แดงเชียงใหม่

กราบสวัสดี พี่น้องทุกๆท่านที่เข้ามาเยี่ยมเยือน Blog นปช.แดงเชียงใหม่ ขอเรียนชี้แจงสักนิดว่า เรา ”แดงเจียงใหม่” เป็นกลุ่มคนชาวเจียงใหม่ที่เคารพรัก กติกาประชาธิปไตย ต่อสู้และต่อต้านเผด็จการทุกรูปแบบ อยากเห็นประเทศชาติภายภาคหน้า มีความเจริญ ประชาชน รุ่นลูกหลานของเราอยู่อาศัยอย่างร่มเย็นเป็นสุขในประเทศของพวกเราเอง ไม่มีกลุ่มอภิสิทธิ์ชนกลุ่มใดมาสูบเลือดเนื้อ แอบอ้างบุญคุณเฉกเช่นในยุคนี้ที่พวกเราเห็น การที่จะได้รับในสิ่งที่มุ่งหวังก็ต้องมีการต่อสู้แสดงกำลังให้สังคมได้รับรู้ และเพื่อที่จะให้กลุ่มบุคคลที่มีอำนาจในปัจจุบันได้เข้าใจในสังคมที่ก้าวหน้าเปลี่ยนแปลงไป ไม่อาจฝืนต่อกระแสการพัฒนาของโลก การต่อสู้ร่วมกับผองชนทั่วประเทศในครั้งนี้ เรา " แดงเจียงใหม่ " ได้ร่วมต่อสู้ทุกรูปแบบ และ ในรูปแบบที่ท่านได้เข้ามาร่วมอยู่นี้ คือการเผยแพร่ข่าวสารต่อสังคม

เรา " แดงเจียงใหม่ " ขอเชิญชวนร่วมกันสร้างขวัญ และกำลังใจให้เพื่อนพ้องน้องพี่ร่วมกัน


"อันประชาสามัคคีมีจัดตั้ง
เป็นพลังแกร่งกล้ามหาศาล
แสนอาวุธแสนศัตรูหมู่อันธพาล
ไม่อาจต้านมวลมหาประชาชน"

.

วันพุธที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

ดู จะจะ "เรดแมป"นปช. ยื่น3เงื่อนไขแลกยุติม็อบ

หมายเหตุ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการ (นปช.) แดงทั้งแผ่นดิน อ่านมติที่ประชุมแกนนำ นปช.บนเวทีปราศรัย ที่สี่แยกราชประสงค์ เกี่ยวกับ "เรดแมป" ซึ่งเป็นเงื่อนไขยื่นต่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีให้พิจารณา ก่อนที่จะประกาศยุติการชุมนุม
เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม


สิ่งที่จะแถลงต่อไปนี้ เป็นการตัดสินใจของแกนนำที่ผ่านการคิดอ่านอย่างรอบคอบ โดยเป็นการตัดสินใจที่คำนึงถึงผลประโยชน์ของชาติ และคำนึงถึงผู้ชุมนุมกลุ่มคนเสื้อแดงทั้งแผ่นดิน โดยเฉพาะผู้ชุมนุมที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์การต่อสู้ ในเหตุการณ์วันที่ 10 เมษายน วันที่ 22 และ 28 เมษายน เบื้องต้นแกนนำทุกคนเห็นว่าจากการที่ นปช.แดงทั้งแผ่นดินได้ประกาศชุมนุม
เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลยุบสภา ตั้งแต่วันที่ 12 มีนาคมที่ผ่านมา จนถึงปัจจจุบัน
โดยประกาศหลักการ ต่อสู้สำคัญ คือ สงบ สันติ อหิงสา ซึ่งปัจจุบันก็ยังเดินหน้าต่อสู้ภายใต้หลักการนี้ไม่เปลี่ยนแปลง ไม่ว่าจะเเกิดสถานการณ์อะไรขึ้นก็ตาม

