แดงเชียงใหม่

กราบสวัสดี พี่น้องทุกๆท่านที่เข้ามาเยี่ยมเยือน Blog นปช.แดงเชียงใหม่ ขอเรียนชี้แจงสักนิดว่า เรา ”แดงเจียงใหม่” เป็นกลุ่มคนชาวเจียงใหม่ที่เคารพรัก กติกาประชาธิปไตย ต่อสู้และต่อต้านเผด็จการทุกรูปแบบ อยากเห็นประเทศชาติภายภาคหน้า มีความเจริญ ประชาชน รุ่นลูกหลานของเราอยู่อาศัยอย่างร่มเย็นเป็นสุขในประเทศของพวกเราเอง ไม่มีกลุ่มอภิสิทธิ์ชนกลุ่มใดมาสูบเลือดเนื้อ แอบอ้างบุญคุณเฉกเช่นในยุคนี้ที่พวกเราเห็น การที่จะได้รับในสิ่งที่มุ่งหวังก็ต้องมีการต่อสู้แสดงกำลังให้สังคมได้รับรู้ และเพื่อที่จะให้กลุ่มบุคคลที่มีอำนาจในปัจจุบันได้เข้าใจในสังคมที่ก้าวหน้าเปลี่ยนแปลงไป ไม่อาจฝืนต่อกระแสการพัฒนาของโลก การต่อสู้ร่วมกับผองชนทั่วประเทศในครั้งนี้ เรา " แดงเจียงใหม่ " ได้ร่วมต่อสู้ทุกรูปแบบ และ ในรูปแบบที่ท่านได้เข้ามาร่วมอยู่นี้ คือการเผยแพร่ข่าวสารต่อสังคม

เรา " แดงเจียงใหม่ " ขอเชิญชวนร่วมกันสร้างขวัญ และกำลังใจให้เพื่อนพ้องน้องพี่ร่วมกัน


"อันประชาสามัคคีมีจัดตั้ง
เป็นพลังแกร่งกล้ามหาศาล
แสนอาวุธแสนศัตรูหมู่อันธพาล
ไม่อาจต้านมวลมหาประชาชน"

.

วันศุกร์ที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

นปช.แฉ ลิ้มโผล่หัวแบล็กเมล์มาร์คพรุ่งนี้ แค่ต่อรองไม่ต้องโดนหมายจับคดีก่อการร้าย-หมิ่นเบื้องสูง

โดย ทีมข่าวไทยอีนิวส์

13 พฤษภาคม 2553

ตำรวจในคาถา เนวินสรุปคดีผู้ก่อการร้ายพันธมิตรยึดสนามบิน แล้ว หลังจากดองคดีมาราธอน534วัน ขออนุมัติปทีปออกหมายจับ ทนายพธม.รู้ข้อสอบอีกแล้วหมายจับมา13-14พ.ค.นี้ ขณะที่หัวหน้าผู้ก่อการร้ายสนธิลิ้มที่มีข่าวหนีคดีหมิ่นเบื้องสูง ซุกหัว ฮ่องกง โผล่หัวแล้วจะปรากฎตัวเคลื่อนไหวค่ำวันศุกร์นี้ นปช.คาดออกมาแบล็กเมล์อภิสิทธิ์เพื่อจะได้ไม่โดนหมายจับคดีก่อการ ร้าย



หลัง จากมีกระแสข่าวตำรวจหัวหน้าชุดสอบสวน คดีพันธมิตรก่อการร้ายยึดสนามบินเสนอ ต่อรักษาการผบ.ตร.ออกหมายจับข้อหา ก่อการร้ายต่อแกนนำพันธมิตรในวันที่ 13-14พ.ค.นี้ ล่าสุดมีรายงานจากASTV สื่อกระบอกเสียงของผู้ก่อการร้ายพันธมิตรว่า นายสนธิจะออกมาปรากฎตัวจัดรายการสด ที่บ้านพระอาทิตย์ ในวันศุกร์ที่ 14 พ.ค.นี้เวลา 20.30 น ทาง ASTV news1

นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำนปช.กล่าวว่านายสนธิเงียบหายไปนานมาก ไม่ปรากฎตัวต่อสาธารณชน ปล่อยให้สาวกบริวารเคลื่อนไหวมาตลอด แต่พอมีข่าวจะโดนหมายจับคดีก่อการ ร้ายยึดสนามบิน ก็รีบโผล่ปรากฎตัว และมีการประชาสัมพันธ์ทางสื่อASTVด้วย ว่าจะแฉรัฐบาลที่เสนอแผนปรองดองกับคน เสื้อแดง ซึ่งคาดว่าเรื่องที่จะแฉคงเป็นการแบล็กเมล์รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ว่า ก่อกรรม อะไรไว้ร่วมกับพันธมิตร เพื่อต่อรองไม่ให้มีการดำเนินคดีก่อ การร้ายยึดสนามบิน หลังจากถ่วงคดีไว้นานถึงปีครึ่งแล้ว

