หาก รัฐต่อสู้ปราบปรามการก่อการร้าย ด้วยการที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงของรัฐ ใช้ความรุนแรงหรือข่มขู่ว่าจะใช้ความรุนแรงต่อพลเรือน อันก่อให้เกิดความหวาดกลัวทั่วไปในหมู่มวลชน เพื่อบรรลุเป้าหมายการเมืองไม่ว่าจะเป็นการสลายการชุมนุมหรือ “ขอพื้นที่คืน” หรือ “กระชับพื้นที่” มันจะมิกลายเป็นการก่อการร้ายโดยรัฐ (state terrorism) ไปหรือ?
โดย เกษียร เตชะพีระ
แถว รถเกราะขับเคลื่อนเกลื่อนถนน
แถวทหารชุมพลเดินดาหน้า
กระบอก ปืนยื่นยาวจ่อเข้ามา
เสียงปืนแตก น้ำตาและความตาย
ตาคู่นี้ไหวหวั่นสั่นสะท้าน
ตาคู่นั้นแดงฉานโฉดกระหาย
ตาคู่นี้ปวดร้าว และเสียดาย
ตาคู่นั้นโหดร้ายและเลือด เย็น
ปากถูกปิดเอ่ยอ้อนเสียงวอนขอ
ปากที่สั่งเมินต่อความทุกข์เข็ญ
ปากถูกปิดทวงถามตามประเด็น
ปากที่สั่งกลับเห็นเป็นวุ่นวาย
มือ หยาบกร้านอานทุกข์จึงลุกสู้
มือ กุมปืนยื่นขู่ข้อกฎหมาย
มือหยาบกร้านแค้นข้นจนลืมตาย
มือกุมปืนส่องส่ายจะเหนี่ยวไก.....
ไม่ว่าจะเรียกว่า “กบฏ”, “สงครามประชาชน” หรือ “การลุกขึ้นสู้” ความเป็นจริงพื้นฐานของสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นก็คือ พวก เขายอมตาย แต่ไม่ยอมให้คุณปกครอง
ในภาวะเช่นนี้ คุณมีทางเลือกไม่มาก หากไม่ฆ่าพวกเขาให้ตายราบคาบไป ก็ต้องปรับการปกครองให้รองรับความเรียกร้องต้องการของพวกเขาบ้างตามแต่จะ เจรจาต่อรองกันได้
รุ่นพี่ผู้ผ่านเหตุการณ์ทำนองนี้มาหลายครั้งเคยบอกว่าการเมืองไทยกล่าวให้ ถึงที่สุดแล้วก็เป็นเรื่องแค่นี้ คือมีคนหมดความกลัว ลุกขึ้นและบอกว่ากูไม่ยอมให้มึงข่มเหงรังแกอีกต่อไป เอาไงก็เอากันหากผู้ที่ลุกขึ้นมีจำนวนมากพอและเข้มแข็งพอจนงัดกันไม่ลงแล้ว ผู้มีอำนาจก็ค่อย ๆ เรียนรู้ที่จะปรับตัว
%%%%%%%%%%%%%%%%
อดีตการฆ่าฟันที่ผ่านพ้น
บรรจบผลเป็นการฆ่าฟันใหม่
แผ่นดินเคยฝัง กลบศพปู่ใคร
ลูกหลานยัง คลั่งไคล้ใคร่ฆ่ากัน
คนเคยเชือดเลือดเขียนประวัติศาสตร์
พลิกหน้าใหม่ยังวาดด้วยเลือดนั่น
บทเรียนที่ใครใคร รู้ไม่ทัน
ก็คือชีวิตนั้นราคาแพง
จาก ต่อสู้สันติอหิงสา
เมื่อแรงมาก็แรงไปไล่ยุทธแย่ง
จากเลือกตั้งยุบสภามาเปลี่ยนแปลง
กลายเป็นความรุนแรงจลาจล
เลือดเข้าตาเร้ารุมจน คลุ้มคลั่ง
สิ้นสติยับยั้ง ยึดเหตุผล
ผู้ปกครองท่องคำขวัญนำชน
เกียรติแห่งการฆ่าคนก้องกำจาย.....