ทั้งนี้ ท่ามกลางการต่อสู้ที่ยาวนานมาจนถึงปัจจุบัน เป็นเวลาร่วม 2 เดือน
การ ชุมนุมที่ผ่านเหตุการณ์ต่างๆ เป็นสิ่งที่ต้องถูกบันทึกในประวัติศาสตร์ประเทศไทยมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการที่ประชาชนออกมารวมตัวเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตยให้เกิดขึ้น ในไทย และเป็นการชุมนุมครั้งแรกที่มีการเคลื่อนขบวนไปตามถนนสำคัญในกรุงเทพฯ และได้รับการตอบรับอย่างเปิดเผยจากประชาชนทุกภาคส่วน
และเป็นการชุมนุม ครั้งแรกที่มีประชาชนทั้งในเขต กทม.
และภูมิภาค สลับหมุนเปลี่ยนกำลังมาร่วมชุมนุมอย่างหาญกล้า
และมีการเคลื่อนไหวอย่าง เป็นเอกภาพ

แต่ในระหว่างการต่อสู้ที่ผ่านมา
รัฐบาลพยายามใช้ อำนาจ อิทธิพล ใส่ร้ายป้ายสีให้กลุ่มคนเสื้อแดง มีสภาพเป็นผู้ชุมนุมรับจ้าง ผู้ก่อการร้าย กลุ่มคนที่หวังล้มเจ้า และนิยมความรุนแรง แต่ในที่สุดความเป็นจริงก็ปรากฏให้เห็นว่ากลุ่มคนเสื้อแดงตกอยู่ในฝ่ายของ ผู้ถูกกระทำ และเรื่องนี้จะต้องถูกบันทึกอยู่ในประวัติศาสตร์ โดยไม่มีใครสามารถลืมได้ โดยเฉพาะกรณีที่การชุมนุมครั้งนี้มีประชาชนที่เข้าร่วมและต้องสูญเสียชีวิต ไปเป็นจำนวนมาก
ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อาจจะเกิดขึ้นจากฝีมือกองกำลังฝ่ายรัฐบาล หรือกองกำลังที่ไม่ทราบฝ่าย และเหตุการณ์เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเรื่องนี้ถือเป็นการตอกย้ำในสายตาชาวโลกว่าผู้นำรัฐบาลมีความต้องการใช้ กำลังเข้าสลายการชุมนุม

เมื่อนายกรัฐมนตรีได้ยื่นข้อเสนอการปรองดอง ต่อกลุ่มคนเสื้อแดง เพื่อให้เกิดสันติภาพ โดยใช้สันติวิธี เรื่องนี้จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ทางกลุ่ม นปช.ได้พิจารณา
และมีมติเอกฉันท์ แสดงท่าทีตอบรับโดยทันทีไปก่อนหน้านี้แล้ว เนื่องจากไม่ต้องการให้เกิดเหตุการณ์ความรุนแรงเกิดขึ้นอีก
แต่เนื่อง จากประเทศไทยมีปัญหาความขัดแย้งสะสม บ่มเพาะต่อเนื่องมาอย่างยาวนานไม่ต่ำกว่า 4 ปี และทุกปัญหาก็นำไปสู่สงครามระหว่างชนชั้น ไพร่กับอำมาตย์ ดังนั้น
เมื่อ มีผู้เสนอแนวทางภายใต้สันติวิธี นปช.จึงพร้อมให้ความร่วมมืออย่างจริงใจ แต่เนื่องจากการหารืออาจจะต้องใช้เวลาและจำเป็นที่การแก้ไขปัญหาจะต้องคำนึง ถึงชีวิตคนที่สูญเสียไป เรื่องไม่จบลงแค่การยุติการชุมนุมหรือการยุบสภาเท่านั้น ที่ประชุมแกนนำจึงมีมติอย่างเป็นทางการดังนี้

1.นปช.แดง ทั้งแผ่นดินประกาศตอบรับวันเลือกตั้งใหม่วันที่ 14 พฤศจิกายน 2553

ตาม ที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯเสนอมา แต่ในช่วงประกาศตอบรับ นปช.ได้ตั้งคำถามว่านายกฯจะกำหนดวันยุบสภาวันไหน เนื่องจากเป็นหน้าที่โดยตรงของนายกฯ ขณะที่การกำหนดวันเลือกตั้งเป็นหน้าที่ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ซึ่งนายอภิสิทธิ์และคนในรัฐบาลได้ออกมาแสดงความเห็นที่ตรงกันว่า
วันยุบ สภาจะอยู่ในช่วงวันที่ 15-30 กันยายน 2553
นปช.จึงถือโอกาสนี้ ตอบรับวันที่ 15-30 กันยายน เป็นวันที่จะมีการประกาศยุบสภาโดยไม่มีเงื่อนไข

