โดย ดร.
ความขัดแย้งที่นับวัน ขยายตัวภายในประเทศเราคงไปเข้าใจเหมือนเหตุการณ์ในอดีตไม่ได้อย่างแน่นอน ไม่ว่ารัฐบาลนั้นๆจะมีขอบเขตอำนาจและการตัดสินใจที่เป็นอัตวินิจฉัย คิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นภายในย่อมเป็นสิทธิขาดของคนภายใน ภายนอกหรือกระแสนานาชาติไม่ควรเข้ามาเกี่ยวข้องแทรกแซง...
แน่นอนที เดียวสำหรับความเป็นตัวของตัวเองมันไม่มีอะไรเหมือนเก่าอีกแล้ว สำหรับกรณีของประเทศไทยเช่นเดียวกัน แม้ท่าทีและบทบาทของรัฐบาลที่ผ่านมาก็เป็นเสมือนยืนกระต่ายขาเดียว ไม่ได้แคร์ต่อสายตาของต่างประเทศมากมายนัก ออกจะมั่นใจตัวเองด้วยซ้ำ เพราะความมั่นใจเช่นนี้เราจึงตอบคำถามได้ถึงการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 หรือยังอาจมองไปยังเหตุการณ์เมษาเลือด 2552 จนเคลื่อนตัวมาสู่สิ่งที่เกิดขึ้นล่าสุดเมื่อ 10 เมษายน 2553...เหตุการณ์ทั้งหมดเราอาจกล่าวได้ว่าทั้งรัฐบาลและเครือข่ายกลุ่มอำนาจ ในประเทศไทยได้ประเมินศักยภาพ
หรือบทบาทในทางสากลค่อนข้างต่ำเกินไป...
ตัวอย่าง ของ The International Crisis Group ซึ่งกำลังมีบทบาทอย่างมีนัยสำคัญ กลายเป็นตัวเจ็บที่สามารถสั่นคลอนทั้งความมั่นใจและอัตวินิจฉัยของรัฐบาลไทย ให้ลดน้อยลงไปกว่าเดิม นี่คือข้อเท็จจริงที่ปฏิเสธไม่ได้ เพราะ The International Crisis Group ซึ่งถือกำเนิดขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2538 เป็นองค์กรเอกชนที่มีบทบาทเพิ่มขึ้น เป็นที่ยอมรับในด้านอิทธิพลแผ่ออกไปกว้างขวางทั่วโลกสำหรับการทำงานทางด้าน สิทธิมนุษยชน...
เหตุการณ์ในรวันดา, บอสเนีย และโซมาเลีย ซึ่งถือเป็นรัฐที่ล้มเหลวและเกือบจะล้มเหลว มีการเข่นฆ่าประชาชน เกิดกรณีขัดแย้งและแตกแยกระหว่างคนในชาติด้วยกัน The International Crisis Group ก็ล้วนเข้าไปมีบทบาทในการเยียวยาต่อสถานการณ์...
องค์กรนี้ถือ ว่าเริ่มก่อตั้งขึ้นมาด้วยผู้มีชื่อเสียงจำนวนมาก ต่างล้วนเคยมีบทบาทการทำงานในระดับนานาชาติ คอยติดตามสอดส่องและรับฟังถึงสถานการณ์อันเป็นความขัดแย้งตามภูมิภาคส่วน ต่างๆของโลก ซึ่งทำให้บทบาทของ The International Crisis Group สามารถขยายตัวไปได้อย่างรวดเร็ว มีคณะทำงานที่แน่นอนชัดเจนเป็นทีมประจำกระจายออกไปมากกว่า 46 ชาติ
ซึ่ง ครอบคลุมการใช้ภาษาต่างๆถึง 53 ภาษา ทั้งนี้ ยังไม่นับรวมเครือข่ายขององค์กรที่ได้ปกคลุมและมีบทบาทไปอีกหลายประเทศในโลก นี้ มีสำนักงานสาขาอยู่ทั่วไปในหลายแห่งนอกเหนือจากสำนักงานใหญ่ในกรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม...