มีการเคลื่อนไหวก่อการร้ายต่อรัฐบาลอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ก่อนเริ่มการ ชุมนุมของ นปช.รอบล่าสุดกรณีระเบิดป่วนเมืองและการยิงเอ็ม ๗๙ นับร้อยครั้งนับแต่เดือนกุมภาพันธ์ศกนี้เป็นต้นมา จนมีผู้บาดเจ็บล้มตายทรัพย์สินเสียหายมากมายทำให้มิอาจเข้าใจเป็นอื่นไปได้ โดยเฉพาะเมื่อการก่อการร้ายดังกล่าวเกิดขึ้นควบขนานไปกับการชุมนุมของ นปช. ก็ยิ่งทำให้แยกแยะกลุ่มก่อการร้ายออกจากการชุมนุมทางการเมืองโดยสงบยากขึ้น
การก่อการร้าย (Terrorism) หมายถึง[การใช้หรือข่มขู่ที่จะใช้ความรุนแรง (violence or threats of violence) + ต่อเป้าหมายพลเรือน (civilian targets)+ ซึ่งก่อให้เกิดความหวาดกลัวสยองขวัญในหมู่สาธารณชนทั่วไป (fear)+ เพื่อบรรลุเป้าหมายทางการเมือง (political ends)]
อาจสรุป ย่อเพื่อความเข้าใจว่า [T = V+C+F+P]
การก่อการร้ายย่อม บ่อนทำลายหลักนิติธรรม (the rule of law) โดยตรง ไม่มีระบอบเสรีประชาธิปไตยใดดำเนินงานการเมืองภายใต้เงาคุกคามของการก่อการ ร้ายได้ นอกจากนี้มันยังก่อปัญหามากว่าเพื่อต่อสู้เอาชนะการก่อการร้าย รัฐจะสามารถผูกมัดจำกัดตัวเองอยู่ภายในกรอบของกฎหมายได้หรือไม่?
แน่นอนว่าในทางปฏิบัติ มันเป็นเรื่องยากและมักก่อให้เกิดปฏิกิริยาจากฝ่ายรัฐผู้รับผิดชอบด้านความ มั่นคงในทำนอง “บ้ามาก็บ้าไป” อย่างเช่นการอุ้มหาย, ทรมานและยิงทิ้งผู้ต้องสงสัยก่อการร้ายจังหวัดชายแดนภาคใต้ในสมัยรัฐบาล ทักษิณ หรือการที่รัฐบาลบุชผู้ลูกเปิดไฟเขียวให้ซีไอเอและกองทัพอเมริกันใช้วิธี ลักพาตัว, ทรมานและลอบสังหารผู้ต้องสงสัยก่อการร้ายในประเทศต่าง ๆ เป็นต้น
ทว่าในทางกลับกัน หากรัฐปกป้องหลักนิติธรรมจากการก่อการร้ายด้วยวิธีการที่ละเมิดกฎหมายเสีย เองเช่นนี้ มันจะมิเป็นการบ่อนทำลายหลักนิติธรรมอันเป็นเป้าประสงค์แต่แรกของตนเองลงไป ล่ะหรือ?
รัฐจะปกป้องหลักนิติธรรมด้วยการบ่อน ทำลายหลักนิติธรรมได้อย่างไร?
หากรัฐต่อสู้ปราบปรามการก่อ การร้ายโดยกลุ่ม (group terrorism) ด้วยการที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงของรัฐ [ใช้ความรุนแรงหรือข่มขู่ว่าจะใช้ความรุนแรง (violence or threats of violence) ต่อพลเรือน (civilian targets)อันก่อให้เกิดความหวาดกลัวทั่วไปในหมู่มวลชน (fear) เพื่อบรรลุเป้าหมายการเมืองไม่ว่าจะเป็นการสลายการชุมนุมหรือ “ขอพื้นที่คืน” หรือ “กระชับพื้นที่” (political ends)]
ซึ่งก็คือ [V+C+F+P]แล้ว
มันจะมิกลายเป็นการก่อการร้ายโดยรัฐ (state terrorism) ไปหรือ?
และถ้ากระนั้น รัฐต่างอะไรในทางศีลธรรมจากกลุ่มก่อการร้ายเถื่อนเหล่านั้นเล่า?