เรื่อง นี้เป็นการแสดงความจริงใจในส่วนของ นปช.ที่ต้องการนำพาบ้านเมืองไปสู่สันติ ไม่มีคนบาดเจ็บล้มตาย แต่เรื่องนี้ นปช.มีข้อเรียกร้องเพิ่มเติม คือ สืบเนื่องจากข้อต่อสู้ของกลุ่มคนเสื้อแดงเป็นการต่อสู้กับขบวนการสองมาตรฐาน จึงหมายความว่าการดำเนินคดีความที่เกี่ยวเนื่องและเกิดขึ้นจากการชุมนุมใน ช่วงที่ผ่านมา แกนนำ นปช.ยืนยันว่าไม่ประสงค์ที่จะรับนิรโทษกรรม ไม่ว่าจะเป็นโทษเล็กรวมไปถึงโทษใหญ่ คือการประหารชีวิต และพร้อมที่จะเดินหน้าต่อสู้ทุกขั้นตอนตามกระบวนการยุติธรรม แต่รัฐบาลต้องปฏิบัติการกระบวนการยุติธรรมให้เป็นมาตรฐานเดียวกันด้วย ซึ่งที่มาของข้อกล่าวหาการก่อการร้ายเกิดจากเหตุการณ์ในวันที่ 10 เมษายน 2553 ซึ่งทหารได้ใช้กำลังสลายการชุมนุม มีประชาชนบาดเจ็บ 800 กว่าคน และมีผู้เสียชีวิต 25 คน
หลังเหตุการณ์ แกนนำ นปช.ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ก่อการร้าย และถูกออกหมายจับจากดีเอสไอ ขณะที่นายอภิสิทธิ์และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ที่เป็นผู้สั่งการให้สลายการชุมนุมจนเกิดเหตุดังกล่าว กลับไม่ถูกดำเนินคดี ทั้งที่กลุ่ม นปช.ได้แจ้งความจับต่างกรรมต่างวาระมากมาย

แกนนำ นปช.จึงขอเรียกร้องว่า
เมื่อเราตอบรับมาตรการปรองดองวันยุบสภาของรัฐบาล และวันเลือกตั้งของรัฐบาล รวมถึงการเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม
นาย อภิสิทธิ์และนายสุเทพก็ต้องเดินเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมจากเหตุการณ์ 10 เมษายนเช่นเดียวกัน หากคดีผู้ก่อการร้าย ซึ่งมีโทษประหารชีวิต และเมื่อคดีถึงที่สุด
แกนนำ นปช.ถูกตัดสินว่ามีความผิด เราก็ยินดีรับโทษประหารชีวิต แต่ถ้านายอภิสิทธิ์และนายสุเทพถูกดำเนินคดีถึงที่สุด ก็ต้องรับโทษประหารชีวิตเช่นเดียวกัน แต่เนื่องจากนายอภิสิทธิ์ ซึ่งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และเป็น ส.ส. อีกทั้งขณะนี้เป็นช่วงเปิดสภา ทำให้ได้รับเอกสิทธิ์คุ้มครอง เช่นเดียวกับนายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำ นปช. ซึ่งกลุ่ม นปช.ไม่ติดใจ แต่ในส่วนของนายสุเทพ ซึ่งปัจจุบันลาออกจาก ส.ส.ไปแล้ว ไม่มีเอกสิทธิ์คุ้มครอง
ในเมื่อต้องการให้ นปช.เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม นายสุเทพก็ต้องถูกออกหมายจับและเข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมๆ กับแกนนำ นปช.

เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องของการตั้งแง่
แต่เนื่องจาก แกนนำ นปช.ต้องการให้คดีที่ประชาชนเสียชีวิตเป็นคดีประวัติศาสตร์ ไม่ใช่เงียบหายไปเหมือนเหตุการณ์ 14 ตุลา 2516 และ 6 ตุลา 2519 ที่ผู้มีอำนาจสั่งการเข่นฆ่าประชาชน แต่กลับไม่ได้รับโทษตามกฎหมาย ซึ่งในส่วนของคำถามที่ว่า คนเสื้อแดงจะยุติการชุมนุมวันไหน เราขอประกาศว่าถ้านายสุเทพยอมมอบตัวกับตำรวจ วันนั้นแกนนำ นปช.จะประกาศยุติการชุมนุมทันที และนายสุเทพเดินทางไปพบตำรวจวันไหน คนเสื้อแดงก็จะพร้อมจะกลับบ้านทันที หากนายสุเทพเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม แกนนำ นปช.ก็พร้อมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม เพื่อให้เป็นไปตามวิถีประชาธิปไตย แต่ถ้านายสุเทพปฏิเสธ และถือว่าตำแหน่งรองนายกฯยิ่งใหญ่
แกนนำ นปช.ก็จะประกาศยุติข้อเสนอที่ให้ยุติการชุมนุม

