข เป็นทางการ และอีกหลายร้อยศพที่สาบสูญ ไม่มีใครทราบว่าอยู่ที่ไหน จึงได้เกิดขึ้น ณ ใจกลางเมืองหลวงของประเทศไทย


แม้จะเป็นร้อยศพ ที่แลกกับคำว่าประชาธิปไตยอันว่างเปล่า แต่ก็เป็นร้อยศพที่ได้เผยธาตุแท้ของ "ระบอบอำมาตยาธิปไตย" ได้อย่างหมดใส้หมดพุง


นักวิชาการด้านรัฐศาสตร์อย่าง รศ.ดร.สุขุม นวลสกุล อดีต อธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหง ถึงกับกล่าวว่า "ในฐานะของนักรัฐ ศาสตร์ ผมบอกตรง ๆ ว่า ผมยังงงกับรัฐบาล และตัวนายกรัฐมนตรี ว่า ทำไมถึงได้มั่นใจว่าความรุนแรงจะเป็นทางยุติปัญหาทั้งหมดได้..."


ปานนี้เมื่อรู้ว่า นายกได้สั่งฆ่าประชาชนไปแล้วกว่าร้อยศพ ไม่ทราบว่า รศ.ดร.สุขุม จะหายงงหรือยัง หรือว่าจะยิ่งงง หรือจะแกล้งทำเป็นงงต่อไปเรื่อย ๆ ทั้ง ๆ ที่รู้อยู่เต็มหัวอกว่า "ที่นายอภิสิทธิ์โหดได้ แบบสุด ๆ นั้น เพราะใครบัญชาการอยู่เบื้องหลัง"


ความอำมหิต ของ อภิสิทธิ์ผู้นำรัฐบาลนอมิอำมาตยาสามานย์ กับ "ยุทธการฆ่าไม่เลือก หน้า" ถูกนำมาใช้กับทุกคนที่เดินอยู่ในพื้นที่ชุมนุม ทั้งนี้เพราะมีมหาอำมาตย์สามานย์บัญชาการอยู่เบื้องหลัง จน "อนุ พงษ์" ต้องสงบเสงียมเจียมตัว และหยุดคำพูดของตัวเองที่ว่า "การเมือง ต้องแก้ด้วยการเมือง" ลงในทันที


"สงคราม" ที่รัฐใช้อาวุธร้าย "เอ็ม. 16 เอ็ม. 79 และสไนเปอร์" ณ "สมรภูมิราชประสงค์" ได้ยุติลง ด้วยชัยชนะของ "อภิสิทธิ์ และอำมาตย์" พร้อมกับการจากไปด้วยความ "พ่ายแพ้และ ความตายของชาวไพร่" ผู้มีอาวุธร้าย คือ "บั้งไฟ หนังสติ๊ก และไม้ไผ่"


สงครามระยะสั้นได้จบลงแล้ว
อภิสิทธิ์ และอำมาตย์
ชนะ แบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ณ สมรภูมิที่ราชประสงค์ เหล่าลูกสมุนต่างสะใจ ไชโย โฮ่ร้อง ทั้งเหลือง เขียว น้ำเงิน ชมพู ฟ้า กับ ความพ่ายแพ้ของนักรบเสื้อแดง ที่เป็น "หญิงแก่ ๆ" และ "ชายชรา" หน้าตาชนบท ๆ อายุแต่ละคนกว่าเจ็ดสิบปี ที่ต้องเดินร้องไห้ออกจากสมรภูมิ รบ "ที่อาวุธไม่เท่าเทียม" ด้วยความ "เจ็บแค้น และคราบน้ำตา"


สงคราระยะยาวยังไม่จบ !!!
"บั้งไฟ หนังสติ๊ก ไม้ไผ่" สู้กับอาวุธร้าย "สไนเปอร์ รถถัง เอ็ม.16 และ เอ็ม.79" ความตาย น้ำตา ความแค้น "ขอนแก่น อุดร อุบล โมเดล" เชียงใหม่ เชียงราย กระจ่ายไปทั่ว ทั้งกรุงทเพฯ และปริมณฑล
แม้ว่าแดงจะเผา หรือเหลืองจะใส่ร้าย หรือว่าน้ำเงินจะผสมโรงป้ายสี อะไรก็ตามเถอะ นั้นแสดงว่า "สงครามยังไม่ จบ"
"ขอนแก่น อุดร อุบล โมเดล" ผู้ ก่อเหตุถูกยิงถูกจับ "ตายและบาดเจ็บหลายสิบ" ถูกจับเกือบร้อย ยังพอยุติการความวุ่นวายลงได้ในเร็ววัน แต่ถ้าเป็น "สามจังหวัดชาย แดนภาคใต้โมเดล" คงไม่ต้องอธิบายว่า "วิธีการคืออย่างไร" มาเกิดขึ้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ภาคกลาง ภาคเหนือ และภาคอีสาน แล้วประเทศไทยจะอยู่กันอย่างไร ?


"ประเทศไทยโชคดีที่มีอภิสิทธิ์เป็นนายก"


ขออวยพรให้โชคดีไป ตลอดเถอะนะมหาอำมาตย์ และขอให้อภิสิทธิ์ของพวกคุณ ได้เป็นนายกของ ประเทศไทยตลอดไปชั่วกัปป์ชั่วกัลป์


นายแน่มากอภิสิทธิ์!!! @


( 23 พฤษภาคม 2553)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ผู้ให้ข้อมูลร่วมกัน