โปรดอย่าถามว่าแค้นไหม ?
ไม่ว่าจะ "ลูก เล็ก เด็ก แดง พ่อ แม่ พี่ น้อง" ที่สูญเสียคนในครอบครัวไปจากเหตุปะทะระหว่างเจ้าหน้าที่ทหารและผู้ชุมนุมที่สูญเสียญาติไปในเหตุการณ์ "เมษาวิปโยค" ความโศกเศร้า เสียใจ ยังคงเกาะกุมจิตใจไปพร้อมกับความเคียดแค้นคับอกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ประชาชนธรรมดาคงไม่อาจภาคภูมิใจกับการจากไปของลูกหลาน เยี่ยงชายชาติทหาร ที่ปฏิญาณตนว่าจะยอมพลีกายเพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ แม้จากไปยังมีลาภ ยศ คำสรรเสริญ เสียชีวิตในหน้าที่ ส่งต่อมาให้ครอบครัวให้พอคลายความเศร้าได้บ้าง สำหรับชาวบ้านคงไม่คิดว่าการมาชุมนุมเพื่อเรียกร้องสิทธิ์ตามระบอบประชาธิปไตยจะต้องมากลายเป็นศพ นอนตายแบบหมาข้างถนน
นายสวาท วางาม อายุ 28 ปี ผู้ชุมนุมคนเสื้อแดง ยืนถือธงสีแดงกลางวงคนเสื้อแดง จู่ๆ ล้มลงท่ามกลางสายตาหลายคู่ที่จับจ้องภาพเลือดที่ไหลนองอยู่เต็มพื้นถนนกับศพที่ไม่ไหวติง หลังจากถูกซุ่มยิง จนเสียชีวิตระหว่างที่เจ้าหน้าที่รัฐเข้าสลายการชุมนุมเพื่อขอพื้นที่คืน
"เขาจะมาไล่พวกผมก็ต้องสู้ผลักดันทหารออกไป เขาใช้กระบองตีหน้าแข้งผม ยิงแก๊สน้ำตาใส่ ผมยืนสู้ร่วมกับพี่ชาย พวกเราตะลุยเข้าไปแบบไม่กลัว แต่ผมแสบตามากจึงออกมาหาน้ำล้างตา" นายวรเมธ วางงาม อายุ 15 ปี เล่านาทีก่อนที่พี่ชายนายสวาท จะเสียชีวิตว่าถ้าไม่กลับออกมาล้างตาและเจ็บขาเพราะถูกกระบองฟาดอาจจะไม่มีชีวิตรอดกลับมาเช่นกัน เพราะจะอยู่ติดกับพี่ตลอดเพื่อทำหน้าที่ป้องกันไม่ให้ทหารบุกเข้ามาภายใน
รัฐบาลยังไม่ยอมยุบสภาจะมาไล่แบบนี้ใครจะยอม พวกเราจึงต้องออกมาสู้แต่ไม่คิดว่าจะถึงขั้นยิงกันแบบนี้
"พี่ผมต้องไม่ตายเปล่า" นาทีที่ทหารบุกเข้ามาพวกเราล้มลุก คลุกคลาน แสบตา แต่ต้องสู้ ทหารมีโล่กำบังแต่พวกผมไม่มี แต่ผมไม่กลัวยิ่งเห็นทหารเอากระบองตียิงปืนใส่ผมลุยอย่างเดียว กล่าวเพียงเท่านี้เด็กชายที่เพิ่งจะก้าวข้ามมาใช้ "นาย"แสดงแววตาที่จริงใจแข็งกร้าวพร้อมกับชูภาพศพจากโทรศัพท์มือถือให้ดู
สำหรับผู้เป็นพ่อ นายสำราญ วางาม ชาวสุรินทร์ ต้องสูญเสียลูกชายที่เป็นแรงงานหลักของบ้านไปว่า เสียใจมาก ไม่คิดว่าลูกชายจะมาตายแบบนี้ ครอบครัวเราเป็นคนยากจน มีที่ดินแค่ 1 ไร่ แต่ทำกินไม่พอลูกจึงต้องมาทำงานในกรุงเทพฯใช้แรงงาน แต่วันนี้พวกเราไม่มีอะไรจะเสียอีกแล้ว เหลือเพียงชีวิตแต่ก็ถูกพรากไปอีก ลูกชายผมเกิดวันเสาร์ที่ 16 มกราคม 2525 แล้วมาตายในวันเสาร์ที่ 10 เมษายน 2553
ประชาธิปไตยสำหรับคนยากจนอย่างผมอธิบายอะไรไม่ได้ รู้เพียงแต่ว่ารัฐบาลต้องยุบสภาเพื่อคืนอำนาจให้ประชาชนได้เลือกผู้นำที่คนส่วนใหญ่ต้องการมาเป็นนายกรัฐมนตรี ตอนนี้พวกผมเดือดร้อน ไม่มีอะไรจะกิน ผมเสียลูกชายไป 1 คน ไม่ขออะไรมากขอแค่รัฐบาลอย่าได้ฆ่าประชาชนเหมือนผักเหมือนปลาอีกเลย ถ้าชีวิตลูกชายของผมยังมีค่าพอจะแลกกับตำแหน่งได้ขอให้ "ยุบสภา"
"ลูกชายผมยังลืมตาค้างแบบตายวันแรก" ผมเป็นพ่อคงไม่อยากเห็นลูกนอนตายตาค้างแบบนี้ พวกเราจะสู้ต่อไปชุมนุมจนกว่าจะได้ประชาธิปไตยคืนมา เพื่ออนาคตของลูกหลานที่ยังมีชีวิตอยู่