ข่ายงานของ The International Crisis Group มีอยู่แม้กระทั่งในกรุงเทพมหานครและอีกมากมายหลายชาติทั่วไป เราอาจบอกได้ว่าสายตาของ The International Crisis Group มีอยู่เกลื่อนไปหมดจนแทบจะเป็นตาสับปะรด เรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นในประเทศไทยก็คาดหมายได้ว่ายากที่จะเล็ดรอดสายตา ของคณะทำงานที่เอาจริงเอาจัง
และมีความเข้มแข็ง มากด้วยประสบการณ์และข้อมูลซึ่งเกี่ยวกับความขัดแย้ง ปัญหาอาชญากรรมสงคราม การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ อาชญากรรมต่อมวลมนุษยชาติ พฤติกรรมของเผด็จการในลักษณะต่างๆ
องค์กรดังกล่าวนี้ยังมีบทบาทที่ สำคัญคอยประสานงานและถูกยอมรับจากองค์การนานาชาติที่มีชื่อเสียงหลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็นองค์การสหประชาชาติ สหภาพยุโรป ศาลคดีอาญาระหว่างประเทศ ฯลฯ โดยสรุปแล้วองค์กรนี้มีอิทธิพลให้คุณให้โทษได้ต่อการนำเสนอความคิดเห็นต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับวิกฤตความขัดแย้ง
ซึ่งดำรงอยู่ในประเทศไทย...ถือเป็น องค์กรที่ต่อต้านมาตรการทางทหารและการใช้เครื่องมือ รวมทั้งกฎอัยการศึกต่างๆเพื่อปราบปรามและกระทำต่อประชาชนในประเทศนั้นๆ
โดย ข้อเท็จจริง The International Crisis Group ได้เข้ามาสังเกตการณ์ในการชุมนุมของคนเสื้อแดง
ก่อนวันที่ 10 เมษายนด้วยซ้ำไป แล้วตรงนี้เองจึงทำให้ความคิดเห็นต่อการเรียกร้องและชุมนุมที่ถูกผลักดันออก ไปสู่กระแสนานาชาติได้
กลายเป็นคนละสายตาและความเข้าใจอันแตกต่างมาตรฐาน กับรัฐบาลไทยและกองทัพไทยอย่างสิ้นเชิง?
องค์กรดังกล่าวยังเชื่อมโยง กับองค์กรทางกฎหมายระหว่างประเทศ ซึ่งมีความเห็นว่ารัฐบาลไทยนั้นน่าจะมีสถานภาพและบทบาทเป็นเพียง “ผู้ถูกกล่าวหา” ในฐานะไปกระทำฆาตกรรมกับประชาชน...เรื่องราวทั้งหมดนี้กำลังขับเคลื่อนและมี บทบาทในระดับนานาชาติ ซึ่งรัฐบาลไทยคงจะนอนหลับไม่รู้นอนคู้ไม่เห็นไม่ได้อีกต่อไป...โดยเฉพาะมุม มองของหลายองค์กรนานาชาติ
ที่ประเมินว่าไม่อาจปล่อยให้ประเทศไทยเป็นเช่น นี้ได้อีกต่อไป เพราะจะเกิดบทเรียนเป็นแบบอย่างไปทั่วโลกให้ประเทศอื่นเลียนแบบตาม ซึ่งจะเกิดความปั่นป่วนวุ่นวาย ดังนั้น กรณีประเทศไทยย่อมจำเป็นต้องถูกชำระสะสางโดยด่วน...ไม่ทราบว่าเรื่องนี้คุณ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ มีข้อมูลอยู่บ้างหรือเปล่า? เพราะทราบเรื่องจริงแล้วจะหนาว?
http://www.dailyworldtoday.com/columblank.php?colum_id=38141
| |
| |
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น