2.กรณี ที่ข้อเสนอนายอภิสิทธิ์ มีการระบุถึงสิทธิเสรีภาพของสื่อมวลชน

กลุ่ม นปช.ขอเรียกร้องว่า นปช.พร้อมที่จะประกาศยุติการชุมนุมด้วย
แต่เพื่อ แสดงความจริงใจ ขอให้รัฐบาลคืนสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมพีเพิลแชนแนล (พีทีวี) ให้กลับมาออกอากาศได้ตามปกติเหมือนเดิม เพราะเท่าที่มีการสอบถามจากเจ้าหน้าที่พีทีวี ได้รับการยืนยันทางเทคนิคว่าขณะนี้พีทีวีพร้อมออกอากาศอยู่แล้ว
เพียง แต่มีขบวนการนอกระบบที่ตัดสัญญาณ ทำให้ไม่สามารถออกอากาศได้ และหากมีการจัดตั้งคณะกรรมการที่เข้ามากำกับดูแลสื่อ เพื่อให้เกิดความปรองดอง พีทีวีก็พร้อมเข้าสู่กระบวนการให้ความร่วมมือกับคณะกรรมการเช่นเดียวกับกรณี ของเอเอสทีวี

3.สำหรับกรณี พ.ร.ก.บริหารราชการในภาวะฉุกเฉิน

ที่รัฐบาลอ้างว่าจำเป็นต้องประกาศ เพื่อรักษาสถานการณ์ไม่ให้เกิดความรุนแรงนั้น ในส่วนของแกนนำเห็นว่าเมื่อรัฐบาลดำเนินการ รัฐบาลก็ต้องตัดสินใจเองว่าจะยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ หรือไม่ เชื่อว่าหากยังไม่ประกาศยกเลิก ยิ่งนานวัน รัฐบาลจะยิ่งถูกกระแสสังคมกดดันมากขึ้น

นปช.มีความตั้งใจที่จะให้ ความร่วมมือเพื่อนำพาประเทศชาติออกจากปัญหาความขัดแย้งของประเทศ และพร้อมที่จะเสนอแผนปรองดองในส่วนของ นปช.ให้คณะกรรมการที่จะเสนอให้จัดตั้งในเร็วๆ นี้ และขอเรียกร้องในส่วนของเหตุการณ์ความรุนแรงที่ผ่านมา ควรจะมีการจัดตั้งคณะกรรมการกลางขึ้นมาตรวจสอบหาข้อเท็จจริงถึงสาเหตุความ รุนแรงที่เกิดขึ้น

เพราะนี่คือสิ่งสำคัญ ทั้งนี้ ข้อตกลงดังกล่าว หากบรรลุผล นปช.จะไม่ถือว่าการที่รัฐบาลประกาศยุบสภาคือ
ชัยชนะ และการที่กลุ่มคนเสื้อแดงยุติการชุมนุม ก็ไม่ถือว่าเป็นชัยชนะของรัฐบาล
แต่ เราถือว่าการที่คนไทยทั้ง 64 ล้านคน จะเริ่มต้นหาทางออกจากกับดักของบ้านเมือง ถือเป็นชัยชนะของคนไทยทั้งประเทศ

อยาก ฝากไปยังนายสุเทพว่า หากนายสุเทพเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม และไม่ได้รับการประกันตัว
แกนนำ นปช.ทุกคน ก็พร้อมที่จะไม่รับสิทธิการประกันตัวเช่นกัน
ทั้งนี้ ในวันที่ 21 พฤษภาคมนี้ สภาจะปิดสมัยประชุม นายอภิสิทธิ์สามารถนัดหมายตนได้ว่าจะเดินทางไปมอบตัวพร้อมกัน เพื่อที่จะเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมอย่างเท่าเทียมกัน


http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1273548768&grpid=01&catid=

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ผู้ให้ข้อมูลร่วมกัน