แดงเชียงใหม่

กราบสวัสดี พี่น้องทุกๆท่านที่เข้ามาเยี่ยมเยือน Blog นปช.แดงเชียงใหม่ ขอเรียนชี้แจงสักนิดว่า เรา ”แดงเจียงใหม่” เป็นกลุ่มคนชาวเจียงใหม่ที่เคารพรัก กติกาประชาธิปไตย ต่อสู้และต่อต้านเผด็จการทุกรูปแบบ อยากเห็นประเทศชาติภายภาคหน้า มีความเจริญ ประชาชน รุ่นลูกหลานของเราอยู่อาศัยอย่างร่มเย็นเป็นสุขในประเทศของพวกเราเอง ไม่มีกลุ่มอภิสิทธิ์ชนกลุ่มใดมาสูบเลือดเนื้อ แอบอ้างบุญคุณเฉกเช่นในยุคนี้ที่พวกเราเห็น การที่จะได้รับในสิ่งที่มุ่งหวังก็ต้องมีการต่อสู้แสดงกำลังให้สังคมได้รับรู้ และเพื่อที่จะให้กลุ่มบุคคลที่มีอำนาจในปัจจุบันได้เข้าใจในสังคมที่ก้าวหน้าเปลี่ยนแปลงไป ไม่อาจฝืนต่อกระแสการพัฒนาของโลก การต่อสู้ร่วมกับผองชนทั่วประเทศในครั้งนี้ เรา " แดงเจียงใหม่ " ได้ร่วมต่อสู้ทุกรูปแบบ และ ในรูปแบบที่ท่านได้เข้ามาร่วมอยู่นี้ คือการเผยแพร่ข่าวสารต่อสังคม

เรา " แดงเจียงใหม่ " ขอเชิญชวนร่วมกันสร้างขวัญ และกำลังใจให้เพื่อนพ้องน้องพี่ร่วมกัน


"อันประชาสามัคคีมีจัดตั้ง
เป็นพลังแกร่งกล้ามหาศาล
แสนอาวุธแสนศัตรูหมู่อันธพาล
ไม่อาจต้านมวลมหาประชาชน"

.

วันจันทร์ที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ไทม์: เพชรซาอุฯสีน้ำเงินที่ถูกขโมย – ยังคงเป็นเรื่องทิ่มแทงใจ



วันจันทร์ 8 มีนาคม 2010

tags: ซาอุดิอาระเบีย, ดีเอสไอ, นาบิล อัชรี, พล.ต.ท.ชลอ เกิดเทศ, พล.ต.ท.สมคิด บุญถนอม, อาบู อาลี, เกรียงไกร เตชะโม่ง, โมฮัมหมัด โคจา

โดย chapter 11

Thailand’s Blue Diamond Heist: Still a Sore Point
March 07, 2010
ที่มา - Time
By Christopher Shay
แปลและเรียบเรียง แชพเตอร์ ๑๑


เพชรสีน้ำเงิน - เซบาสเตียน คอลิสกี้/ อลามี่

สองทศวรรษที่ผ่านมา มีคนสวนชาวไทยได้ปีนหน้าต่างขึ้นชั้นสองของพระราชวังในเจ้าชายแห่งซาอุดิอา ระเบีย ใช้ไขควงงัดตู้นิรภัย และขโมยเครื่องเพชรน้ำหนักทั้งหมดประมาณ ๙๐ กิโลกรัม อดีตอุปทูตแห่งซาอุฯประจำกรุงเทพกล่าวกับวอชิงตันโพสต์ว่า คนสวนคนนั้นยัด ทับทิมหลายเม็ดซึ่งมีขนาดเท่าไข่ไก่ในถุงเครื่องดูดฝุ่น ในถุงนั้นยังมีเพชรน้ำงามแทบจะไม่มีตำหนิขนาดใหญ่สีน้ำเงินรวมอยู่ด้วย เป็นเพชรขนาด ๕๐ กะรัตซึ่งอาจจัดได้ว่า เป็นหนึ่งในเพชรสีน้ำเงินที่ใหญ่ที่สุดของโลก

