v:shapes="BLOGGER_PHOTO_ID_5468401355096946066">
หนีหัวซุก-พรรคประชาธิปัตย์และพรรคเพื่อไทยระบุว่า การที่พันธมิตรฯออกมาคัดค้านแผนโรดแม็ปของนายกรัฐมนตรี ซึ่งจะนำไปสู่การจัดเลือกตั้งภายในวันที่ 14 พฤศจิกายนนั้น น่าจะมาจากเหตุจูงใจจากการที่พรรคการเมืองของพันธมิตร คือพรรคการเมืองใหม่ ไม่พร้อมรับมือกับการเลือกตั้ง เนื่องจากนาย
โดย ทีมข่าวไทยอีนิวส์
7 พฤษภาคม 2553
ประชาธิปัตย์แฉสนธิลิ้มหนีคดีหมิ่นฯ
เวบไซต์ ไทยอินไซเดอร์ อ้างแหล่งข่าวจากพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่า การที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยไม่เห็นด้วยกับการกำหนดวันเลือกตั้ง 14 พ.ย. ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะโรดแมปดังกล่าว มีการกำหนดวันยุบสภาภายใน 4 เดือน ซึ่งอาจจะกระทบกับการเตรียมการเลือกตั้งของ “พรรคการเมืองใหม่” ที่นายสนธิ ลิ้มทองกุล หัวหน้าพรรคยังหนีคดีอยู่ต่างประเทศ ดังนั้นหากมีการเลือกตั้งขึ้นจริง ก็มั่นใจว่าพรรคการเมืองใหม่จะไม่แย่งจำนวนส.ส.ของพรรคไปได้
เพราะแม้จะมีฐานเสียงเดียวกันกับพรรคประชาธิปัตย์ แต่ก็ไม่น่าจะมีความพร้อมเรื่องตัวผู้สมัคร และที่สำคัญ การที่นายกฯได้โฟนอินเข้ารายการ “สภาท่าพระอาทิตย์” เมื่อเช้าวันที่ 6 พ.ค. ก็ถือว่าสามารถทำความเข้าใจกับสมาชิกกลุ่มพันธมิตรฯ ที่ส่วนใหญ่ล้วนติดตามข่าวสารทางเอเอสทีวี ไม่ได้ดูข่าวทางช่องทีวีธรรมดา อาจทำให้ข่าวสารของรัฐ เข้าไม่ถึงกลุ่มคนพวกนี้ โดยหลังจากนายกฯ ได้ชี้แจง ก็ได้รับเสียงตอบรับว่าเข้าใจในแผนโรดแมปมากขึ้น
เพื่อไทยระบุลิ้มซุกอยู่โรงแรมเพนนินซูล่า ฮ่องกง
แหล่งข่าวพรรคเพื่อไทยกล่าวว่า การที่กลุ่มพันธมิตรฯ และพรรคการเมืองใหม่คัดค้านการยุบสภาเลือกตั้งใหม่ เนื่องจากไม่พร้อมเลือกตั้ง เพราะนายสนธิ ลิ้มทองกุล หัวหน้าพรรค ตอนนี้ได้หลบคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพไปพำนักอยู่ที่โรงแรมเพนนินซูล่า เกาะฮ่องกง และยังไม่สามารถเดินทางกลับมาเคลื่อนไหว เนื่องจากยังมีคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ จึงเกรงว่าจะถูกดำเนินคดีเหมือน “ดา ตอร์ปิโด” ทำให้กลุ่มพันธมิตรฯยังรั้งรอที่จะออกมาเคลื่อนไหว
จับตา "พธม." โดนหมายจับคดีก่อการร้ายยึดสนามบินภายในเดือนพ.ค.นี้ "ข้อหาหนัก"
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า สำหรับคดีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยบุกยึดสนามบินดอนเมืองและสนามบินสุวรรณภูมิ เมื่อปลายเดือนพ.ย.2551 นั้น มีกระแสข่าวว่า พล.ต.ท.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้ช่วยผบ.ตร. ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวน จะมีการสรุปสำนวนเสนอพล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รักษาการผบ.ตร. ให้พิจารณาขออนุมัติศาล เพื่อออกหมายจับบรรดาแกนนำและผู้ที่เกี่ยวข้อง รวม 112 คน ภายในเดือนพ.ค.นี้ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ เมื่อต้นเดือนมี.ค. 2553 พล.ต.ท.สมยศ เคยทำเรื่องเพื่อไปเสนอขออนุมัติหมายศาลต่อศาลอาญา เพื่อจับกุมแกนนำพันธมิตรฯ แต่ถูกพล.ต.อ.ปทีป ติดเบรก แม้ว่าในเวลาต่อมา พล.ต.อ.ปทีปจะออกมาปฏิเสธว่า ยังไม่มีการออกหมายจับผู้ต้องหาในคดีนี้ โดยอ้่า่งว่า พนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างการดำเนินการ