นางสาวอัมพิตา สมุทรติรัมย์ อายุ 28 ปี อุ้มท้อง 6 เดือน ภรรยานายสวาท วางาม อายุ 28 ปี ที่เสียชีวิตขณะถือธงต้านทหารถูกยิงที่ศีรษะเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ กล่าวว่า เสียใจมากที่สามีไม่มีโอกาสได้ดูหน้าลูกสาวที่กำลังจะเกิดในอีก 4 เดือน สามีคงตายตาไม่หลับจนถึงตอนนี้ยังนอนตายตาค้าง ตอนนี้ครอบครัวของเราก็ลำบากมากขาดผู้นำครอบครัวไป โชคดีที่ยังมีน้าคอยดูแล ต่อไปคงต้องเลี้ยงลูกเอง ถ้าลูกคลอดออกมาคงต้องอธิบายว่าทำไมถึงไม่มีพ่อ ซึ่งจะบอกเล่าให้ลูกฟังทั้งหมด
นางสุภารัตน์ ทองผุย ภรรยานายบุญธรรม คลองผุย ผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์ดังกล่าวที่แยกคอกวัว กล่าวว่า ทุกครั้งที่มาชุมนุมนายบุญธรรม จะมาพร้อมลูกชายคนเล็ก แต่ครั้งนี้เขามาคนเดียว และบอกลูกชายว่า เดี๋ยวพ่อไปกลับ หลังจากนั้น ก็เห็นข่าวว่านายบุญธรรมเสียชีวิตแล้ว รู้สึกเสียใจมาก ยังช็อคไม่หายเลย
นางสุภารัตน์ กล่าวว่า ก่อนหน้าเกิดเหตุร้ายก็ฝันว่าสามีถูกตามฆ่า เชื่อว่าเป็นฝันบอกเหตุ ต่อมาก็ได้รู้ว่าสามีเสียชีวิตแล้ว เช่นเดียวกับก่อนหน้านี้ เมื่อครั้งอยู่กับสามีคนแรก ก็ฝันว่า สามีคนแรกถูกฆ่าต่อมาสามีคนแรกก็ตายเหมือนกัน จึงเชื่อในความฝันมาก อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าการเสียชีวิตของสามีเป็นฝีมือของเจ้าหน้าที่ทหาร ไม่เกี่ยวกับชายชุดดำ ทั้งนี้ รัฐบาลไม่น่าสลายการชุมนุม เพราะแค่คำว่า "ขอยุบสภา" ไม่น่าจะพูดยาก
เมื่อถามว่า หากรัฐบาลยอมยุบสภาแล้ว จะเป็นไรต่อ นางสุภารัตน์ กล่าวว่า ต้องมีการเลือกตั้งอย่างยุติธรรม ให้ได้รัฐบาลขึ้นมา เมื่อถามต่อว่า หากได้รัฐบาลขึ้นมาแล้ว มีบางกลุ่มไม่เห็นด้วยและออกมาเรียกร้องให้ยุบสภาอีก นางสุภารัตน์ กล่าวว่า ก็ต้องดูกันอีกที
คุณยายคำกอง ทองผุย แม่ของนายบุญธรรม อายุ 77 ปี บอกว่ายังรู้สึกเสียใจกับการจากไปของลูกชาย แต่ก็รู้สึกภูมิใจที่ลูกชายต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย ภูมิใจมาก รู้สึกโกรธแค้นเช่นกันที่ลูกชายต้องมาเสียชีวิตลงจากเหตุการณ์ครั้งนี้
คิดว่าทางออกที่ดีที่สุดของประเทศตอนนี้คืออะไร
คุณยายคำกองบอกว่า รัฐบาลต้องยุบสภา เพราะตนเชื่อว่า จะทำให้ชาติสงบสุข อีกทั้งระบุว่า รัฐบาลชุดนี้ ตนไม่ได้เลือกตั้งมา อยากให้รัฐบาลที่มี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายรัฐมนตรี กลับมาบริหารประเทศอีกครั้ง เนื่องจากสมัยที่ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นนายกรัฐมนตรี เด็กในหมู่บ้านไม่มีคนดมกาว และโจร ขโมยก็ไม่เยอะ
ได้รับเงินช่วยเหลือค่าทำศพรวมทั้งหมดเท่าไหร่
ยายคำกองกล่าวว่า ตนยังไม่เห็นเงินช่วยเหลือเลยสักบาท เนื่องจากลูกสะใภ้ (นางสุภารัตน์) เป็นคนจัดการทั้งหมด ซึ่งตอนนี้ ตนมาพักอยู่กับลูกอีกคนที่มีบ้านอยู่ที่จ.ปทุมธานี โดยที่มาวันนี้ ทางพรรคเพื่อไทยก็เป็นคนส่งรถไปรับถึงบ้านพร้อมกับพาไปรับประทานอาหาร และก็เดินทางมาพร้อมกับลูกสะใภ้และหลานชายเพื่อมาขอความเป็นธรรมดังกล่าว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น