อย่างน้อยนี่คือเรื่องราวที่เป็นไปตามที่สื่อ ไทย และอุปทูตคนเก่าได้กล่าวไว้ กรมสอบสวนคดีพิเศษของประเทศไทย (ดีเอสไอ) ซึ่งมีหน้าที่คล้ายกับเอฟบีไอกล่าวว่า ไม่มีหลักฐานยืนยันความจริงในคดีนี้ ว่าเพชรสีน้ำเงินที่อ้างว่ามีขนาดใหญ่กว่าเพชรโฮปนั้นมีจริงหรือไม่ แต่ที่แน่ๆคือ การกล่าวหาเรื่องการขโมยเพชรนี้สร้างความเสียหายให้กับประเทศไทยหลายแสนล้าน บาท มีคนต้องตายเพื่อสังเวยเพชรนี้ และทำให้ตำรวจไทยนายหนึ่งที่คล้ายเอลวิสต้องถูกพิพากษา และรอการประหารชีวิต มากกว่ายี่สิบปีต่อมา ราชวงศ์ซาอุฯที่ถูกทำการโจรกรรมนั้นยังคงยืนยันว่าต้องการเครื่องเพชรกลับ และความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลทั้งสองยังคงเสื่อมทรามลงตราบจนทุกวันนี้

ในเดือนมกราคม ตำรวจไทย ๕ นายถูกจับกุม และถูกตั้งข้อหาว่า ฆาตกรรมบุคคลที่กล่าวว่าเกี่ยวโยงกับคดีนี้ สร้างความหวังอย่างมากว่า ในที่สุดคำตอบบางคำตอบของคดีที่เมืองไทยรู้จักกันดีว่าคือคดีเพชรซาอุฯ จะได้รับการถูกเปิดเผยกันเสียที สำหรับประเทศไทยแล้ว ยังหมายถึงการปรับปรุงสัมพันธ์ไมตรีทางการทูตกับซาอุดิอาระเบีย พร้อมกับโอกาสที่คนงานไทยจะได้เดินทางกลับไปทำงานในประเทศที่ร่ำรวยไปด้วย น้ำมัน แต่คดีฆาตกรรมเพชรซาอุฯได้หมดอายุความลงในเดือนกุมภาพันธ์ คนไทยก็หมดทางเลือกเช่นกัน ขณะนี้ขี้นอยู่กับรัฐบาลซาอุฯที่จะเป็นฝ่ายตัดสินว่า ความพยายามของประเทศไทยครั้งหลังสุดนี้ พอที่จะฟื้นฟูสัมพันธไมตรีให้กลับมาเหมือนเดิมได้หรือไม่

สื่อในประเทศลงข่าวว่า หลังจากทำการขโมยเพชรในปี ๒๕๓๒ เกรียงไกร เตชะโม่ง คนสวนคนนั้นได้ส่งเครื่องเพชรที่ขโมยกลับไปยังภาคเหนือของประเทศไทยทาง ไปรษณีย์ และรีบหนีออกจากซาอุฯ หลังจากนั้นรัฐบาลซาอุฯได้แจ้งเบาะแสเกี่ยวกับเกรียงไกรให้ประเทศไทยได้ทราบ ตำรวจไทยใช้เวลาไม่นานก็จับเกรียงไกรได้ แต่ก่อนที่จะถูกจับ เขาได้ขายเครื่องเพชรที่ประเมินค่ามิได้ไปในราคาชิ้นละประมาณหนึ่งพันบาท หลังจากนั้นไม่นาน นักการทูตซาอุฯ ๓ คนในกรุงเทพได้ถูกยิงทิ้ง ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เกิดซ้อนกันภายในคืนเดียว สองวันต่อมา นักธุรกิจชาวซาอุฯอีกคนหนึ่งถูกลักพาตัว และไม่ได้พบเห็นอีกเลย