ตำรวจ เด็กเนวินสรุปคดี ผู้ก่อการร้ายพธม.ซะที วัดใจปทีปให้ออกหมายจับ

เวบ ไซต์สำนัก ข่าวเจ้าพระยา รายงานข่าวว่า วานนี้พล.ต.ท.สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผู้ช่วยผบ.ตร.) ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อ ประชาธิปไตย (พธม.) บุกยึดท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและท่าอากาศยาน ดอนเมือง ในช่วงเดือนพ.ย. 2551 ได้สรุปสำนวนคดีนี้ ส่งให้พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รรท.ผบ.ตร.) พิจารณาแล้ว หลังจากที่ก่อนหน้านี้ พล.ต.อ.ปทีป สั่งให้ไปสอบสวนพยานหาหลักฐาน เพิ่มเติม โดยสำนวนที่สรุปไปยังคงสั่งฟ้อง 36 แกนนำพันธมิตรฯในข้อหาก่อการร้าย และพนักงานสอบสวนจะขออนุมัติหมาย จับ ทั้งนี้การจะดำเนินการต่อไปอย่างไรขึ้นอยู่กับคำสั่งการของพล.ต.อ.ปทีป

คดี ก่อการร้ายยึดสนามบินนี้ นับว่ามีการดองคดีนานที่สุดคดีหนึ่ง นับจากวันเกิดเหตุ 25 พฤศจิกายน 2551 มาถึงขณะนี้ 534 วันแล้ว และมีการเปลี่ยนตัวหัวหน้าชุดสืบสวนหลายครั้ง ล่าสุดคดีอยู่มในมือของพล.ต.ท.สมยศ ซึ่งยอมรับอย่างเปิดเผยว่าได้ดีเพราะ นายเนวิน ชิดชอบสนับสนุน

กระทั่ง ล่าสุด พล.ต.ท.สมยศได้ไปสอบสวนเพิ่มเติมตามมี่พล.ต.อ.ปทีปสั่งการและสรุป สำนวนสั่ง ฟ้อง 36 แกนนำพันธมิตรให้ พล.ต.อ.ปทีป พิจารณาอนุญาตให้ พนักงานสอบสวนอกหมายจับอีกครั้ง

นายสุวัตร อภัยภักดิ์ ทนายความพันธมิตรกล่าวว่า การออกหมายเรียกครั้งแรก โดยนัดหมายให้ไปรายงานตัวที่สโมสรตำรวจนั้น แกนนำและแนวร่วมพันธมิตรฯ ทั้ง 36 คน ได้ไปรายงานตัวตามหมายเรียก แต่ได้ยื่นคำร้องไม่รับข้อกล่าวหา ก่อการร้าย เพราะเป็นข้อกล่าวหาที่เลื่อนลอย เนื่องจากการชุมนุมที่สนามบินของพันธมิตรฯ ไม่เข้าก่อการร้ายตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 135/1 ที่ระบุชัดเจนว่า การใช้สิทธิเรียกร้อองตามรัฐธรรมนูญ หรือการเดินขบวนเรียกร้องต่อรัฐบาล ไม่ใช่การก่อการร้าย ซึ่งหลังจากนั้น เราได้ไปยื่นร้องต่อนายกรัฐมนตรี และ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ด้วย หลังจากนั้น เรื่องก็ยุติมาจนกระทั่งมีการ เปลี่ยนหัวหน้าพนักงานสอบสวนมาเป็น พล.ต.ท.สมยศ ซึ่งมีการเตรียมจะออกหมายจับวันที่ 13-14 นี้ และตนได้เตรียมการรออยู่แล้ว

สำหรับคดีนี้ หลังจากต้นเดือนก.ค. 2552 คณะพนักงานสอบสวนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยพล.ต.ท.วุฒิ พัวเวส ผู้ช่วยผบ.ตร. (ยศ-ตำแหน่งในขนะนั้น) ได้พิจารณาแจ้งข้อกล่าวหาก่อการ ร้ายและออกหมายเรียก 36 แกนนำกลุ่มพันธมิตร ทั้ง 36 คนอาทิ 1.พล.ต.จำลอง ศรีเมือง 2.นายสนธิ ลิ้มทองกุล 3.นายสุริยะใส กตะศิลา 4.นายสำราญ รอดเพชร 5.นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ 6.นายอมร อมรรัตนานนท์ 7.นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ 8.นายศิริชัย ไม้งาม 9.นางมาลีรัตน์ แก้วก่า 10.นายเทิดภูมิ ใจดี 11.นายพิภพ ธงไชย 12.พล.อ.ปฐมพงษ์ เกษรศุกร์ 13.น.ส.อัญชลี ไพรีรัก 14.นายพิชิต ไชย มงคล 15.นายประพันธ์ คูณมี 16.นายบรรจง นะแส 17.นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ 18.นายศรัณยู วงษ์กระจ่าง 19.นายวีระ สมความคิด 20.นายสมศักดิ์ โกศัยสุข 21.น.ส.สโรชา พรอุดมศักดิ์ ฯลฯ

