แดงเชียงใหม่

กราบสวัสดี พี่น้องทุกๆท่านที่เข้ามาเยี่ยมเยือน Blog นปช.แดงเชียงใหม่ ขอเรียนชี้แจงสักนิดว่า เรา ”แดงเจียงใหม่” เป็นกลุ่มคนชาวเจียงใหม่ที่เคารพรัก กติกาประชาธิปไตย ต่อสู้และต่อต้านเผด็จการทุกรูปแบบ อยากเห็นประเทศชาติภายภาคหน้า มีความเจริญ ประชาชน รุ่นลูกหลานของเราอยู่อาศัยอย่างร่มเย็นเป็นสุขในประเทศของพวกเราเอง ไม่มีกลุ่มอภิสิทธิ์ชนกลุ่มใดมาสูบเลือดเนื้อ แอบอ้างบุญคุณเฉกเช่นในยุคนี้ที่พวกเราเห็น การที่จะได้รับในสิ่งที่มุ่งหวังก็ต้องมีการต่อสู้แสดงกำลังให้สังคมได้รับรู้ และเพื่อที่จะให้กลุ่มบุคคลที่มีอำนาจในปัจจุบันได้เข้าใจในสังคมที่ก้าวหน้าเปลี่ยนแปลงไป ไม่อาจฝืนต่อกระแสการพัฒนาของโลก การต่อสู้ร่วมกับผองชนทั่วประเทศในครั้งนี้ เรา " แดงเจียงใหม่ " ได้ร่วมต่อสู้ทุกรูปแบบ และ ในรูปแบบที่ท่านได้เข้ามาร่วมอยู่นี้ คือการเผยแพร่ข่าวสารต่อสังคม

เรา " แดงเจียงใหม่ " ขอเชิญชวนร่วมกันสร้างขวัญ และกำลังใจให้เพื่อนพ้องน้องพี่ร่วมกัน


"อันประชาสามัคคีมีจัดตั้ง
เป็นพลังแกร่งกล้ามหาศาล
แสนอาวุธแสนศัตรูหมู่อันธพาล
ไม่อาจต้านมวลมหาประชาชน"

.

วันพฤหัสบดีที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

ช่วยเหลือเบิร์ด เรื่องการใส่ดวงตา ช่วยเหลือได้โดยตรงที่.. ชื่อบัญชี นาย สันติพงษ์ อินจันทร์ ธ.กรุงไทย เลขบัญชี 1761157558

น้องคนที่ถูกยิงจนวุ้นลูกตาทะลักในวันปะทะที่ผ่านฟ้า เธอถูกควักตาแล้วค่ะ ให้กำลังใจและช่วยกันบริจาคค่ารักษาให้เธอกันหน่อยนะคะ สงสารเธอค่ะ

\"ตอนนั้นจิตใจผมแย่ มากพอรู้ว่าต้องเสียดวงตาที่อยู่กับเรามา 24 ปี แต่ได้กำลังใจจากพี่น้องคนเสื้อแดงที่มาเยี่ยม และมองเห็นคนอื่นที่สูญเสียมากกว่าผม บางคนต้องตายอย่างตัวผมโดนแค่นี้ ถ้าเป็นกระสุนจริงก็คงตายไปแล้ว แต่คนอื่นที่โดนยิงจนเสียชีวิตญาติพี่น้องเขาสูญเสียกว่าผมเยอะ พอกลับมาดูตัวเองแล้วรู้สึกว่ามันยังไม่เท่าไร แต่คนที่ตายไปมันร้ายแรงกว่าเยอะทำให้ผมต้องลุกขึ้นมาสู้ สู้เผื่อพวกเขาด้วย\" เสียงของ\"สันติพงษ์\"บอกเล่าความรู้สึกว่าต้องนั่งมอนิเตอร์ข่าวทั้งวันทั้ง คืนเพื่ออัพเดทสถานการณ์การชุมนุมทั้งที่ตายังเจ็บอยู่และต้องลุกขึ้นมาหยอด ตาทุก 4 ชั่วโมง


\"สันติพงษ์\"กลายเป็นมนุษย์ตาเดียว กำลังเรียนรู้จับทิศทางการเคลื่อนไหวเพื่อประคองตัวเองด้วยตาซ้ายที่เหลือ อยู่ข้างเดียวแถมยังเอียงอีกด้วย อาจต้องอาศัยเวลากว่าจะชินแต่หนุ่มคนนี้ไม่เคยท้อแท้เพราะเขาเชื่อว่าชีวิต เขายังต้องก้าวเดินต่อไปอีกเพื่อดูแลครอบครัวและสร้างครอบครัวใหม่ของเขาเอง ในฐานะลูกผู้ชายคนหนึ่ง และต้องแสดงความเข้มแข็งออกมาภายใต้แว่นตาดำปกปิดเบ้าตาลึกโบ๋ไร้ลูกตาเพื่อ ปลอบประโลมแม่ผู้ที่ยังทำใจกับอาการ\" ทุพพลภาพ\"ของลูกชายไม่ได้

