ข่าวการอนุมัติออกหมายจับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในข้อหาก่อการร้าย
ของศาลอาญาไทย เมื่อวันอังคารที่ 25 พ.ค.ที่ผ่านมา รวมถึงการประกาศจากทางรัฐบาลไทย
ภาย ใต้การนำของนายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หลายต่อหลายครั้งในช่วงที่ผ่านมาว่า
จะมีการขอความร่วมมือกับ ตำรวจ สากล หรือ "อินเตอร์โพล" ให้ช่วยตามจับ พ.ต.ท.ทักษิณ ด้วยอีกแรงนั้น ถือเป็นข่าวเกี่ยวกับเมืองไทยที่ทั่วโลกให้ความ สนใจมากที่สุดข่าวหนึ่งในเวลานี้
เนื่องจากตามกฎหมายของไทยแล้วความผิด ฐานก่อการร้ายนั้นมีโทษสูงสุดถึงขั้น "ประหารชีวิต"
และบุคคลที่ทางการ ไทยกำลังต้องการตัวเพื่อมารับโทษดังกล่าวก็มีฐานะเป็นถึงอดีตผู้นำของประเทศ
ตาม ขั้นตอนแล้ว จะต้องมีการมอบหมายให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ ทำหน้าที่เป็นผู้ประสานงาน
ในการส่งเรื่องการตามจับ พ.ต.ท.ทักษิณ ไปยังตำรวจสากล เพื่อให้องค์กรตำรวจนานาชาติซึ่งก่อตั้งมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1923 แห่งนี้ พิจารณาว่าข้อหาที่ทางการไทยแจ้งมานั้นเป็นแค่ "เรื่องทางการเมือง" หรือเป็นเรื่องที่เข้าข่ายหลักก่อการร้ายตามที่ตำรวจสากลกำหนดไว้หรือไม่ ก่อน จะมีการประสานไปยังหน่วยงานตำรวจของประเทศต่างๆ เพื่อให้ช่วยดำเนินการจับกุม พ.ต.ท.ทักษิณ และส่งตัวเป็นผู้ร้ายข้าม แดนต่อไปหากประเทศดังกล่าวมีสนธิสัญญาที่ว่ากับประเทศไทย
อย่างไรก็ ตาม จากการตรวจสอบของทีมข่าว "ไทยรัฐออนไลน์" พบว่าแฟ้มข้อมูลของตำรวจสากล
ซึ่ง เผยแพร่ในเว็บไซต์ของหน่วยงานในส่วนที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรที่ทางการไทย ต้องการได้ตัวมาดำเนินคดีนั้น พบว่าชื่อของผู้ต้องหาจำนวน 11 คน ซึ่งมีความผิดในคดีต่างๆ ตั้งแต่การค้ายาเสพติด เรื่อยไปจนถึงความผิดในคดีฆาตกรรม และชื่อของอาชญากรที่ทางการไทยต้องการตัวซึ่งเป็นเพศชายทั้งหมดเหล่านี้
จาก การอัพเดตล่าสุดของตำรวจสากลก็มีการเรียกชื่อย่อๆ ว่านายโกช ซึ่งเป็นคนไทยเชื้อสายอินเดีย, นายวิทย์,นายฤกษ์,นายวี,นายลิต,นาย ไชย,นายมล,นายรุด,นายรัตน์,นายยะ และนายกูร ซึ่งทั้งหมดเป็นชื่อที่สมมุติขึ้น ผู้ต้องหาเหล่านี้มีอายุไล่ตั้งแต่ 27-69 ปี
ทว่ากลับไม่ปรากฏชื่อของ พ.ต.ท.ทักษิณ วัย 60 ปีแต่อย่างใด
และยังไม่พบรายชื่อของบรรดาผู้ต้องหาชื่อดังในคดีค้ายาเสพ ติด
และคดีความผิดทางเศรษฐกิจอีกหลายรายที่ทางการไทยเคยประกาศว่าต้องการ ตัวเช่นเดียวกัน
ทำให้เกิดคำถามถึงความมีประสิทธิภาพในการประสานงาน ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทยกับทางตำรวจสากลตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา
ขณะ เดียวกัน " ไทยรัฐออนไลน์" ยังพบข้อมูลอันน่าสนใจที่ว่าทาง ตำรวจสากล ได้กำหนดนิยามของคำว่า
"Fugitives" หรือบรรดาผู้หลบหนีคดีทั้ง หลายไว้ว่า หมายถึง
บุคคลที่ต้องหลบหนีคดีความจากผลของการก่อ อาชญากรรมของตนโดยมีการเคลื่อนย้ายไปยังดินแดนต่างๆ
และบุคคลดังกล่าว จะต้องมีพฤติกรรมอันเป็นที่ประจักษ์ชัดแจ้งว่าเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคง
ปลอดภัย ของสาธารณชนทั่วโลกเท่านั้น ทางตำรวจสากลจึงจะเข้าไปดำเนินการติดตามและจับกุมตัวได้
นอกจากนั้น ยังพบข้อมูลว่ามีการจำแนกประเภทของ
"ประกาศตำรวจสากล" หรือ "Notice" ออกเป็น 7 ประเภทดังต่อไปนี้
ประเภทแรก คือ ประกาศสีแดง ซึ่งทางตำรวจสากลจะใช้สำหรับ
การขอความร่วมมือไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจของ ประเทศต่างๆ ทั่วโลกให้ดำเนินการติดตาม
และจับกุมบุคคลใดบุคคลหนึ่งที่ อาจเข้าข่ายต้องมีการส่งตัวบุคคลผู้นั้นในฐานะของผู้ร้ายข้ามแดน
ประเภท ที่สอง คือ ประกาศสีน้ำเงิน อันหมายถึงการที่ตำรวจสากลต้องการขอข้อมูล
เพิ่ม เติมเกี่ยวกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งที่ทางตำรวจสากลสงสัยว่าอาจมีกิจกรรมบาง ประการ
ที่เกี่ยวข้องกับการก่ออาชญากรรม
ประเภทที่สาม คือ ประกาศสีเขียว ซึ่งทางตำรวจสากลจะใช้ส่งไปยังประเทศต่างๆ
เพื่อเป็น การเตือนและให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ของประเทศนั้นๆ เกี่ยวกับบุคคลใดบุคคลหนึ่ง
ที่เคยก่ออาชญากรรมบางอย่างไว้และมีแนวโน้ม ที่จะไปทำความผิดในลักษณะเดียวกันในประเทศอื่นๆ อีก
ประเภทที่สี่ คือ ประกาศสีเหลือง ที่ทางตำรวจสากลจะใช้ในการช่วยค้นหาข้อมูลของบุคคลที่สูญหาย
หรือช่วย ระบุตัวตนของบุคคลที่ไม่สามารถยืนยันความมีตัวตนของตัวเองได้
ประเภท ที่ห้า คือ ประกาศสีดำ ที่ทางตำรวจสากลจะใช้เพื่อวัตถุประสงค์ในการยืนยันเอกลักษณ์บุคคลของศพ
ประเภท ที่หก คือ ประกาศสีส้ม ซึ่งจะใช้เพื่อแจ้งเตือนเจ้าหน้าที่ตำรวจและองค์กรระหว่างประเทศต่างๆ
เกี่ยว กับภัยคุกคามจากอาวุธ วัตถุระเบิด รวมถึงวัตถุอันตรายต่างๆ และ
ประเภท สุดท้าย คือ ประกาศพิเศษ ที่ทางตำรวจสากลออกร่วมกับทางสหประชาชาติ
ซึ่ง จะใช้เฉพาะกรณีที่มีการแจ้งเตือนบุคคลหรือกลุ่มบุคคลที่มีความเกี่ยวข้องกับ กลุ่มก่อการร้ายตอลิบันและอัล-เคดา
คำถามสำคัญจึงอยู่ที่ว่า ทางดีเอสไอของไทยจะมองว่าข้อหาก่อการร้ายของ พ.ต.ท.ทักษิณ นั้น
จะเข้า ข่ายการดำเนินงานของทางตำรวจสากลในด้านใดหรือไม่ และจะดำเนินการอย่างไรต่อไป.
http://www.thairath.co.th/content/oversea/85748
|
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น