สำหรับข้อหาที่ตั้งไว้สำหรับคดีนี้คือ ร่วมกันกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือ หรือวิธีอื่นใด อันมิใช่การกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ, มั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป, ใช้กำลังประทุษร้าย ขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย หรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใด ให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง ก่อการร้าย บุกรุก ทำให้เสียทรัพย์ ฝ่าฝืนข้อกำหนดพ.ร.ก.ฉุกเฉิน พ.ศ.2548
นอกจากนี้ ยังมีความผิดบางประการเกี่ยวกับกฎหมายการเดินอากาศ ซึ่งเป็นข้อหาหนัก มีอัตราโทษสูงสุด เพราะเข้าข่ายความผิดเกี่ยวกับการก่อการร้ายสำหรับผู้ที่ยึดสนามบินสุวรรณภูมิ
ลูกชายลิ้มบอกกลัวตายหลบเซฟเฮาส์ สาวกโหยหวน
นายจิตนาถ ลิ้มทองกุล ลูกชายนายสนธิ กล่าวว่า ตอนนี้นายสนธิเก็บตัวอยู่ในที่ปลอดภัย หลังมีผู้ใหญ่โทรมาเตือนว่ามีคนตามประกบอยู่ จึงจำเป็นที่ไม่ปรากฎตัวต่อสาธาณชน ซึ่งหากประเมินสถานการณ์ตอนนี้ก็จำเป็นต้องทำเช่นนั้น เพราะมีความพยายามดึงนายสนธิเข้ามาเกี่ยวข้อง แล้วดึงมวลชนคนเสื้อแดงออกมาชุมนุม เพื่อจะหาโอกาสออกมาปราบปรามพร้อมกับคนอีกสีหนึ่ง
ขณะที่นายชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย คอลัมนิสต์ประจำเวบผู้จัดการเขียนบทความยกย่องเชิดชูนายสนธิในโอกาสถูกถล่มด้วยอาวุธสงครามครบรอบปี และมีแฟนประจำเข้ามาแสดงความเห็นต่อท้ายโหยหานายสนธิอย่างหนัก
หนีคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพหลังเส้นตาย3พ.ค.53
สำหรับคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพนั้น นายสนธิได้ประวิงเวลามาตลอด ล่าสุดเมื่อวันที่ 3 เมษายนที่ผ่านมา สำนักงานอัยการสูงสุด อัยการได้นัดหมายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และหัวหน้าพรรคการเมืองใหม่ผู้ต้องหาคดีดูหมิ่น หมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ พระราชินี หรือรัชทายาท ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 กรณีนำคำปราศรัยของ น.ส.ดารณี ชาญเชิงศิลปกุล หรือ ดา ตอร์ปิโด แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) ซึ่งถูกศาลพิพากษาจำคุก 18 ปี ในคดีหมิ่นเบื้องสูง มาเผยแพร่ซ้ำ รายงานตัวเพื่อฟังคำสั่งฟ้อง แต่เมื่อถึงเวลานายสนธิไม่ได้เดินทางมา โดยได้ส่งทนายความแจ้งขอเลื่อนนัดอัยการ พร้อมแจ้งรายละเอียดการยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมต่อนายจุลสิงห์ วสันตสิงห์ อัยการสูงสุด
นายกายสิทธิ์ พิศวงปราการ อธิบดีอัยการคดีอาญา กล่าวว่า ผู้ต้องหาได้ยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรม โดยขอให้สอบถยานเพิ่มเติมอีก 1 ปากคือ นายเจิมศักดิ์ ปิ่นทองในประเด็นใหม่ที่ยังไม่อยู่ในสำนวน จึงมีคำสั่งให้เลื่อนนัดออกไปอีก 1 เดือน แต่หลังจากนี้ผู้ต้องหาจะขอให้สอบสวนพยานเพิ่มเติมอีก คงต้องพิจารณาว่าประวิงเวลาหรือไม่ หากเห็นว่าจงใจไม่เข้าพบอัยการจะสั่งให้พนักงานสอบสวนขออนุมัติหมายจับเพื่อนำตัวมาส่งฟ้องศาลต่อไป
ทั้งนี้เมื่อครบกำหนดเส้นตาย 1 เดือนเมื่อวันที่ 3 พฤษภาคมที่ผ่านมา นายสนธิยังไม่ยอมมาพบอัยการ แต่ได้ให้นายคำนูณ สิทธิสมาน ลูกน้องไปพบแล้วให้นายคำนูณมาเคลื่อนไหวในนาม 40 สว.คัดค้านการยุบสภาและจัดเลือกตั้งใหม่ในวันที่ 14 พ.ย.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น