นายสันติพงษ์ เล่าวถึงครอบครัวว่า มีพี่สาว 1 คน พ่อทำงานรัฐวิสาหกิจใกล้จะเกษียณแล้วแม่ไม่ได้ทำงานเป็นแม่บ้าน ต่อจากนี้ไปเป็นหน้าที่ของตนกับพี่สาวผมที่ต้องหาเลี้ยงครอบครัวและสร้าง ครอบครัว หลังจากเรียนจบมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย คณะศิลปศาสตร์ เอกภาษาอังกฤษ และกำลังหางานทำแต่ก็มาเกิดเหตุการณ์ขึ้นก่อน ในวัยที่จะต้องดูแลตัวเอง เลี้ยงตัวเอง ทำงาน สร้างครอบครัว จะมานั่งฟูมฟายว่าเสียตาไปแล้วชีวิตจะจบแค่นี้ก็ไม่ได้ ก่อนจะหันไปกอดเพื่อปลอบใจแม่ที่ยังทำใจไม่ได้


\"ต้องทำใจมากทีเดียวครับต่อไปนี้จะ มองไม่เห็นแล้วจะมองเห็นข้างเดียว แต่ยังไงก็ต้องยอมรับมันให้ได้เพราะมันเกิดขึ้นไปแล้วเราเอากลับคืนมาไม่ได้ ตอนที่รู้สึกว่าไม่มีดวงตาแล้ว ใจหายครับ...เพราะมองด้วยตาทั้งสองข้างมา 24 ปี แล้วอยู่มาวันหนึ่งต้องมองด้วยตาข้างดียวมันไม่ถนัด ทุกวันนี้ยังไม่ชินเดินไปชนโน่นชนนี้ ยังปรับตัวไม่ได้เท่าไรถามว่าเสียใจไหม เสียใจ\"

ย้ำว่า \"แต่การสูญเสียดวงตาของผม ครั้งนี้ทำให้รู้ว่าผมไปมือเปล่าๆ มีแค่ขวดน้ำกับผ้าแล้วมายิงผมทำไม\"

\"พอย้อนนึกไปถึงเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 10 เมษายนก็เสียใจ ตอนนั้นผมกับที่บ้านนั่งเตรียมทำอาหารอยู่ที่บ้านเพื่อไปแจกผู้ชุมนุม ระหว่างนั้นก็ดูข่าวในอินเตอร์เน็ตไปด้วยว่ามีทหารเข้ามาประชิดเพื่อจะขอ พื้นที่คืน มาสลายการชุมนุมที่ราชดำเนิน จึงได้ชวนพ่อกับแม่ไปช่วยกันตอนที่ไปถึงพื้นที่การชุมนุมประมาณบ่ายสองโมง พ่อกับแม่ไปอยู่ตรงอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ส่วนผมได้ยินเขาประกาศว่าให้ผู้ชายไปช่วยผลักดันทหารที่แยกคอกวัว จึงแยกตัวออกไป แล้วไปนั่งอยู่ตรงนั้นตั้งแต่บ่าย 2-3 โมงเย็น ตอนนั้นยังไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น ทหารนั่งอยู่อีกฝั่งหนึ่งส่วนเรากับผู้ชุมนุมก็นั่งอยู่อีกฝั่งหนึ่ง มีระยะห่างกันพอสมควร\" เบิ้ด เล่าอย่างละเอียด

บางตอนจากมติชนค่ะ http://www.matichon....grpid=&catid=02


และบางส่วนจาก www.thaienews.blogspot.com

สำหรับเบิร์ด เขาเพิ่งเรียนจบจากมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง คณะศิลปศาสตร์ เอกภาษาอังกฤษ มาได้ 1 ปี ระหว่างนี้เขาสมัครงานและกำลังรอเรียก ที่น่าแปลกคือระหว่างที่เขาศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัย เขาบอกว่าเขาเป็น “เสื้อเหลือง” เพราะเพื่อนๆ รอบตัวล้วนสนับสนุนแนวทางนั้น และเปิดเอเอสทีวีดูเป็นประจำ

“เขาอธิบายมาตลอดว่าทักษิณโกงยังไง เลวยังไง ผมก็เออออด้วย” แต่เมื่อกลับมาบ้าน เขาได้ดูทีวีอีกช่อง “แรกๆ ผมก็ไม่เห็นด้วย ก็มีเถียงกับพ่อแม่บ้าง แต่ก็ไม่ได้อะไรมาก พ่อแม่ก็ไม่ได้บังคับให้เชื่อตาม แต่พอเราเริ่มดูมันจริงๆ เราก็เห็นว่า เออ ที่เคยได้ยินมามันอาจไม่ใช่แล้ว ทีเขาทำโจมตีเขาจัง ทีตัวเองทำไม่เป็นไร”