จากกรณีปิด ยึดท่าอากาศยานดอนเมืองและท่าอากาศยาน สุวรรณภูมิ ในข้อหาร่วม "กันกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือ หรือวิธีอื่นใด อันมิใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญฯ มั่วสุมกันตั้งแต่สิบคนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้าย ขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย หรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิด การวุ่นวายขึ้นในบ้านเมืองฯ, เมื่อเจ้าพนักงานสั่งให้เลิกการ มั่วสุมแล้วไม่เลิก, ก่อการร้าย, บุกรุก, ทำให้เสียทรัพย์ ฯลฯ" ทำให้การให้บริการของท่าอากาศยานหยุดชะงักลง

นอก จากนี้ยังมีข้อหา ฝ่าฝืนข้อกำหนดออกตามมาตรา 9 พ.ร.ก.การบริหารราชการ ในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ฉบับที่ 1 ลงวันที่ 29 พ.ย. 2551 และฉบับที่ 2 ลงวันที่ 1 ธ.ค. 2551 เหตุเกิดระหว่างวันที่ 25 พ.ย. 2551 ถึง 3 ธ.ค. 2551 ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และยังมีความผิดตามมาตรา 135/1 ในประมวลกฎหมายอาญา และมาตรา 6 ทวิ ของ พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดบางประการ เกี่ยวกับการเดินอากาศ ซึ่ง เป็นข้อหาหนัก ระวางโทษจำคุก 3-20 ปี หรือตลอดชีวิต หรือประหารชีวิต และปรับ 60,000 ถึง 1 ล้านบาท ส่วนความผิดตามมาตรา 6 ทวิ ของพ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดบางประการเกี่ยวกับ การเดินอากาศ มีโทษจำคุก 3-20 ปี หรือตลอดชีวิต หรือประหารชีวิต เช่นเดียวกัน ความผิดใน 2 มาตรา ดังกล่าวถือเป็นความผิดเกี่ยวกับการ ก่อการร้าย สำหรับผู้ที่ยึดท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ

ทั้งนี้มี การออก "หมายเรียก" แกนนำพันธมิตรทั้ง 36 คนแล้ว ครั้งหนึ่งแต่ทุกคนปฏิเสธ "หมายเรียก" กระทั่งพล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.ในขณะนั้น ได้เปลี่ยนให้ พล.ต.ท.สมยศ มาเป็นหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนในคดีนี้ โดยในช่วงต้นเดือนมี.ค. 2553 ที่ผ่านมา พล.ต.ท.สมยศได้สรุปสำนวน ส่งให้ พล.ต.อ.ปทีป โดยได้เสนอขอออกหมายจับแกนนำทั้ง 36 คน เพื่อลดกระแสความรุนแรงของการชุมนุมของแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จ การ แห่งชาติ (นปช.) หรือกลุ่มคนเสื้อแดง ที่จะชุมนุมในวันที่ 12 มี.ค. แต่พล.ต.อ.ปทีปปฏิเสธ

กระทั่ง เวลา 16.00 น. วันที่ 11 เม.ย. คณะพนักงานสอบสวนจากกองบังคับการปราบปราม พร้อมหน่วยคอมมานโด อาวุธครบมือ เดินทางนำหลักฐานในสำนวนคดีบุกยึดสนามบินดอนเมืองและ สุวรรณภูมิ ใส่รถกระบะ มาเตรียมรอยื่นขอศาลอนุมัติออกหมายจับแกน นำพันธมิตรที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก เป็นจังหวะเดียวกับที่พล.ต.อ.ปทีป ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวถึงกรณีออกหมายจับนี้ว่า ยังไม่มีการออกหมายจับผู้ต้องหาในคดีนี้ ทราบว่าพนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างดำเนินการ ซึ่งในการออกหมายจับนั้นเป็นอำนาจ ของพนักงานสอบสวนที่จะใช้ดุลพินิจ อย่างไรก็ตามในส่วนของสำนวนคดียัง ไม่เสร็จเรียบร้อย ที่ผ่านมา พล.ต.ท.สมยศ ซึ่งเป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวน ยังไม่ได้เข้าพบเพื่อหารือ เพื่อขอออกหมายจับผู้ต้องหาในคดีนี้แต่ อย่างใด และทันทีที่คณะพนักงานสอบสวนทราบถึงการให้สัมภาษณ์นี้ทำ ให้เจ้าหน้าที่ คอมมานโด และตำรวจกองปราบปรามเดินทางกลับ โดยยังไม่ทันอนุมัติศาลเพื่อขอหมายจับแต่อย่างใด

1 ความคิดเห็น:

  1. ไม่กล้าจับหรอกเดี๋ยวมันด่าเอา กลัวมัน

    ตอบลบ

ผู้ให้ข้อมูลร่วมกัน