การ ลอบสังหารเสธ.แดงและการที่ผู้บาดเจ็บล้มตายแทบทั้งหมดในปฏิบัติการกระชับ พื้นที่ชุมนุมราชประสงค์ของ ศอฉ. หลายวันที่ผ่านมาล้วนเป็นพลเรือน ทำให้จำเป็นต้องตั้งคำถามเหล่านี้
อย่าลืมว่าข้อสรุปของการต่อสู้ กับการก่อการร้ายในประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกรวมทั้งประเทศไทยเองในอดีตก็คือไม่สามารถเอาชนะการก่อการร้ายโดย มาตรการความมั่นคงอย่างเดียวได้ หากต้องใช้มาตรการทางการเมืองเป็นหลักและประกอบด้วยมาตรการความมั่นคงเป็น รอง โดยขจัดเงื่อนไขทางทางการเมืองของการก่อการร้ายให้หมดสิ้นไป จนมวลชนที่เป็นฐานรองรับสนับสนุนการก่อการร้ายไม่เห็นประโยชน์หรือความจำ เป็นของการก่อการร้ายอีก แล้วหันมาเดินหนทางต่อสู้ทางการเมืองแบบสันติวิธีแทน จากนี้จึงจะสามารถแยกปลา (กลุ่มก่อการร้าย) ออกจากน้ำ (มวลชน) และจัดการกับปลา (ยุติกลุ่มก่อการร้าย) ได้
ผมเห็นว่าปฏิบัติการ กระชับพื้นที่/ขอพื้นที่คืนที่ราชประสงค์นับแต่ ๑๓ พ.ค. ศกนี้เป็นต้นมาส่งผลตรงกันข้ามกับข้างต้น การส่งทหารติดอาวุธสงครามเบาประจำกายและรถเกราะไปตั้งด่านประจัญหน้ากับผู้ ชุมนุมเรือนร้อยเรือนพันที่ส่วนใหญ่อย่างมากก็มีแค่ก้อนหิน หนังสติ๊ก น็อตเหล็ก ลูกแก้ว ไม้ ยางรถยนต์ ระเบิดเพลิง บั้งไฟ ประทัดยักษ์ รถมอเตอร์ไซค์ รถแท็กซี่นั้น
ยิ่งแปลกแยกผู้ชุมนุมจากฝ่ายเจ้า หน้าที่และรัฐบาลมากขึ้น
ยิ่งเพิ่มความเกลียดกลัวหวาดระแวงไม่ไว้ใจ กันระหว่างสองฝ่ายมากขึ้น
และในทางกลับกันก็ยิ่งผลักพวกเขาไปแสวงหา ความคุ้มกันใต้ร่มกำลังไฟของปืนและระเบิดเอ็ม ๗๙ ในมือกลุ่มก่อการร้ายมากขึ้น
ยิ่งทำให้ผู้ชุมนุมหันไปพึ่งพายกย่อง กลุ่มก่อการร้ายเป็นอัศวินฮีโร่ผู้ปกป้องคุ้มครองพวกเขาจากเจ้าหน้าที่รัฐ ผู้ดูจะมุ่งร้ายหมายเอาชีวิตเขาเหนียวแน่นขึ้นอีก
นี่หรือที่รัฐบาล และศอฉ.ต้องการ?
%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%
กัมปนาท เสียงปืนจึงครื้นครั่น
คละคลุ้งควันฝุ่นตลบ และศพหาม
ธารเลือดเฉกเชื้อไฟโชนไหม้ลาม
เปลวสงครามแรงลุกทุกแผ่นดิน
คนที่ขูดขูดไปใจครึกครื้น
คนที่แค้นจับปืนจำโหดหิน
คน ต่อคนเข่นฆ่าเป็นอาจินต์
ความ เป็นคนค่อยสิ้นจากหัวใจ
หยาดน้ำตา
ทุกหยดถ้วนประมวลมาคงบ่าไหล
บนแผ่นดิน ดาลเดือดด้วยเลือดไฟ
ย่อมใจใครใจ ใครไม่คงทน
เกลียดมึงเกลียดมันเกลียดกันเกลื่อน
กระหายเลือดเชือดเฉือนกันปี้ป่น
กลัวศัตรูกลัวตายและกลัว ตน
สัตว์หรือคนคนหรือสัตว์ อัศจรรย์…..
แล้วใครที่สวดอ้อนวอนพระเจ้า
ถึง ญาติมิตรของเขาด้วยเสียขวัญ
ใครท้องกิ่วหิวอดหดหู่ครัน
ใครนอนกลัวตัวสั่นสุดข่มตา
ใคร เฝ้าครุ่นคำนึงถึงลูกผัว
ใครร้องไห้ เมื่อเสียหัวทหารกล้า
ประชาชนประชาชนธรรมดา
ผู้ไหล่บ่าแบกหาบบาปสงคราม.....
ใน หลายปีที่ผ่านมา คนไทยฆ่ากันมากมายเกินไปแล้ว
หยุดฆ่าเถอะ ครับ ก่อนจะไม่มีประเทศไทยเหลือให้ลูกหลานเราได้อยู่กันต่อไป
Posted by นักข่าวชาวรากหญ้า at 5/19/2010 02:04:00 หลังเที่ยง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น