แม้ดีเอสไอยืนยันว่า ไม่มีหลักฐานใดๆที่จะโยงการฆาตกรรม และการลักพาตัว กับการขโมยเพชร แต่นายโมฮัมหมัด โคจา อดีตอุปทูตซาอุฯ ยังคงยืนกรานตามนี้ และให้สัมภาษณ์บางกอกโพสต์ในปี ๒๕๓๘ ว่า คดีฆาตกรรม เกี่ยวข้องกับการขโมยเพชร แม้จะมีการตายเกิดขึ้น ตำรวจได้เดินทางไปเยือนซาอุฯอย่างเป็นทางการเพื่อพยายามคืนเครื่องเพชรที่ เกรียงไกรยังไม่ได้ขายออกไปให้รัฐบาลซาอุฯ โดยหวังว่าจะยุติเรื่องอื้อฉาวทั้งหลาย แต่เพียงไม่นานซาอุฯได้อ้างว่า เครื่องเพชรส่วนใหญ่ที่ได้คืนมานั้นเป็นของปลอม เรื่องที่แย่อยู่แล้วยิ่งหนักขึ้นไปอีก เมื่อสื่อในประเทศเสนอข่าวลือ ด้วยภาพภรรยาของข้าราชการซึ่งสวมสร้อยเพชรเส้นใหม่ในงานราตรีการกุศลงาน หนึ่ง บางเส้นช่างคล้ายกับเครื่องเพชรที่ขโมยออกมาจากพระราชวังซาอุฯ ป่วยการที่จะพูด ซาอุดิอาระเบียไม่เห็นเป็นเรื่องน่าสนุกด้วย ในเดือนมิถุนายน ๒๕๓๓ ซาอุดิอาระเบียยกเลิกการต่อวีซ่าทำงานให้กับคนไทยมากกว่าสองแสนคนที่กำลังทำ งานในซาอุฯ และไม่ออกวีซ่าใหม่ให้อีก ตัดรายได้ของประเทศไทยจำนวนหลายแสนล้านบาท และห้ามคนในประเทศไม่ให้เดินทางมาท่องเที่ยวยังประเทศไทย นาบิล อัชรีอุปทูตซาอุฯประจำประเทศไทยคนปัจจุบันกล่าวในอีเมล์ที่มีไปถึงไทม์ว่า การตัดสินใจที่จะลดสัมพันธไมตรีกับประเทศไทยนั้น เป็นเรื่องที่ชัดเจนว่า เพื่อเหตุผลในด้านความปลอดภัย และเนื่องจากเจ้าหน้าที่ไทยคว้าน้ำเหลวซ้ำแล้วซ้ำเล่า ที่จะแก้ปัญหาอย่างเพียงพอ หรืออธิบายคดีต่างๆให้ทางเจ้าหน้าที่ซาอุฯได้รับทราบ

ภายใต้แรงกดดันจากซาอุฯ ประเทศไทยยังคงทำการสืบสวนคดีนี้ แม้ว่าจะไม่เป็นไปตามที่รัฐบาลซาอุฯได้ตั้งความหวังเอาไว้ ในปี ๒๕๓๗ พ่อค้าเพชรซึ่ง โคจา เชื่อว่า เป็นผู้อยู่เบื้องหลังการปลอมเครื่องเพชรนั้น ถูกลักพาตัว และต่อมาทั้งภรรยา และลูกชายวัย ๑๔ ถูกสังหาร ในเวลานั้น กรมตำรวจกล่าวว่า ทั้งคู่เสียชีวิตจากรถชนกัน แต่ โคจา ไม่เชื่อ วอชิงตันโพสต์นำคำพูดของโคจามาลง ที่ว่าความคิดของผู้บัญชาการฝ่ายชันสูตรนั้นช่างโง่เสียจริง นี่ไม่ใช่อุบัติเหตุ

หลังจากนั้นเพียงไม่กี่เดือน พล.ต.ท.ชลอ เกิดเทศ เจ้าหน้าที่ตำรวจคนเดิมที่เคยรับผิดชอบการสืบสวนตั้งแต่แรก และเป็นผู้ที่ส่งมอบเครื่องเพชรปลอมให้กับซาอุฯ ได้ถูกตำรวจไทยจับ และถูกตั้งข้อหาว่า เป็นผู้ออกคำสั่งฆ่าภรรยาและลูกชายของพ่อค้าเพชร นายตำรวจผู้ใหญ่ผู้นี้สู้คดี จนท้ายสุดในเดือนตุลาคม ๒๕๕๒ ศาลฏีกายืนยันคำตัดสินให้ประหารชีวิต ชลอยังคงอยู่ในคุก เขาได้ตั้งวงดนตรี และอัดแผ่นหน้าปกไทยเลียนแบบ เจลเฮ้าส์ ร็อคของเอลวิส ชลอยังคงยืนกรานความบริสุทธิ์ของตัว โดยกล่าวกับไทม์แห่งลอนดอนว่าคนที่ติดคุกไม่ได้กระทำผิดไปเสียทั้งหมดหลังจากที่หลายชีวิตต้องถูกสังเวยไป ไม่น่าแปลกใจที่ โคจา จะกล่าวว่า เพชรสีน้ำเงินนั้นเป็น เพชรอาถรรพณ์ใครก็ตามซึ่งมีไว้ในครอบครองอย่างไม่ถูกต้องจะได้รับคำสาปแช่ง เป็นเรื่องที่คนไทยหลายคนยังคงปักใจเชื่อ