ส่วน พ่อและแม่นั้น แม้จะมีพื้นเพเป็นคนพะเยา แต่ก็อาศัยในเมืองหลวงยาวนานและเป็นผู้สนใจข้อมูลข่าวสารตามธรรมดา แม่เป็นแม่บ้าน และพ่อทำงานประจำหากินดูแลครอบครัวแบบคนชั้นกลางทั่วไป เมื่อครั้งรัฐประหารก็ยังเป็นเพียงผู้ติดตามข่าวสารการเมืองอย่างใกล้ชิด เพื่อดูว่าแนวโน้มจะเป็นอย่างไรต่อไป แต่สุดท้ายก็พบว่าสถานการณ์ไม่ดีขึ้นอย่างที่คาด

ถามว่าคิดจะสู้ต่อ ไหม แม่พูดชัดเจนว่าใจยังสู้ แต่ขออยู่แนวหลังจะดีกว่า “มันไม่รู้จะไหวไหม เขาไม่เห็นพวกเราเป็นมนุษย์เหมือนเขาเลยนะ ว่ามั้ย นี่มันยิ่งกว่าเผด็จการอื่นๆ อีก ทำซ้ำแล้วซ้ำเล่า เมษาที่แล้วก็ทีนึง มีคนทักท้วงเขาก็ไม่ฟัง แล้วยังจะเดินหน้าอย่างเดียว”

ถามว่าเป็น กลุ่มคนที่รักทักษิณไหม ต้องการสู้เพื่อเขาไหม แม่บอกว่าไม่เกี่ยว ที่ไปร่วมชุมนุมนั้นไม่ใช่เพื่อทักษิณ แต่เพราะบ้านเมืองไม่มีความยุติธรรม สองมาตรฐานทุกอย่าง ที่เธอไปนั้นมีแต่เสียสตางค์ แถมยังเอาข้าวปลาอาหารไปแจกด้วยเท่าที่จะมีกำลัง เพราะสงสารคนต่างจังหวัด

“คน มาจากต่างจังหวัดนี่เขาอดทนมาก ขนาดเราไปตอนค่ำๆ ปูเสื้อนั่งบนถนนมันยังร้อนอยู่เลย แล้วเขาต้องมานั่ง นอนตลอดทั้งกลางวันกลางคืน ถ้าใจเขาไม่คับแค้นจริงๆ เขาจะยอมลำบากขนาดนี้ทำไม กินอยู่ก็ลำบาก บางทีก็มีอด ข้าวมันไม่พอ คนบริจาคมาเท่าไหร่มันก็ไม่พอ เพราะคนมันเยอะ”

เบิร์ดเสริมว่าทักษิณ ก็เป็นแค่อีกคนหนึ่งที่เป็นเหยื่อเท่านั้นเอง เราต้องพิสูจน์ก่อนกล่าวหาใคร ไม่ใช่ชี้หน้าว่าคนอื่นผิดตลอด แต่เวลาตัวเองทำผิดบอกไม่ผิด

ถาม ว่าตอนนั้นแม่กลัวไหม “ไม่รู้ดิ มันลืมไปหมดเลย สงสารชาวบ้านเขา เราไปรู้ไปเห็นมาแล้วมันอดออกไปร่วมด้วยไม่ได้ แต่พอมานั่งนึกย้อนหลัง อูย เรารอดมาได้นี่ก็มหัศจรรย์พอสมควร ตอนไปลาดหลุมแก้วก็ไปกับเขานะ เอารถตัวเองไปช่วยบล็อกรถทหารด้วย พอเปิดกะบะรถทหารออกมา เอ็มสิบหกเต็มเลย แล้วมาบอกว่ามีแต่โล่กับกระบองได้ยังไง อยากจะลากคอไอ้คนพูดมาดูเอง”

“มัน ลูกหลานชาวบ้านทั้งนั้น หดหู่ใจมาก แล้วนี่ยังไม่จบ ยังจะทำอีก มันยากนักหรือแค่ยุบสภา ประเทศไหนก็ทำกันเวลามีปัญหาแก้ไม่ได้ ยุบแล้วจะแก้ได้ไม่ได้ ไม่มีใครรู้ แต่คุณแก้ไม่ได้แน่ ต้องยุบ”

“มา นี่มันต้องอาศัยใจ ใจทั้งดวงเลย ถ้าเราไม่มาช่วยกันแล้วใครจะช่วย ชาวบ้านเขาอยู่ในนั้นล่ะ ไม่มีอะไรเลย ขวดน้ำ ตีนตบ ไม้ไผ่ก็อันเล็กนิดเดียวเอาไปสู้เขา แต่คนข้างนอกไม่เห็นเอง ก็ไม่มีทางเข้าใจ คนเสื้อแดงถ้าเราไปคลุกคลีด้วยเราจะรู้ว่าเขาน่ารัก เพราะคนมันเป็นชาวบ้านทั้งนั้น ชาวบ้านจริงๆ เลย มีอะไรก็แบ่งกันกิน นั่งคุยกันทั้งๆ ที่ไม่เคยรู้จักกันเลย นี่แหละทำให้ต้องออกมาร่วมด้วย”

“อย่าไปดูถูกเขา ยิ่งดูถูกเขา เขายิ่งออก แต่นี่ใส่ไฟทุกอย่าง รัฐบาลต้องยอมฟังคนอื่นบ้าง ไม่ใช่ปิดหูปิดตาแล้วเชื่อแต่ฝ่ายตัวเองฝ่ายเดียว” บทสรุปที่พรั่งพรูของผู้เป็นแม่ของลูกชายคนหนึ่ง ซึ่งยังไม่แน่ว่าจะมองเห็นได้เป็นปกติอีกหรือไม่\ "

หนุ่มคนนี้ยังคงต้องอาศัยตาเทียมเพื่อมาทดแทนดวงตาที่เสียไปให้กลับมาใช้ ชีวิตในสังคมได้ใหม่อีกครั้งอาจจะไม่เหมือนคนปกติแต่ต้องไม่แตกต่างกันมาก จึงมีค่าใช้จ่ายในการใส่ตาเทียมใช้เงินเกือบแสนบาท แม้เพื่อนๆจะช่วยสมทบทุนค่ารักษาแต่ก็ยังไม่เพียงพอ

หากใครที่มี ความประสงค์จะสมทบทุนเพื่อช่วยให้เบิ้ดได้มีตาครบทั้งสองข้างแม้จะมองเห็น ข้างเดียว สามารถบริจาคผ่านหมายเลขบัญชี 1761157558 ธ.กรุงไทย บัญชีออมทรัพย์ สาขาถนนประชาราษฎ์ ชื่อบัญชี สันติพงษ์ อินจันทร์

ก่อน ที่หนุ่มตาเดียวจะขอตัวกลับไปทำหน้าที่หลังจากที่ไม่สามารถออกไปบู๊ข้างนอก ได้จึงทำตัวให้เป็นประโยชน์กับผู้ชุมนุมโดยการช่วยกระจายข่าวจากแหล่งที่น่า เชื่อถือได้ผ่านทางเฟซบุ๊ค แต่พักหลังไอซีทีเริ่มมากวนต้องมีการเปลี่ยนชื่อเปลี่ยนรูปซ่อนตัว เบิร์ดบอกก่อนลากลับบ้านไปหยอดตา

นี่เป็นเพียงตัวอย่าง เหยื่อความรุนแรงที่เกิดขึ้นระหว่างเดือนเมษายนกับพฤษภาคม 2553 ยังมีคนบาดเจ็บล้มตายอีกเป็นจำนวนมากที่ถูกทอดทิ้งไร้การเหลียวแลจากเพื่อน มนุษย์และภาครัฐเข้าไปเยียวยาและดูแล

********
ข้อความจากเฟซ บุ๊คของเบิร์ด

ไปหาหมอมา ยังใส่ตาเทียมไม่ได้ ลองใส่แล้วเจ็บอะ ถ้าจะฝังปะการังในเบ้าตาเพื่อให้ตาปลอมกรอกไปมาได้
ก็ ต้องใช้เงินเป็นแสนๆเลย เอาไงดีหว่า เครียดดดดดดด

ไม่รู้ว่าค่าทำกี่ แสน เงินตั้งเยอะ กองทุนต่างๆก้อให้มาไม่พออะครับ ของ นปช.ให้มาหมื่นนึง ของ บ้าน111 ให้มา5พัน ของเพื่อไทยให้มาหมื่นนึง ตอนนอนโรงพยาบาล ค่าห้องก็ปาไปหมื่นกว่าบาทแล้ว

แล้วไอฝังปะการังเนี่ย ดันมีแค่2ที่ คือ รัตนินกับบำรุงราษฎร์ แพงโคดทั้งคู่เลย เล่นเอาเครียดเลย

***********
สรุป ว่า...ท่านใดต้องการที่จะช่วยเหลือเบิร์ด เรื่องการใส่ดวงตา ช่วยเหลือได้โดยตรงที่..

เลขบัญชี 1761157558 ชื่อบัญชี นาย สันติพงษ์ อินจันทร์ ธ.กรุงไทย

1 ความคิดเห็น:

  1. ส่งเงินไปช่วยน้องแล้วค่ะ เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2553 จำนวน 1,000 บาท

    ตอบลบ

ผู้ให้ข้อมูลร่วมกัน