ปริศนายิ่งเพิ่มความสลับซับซ้อนยิ่งขึ้น เมื่อมูลนิธิเพื่อประชาธิปไตยแห่งอิหร่าน สำนักงานใหญ่ในสหรัฐฯ อ้างจากรายงานเมื่อปี ๒๕๔๙ ว่า การสังหารเจ้าหน้าที่การทูตในปี ๒๕๓๓ จากฝีมือของหน่วยล่าสังหารชาวอิหร่าน ดีเอสไอซึ่งเข้ามาคุมการสืบสวนแทนตำรวจในปี ๒๕๔๗ ปฏิเสธข่าวลือที่ว่า มีชาวอิหร่านเข้ามีส่วนเกี่ยวข้องในการฆาตกรรมนั้น ในปี ๒๕๕๒ มีการออกหมายจับ อาบู อาลีด้วยข้อหาฆาตกรรมหนึ่งในเจ้าหน้าที่การทูตของซาอุฯ ยิ่งกระพือการคาดเดาไปต่างๆนาๆบนหน้าหนังสือพิมพ์ และในโลกของชาวบล็อกที่ว่า ตะวันออกกลางมีส่วนเกี่ยวข้องในเหตุการณ์นี้ แม้หลักฐานจะอ่อนในเรื่อง อาบู อาลี แต่เมื่อปลายเดือนมกราคม ดีเอสไอได้เดินทางไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติในประเทศฝรั่งเศส เพื่อขอร้องให้ทางองค์กรตำรวจสากลช่วยตามหาจับตัวผู้ต้องหาที่เป็นฆาตกรราย นี้

การสั่งฟ้องนายตำรวจทั้งที่ยังประจำการ และอดีตนายตำรวจทั้งห้าว่า ร่วมกันฆาตกรรมนักธุรกิจชาวซาอุฯที่หายตัวไปในปี ๒๕๓๓ และรอการพิจารณาคดีในปลายเดือนมีนาคมนี้ เป็นการแสดงให้เห็นถึงโอกาสทองแห่งปีในการที่จะยุติข้อพิพาทที่ค้างคามา เนิ่นนาน เจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งห้านายให้การปฏิเสธ และสาบานว่า จะต่อสู้คดีในศาล พล.ต.ท.สมคิด บุญถนอม นายตำรวจยศสูงสุดในบรรดาตำรวจทั้งห้านายนี้ โทษว่าการถูกจับเป็นเรื่องการเมือง เขาให้สัมภาษณ์เนชั่นแห่งกรุงเทพว่า เขามีพยานว่า มีมือจากภายนอกพยายามคุกคาม และสร้างความกดดันให้กับฝ่ายอัยการ

จนถึงเวลานี้ ปริศนาฆาตกรรมที่มีมาถึงสองทศวรรษนี้ดูไม่ต่างไปจากนวนิยายลึกลับ ซึ่งยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่องจนกว่าจะได้บทสรุปด้วยเนื้อหาที่กระชับ นาบิล อัชรี ส่งอีเมล์ถึงไทม์มีเนื้อความว่า หากคดีทั้งหลายคลี่คลายลง ซาอุฯ จะพิจารณาการฟื้นฟูสัมพันธไมตรีอย่างจริงจังและเขาพอใจกับความพยายามอย่างเต็มที่ของรัฐบาลไทยในเวลานี้แต่เนื่องจากคดีได้หมดอายุความ ความกดดันจึงมาตกอยู่กับคดีที่กำลังรอการพิจารณาในศาล เพื่อความลับเบื้องหลังเพชรอาถรรพณ์นั้นจะได้มีการเปิดเผยเสียที ในไม่ช้านี้ทางซาอุฯต้องตัดสินใจว่า การอวดอ้างความพยายามของรัฐบาลไทยในวินาทีสุดท้ายนี้ จะเพียงพอหรือไม่ หรือเพชรอาถรรพณ์ที่ต้องคำสาปนี้ จะยังคงตามหลอกหลอนถึงความสัมพันธ์ทางการต่างประเทศของไทยไปอีกนานเท่านาน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ผู้ให้ข้อมูลร่วมกัน