แดงเชียงใหม่

กราบสวัสดี พี่น้องทุกๆท่านที่เข้ามาเยี่ยมเยือน Blog นปช.แดงเชียงใหม่ ขอเรียนชี้แจงสักนิดว่า เรา ”แดงเจียงใหม่” เป็นกลุ่มคนชาวเจียงใหม่ที่เคารพรัก กติกาประชาธิปไตย ต่อสู้และต่อต้านเผด็จการทุกรูปแบบ อยากเห็นประเทศชาติภายภาคหน้า มีความเจริญ ประชาชน รุ่นลูกหลานของเราอยู่อาศัยอย่างร่มเย็นเป็นสุขในประเทศของพวกเราเอง ไม่มีกลุ่มอภิสิทธิ์ชนกลุ่มใดมาสูบเลือดเนื้อ แอบอ้างบุญคุณเฉกเช่นในยุคนี้ที่พวกเราเห็น การที่จะได้รับในสิ่งที่มุ่งหวังก็ต้องมีการต่อสู้แสดงกำลังให้สังคมได้รับรู้ และเพื่อที่จะให้กลุ่มบุคคลที่มีอำนาจในปัจจุบันได้เข้าใจในสังคมที่ก้าวหน้าเปลี่ยนแปลงไป ไม่อาจฝืนต่อกระแสการพัฒนาของโลก การต่อสู้ร่วมกับผองชนทั่วประเทศในครั้งนี้ เรา " แดงเจียงใหม่ " ได้ร่วมต่อสู้ทุกรูปแบบ และ ในรูปแบบที่ท่านได้เข้ามาร่วมอยู่นี้ คือการเผยแพร่ข่าวสารต่อสังคม

เรา " แดงเจียงใหม่ " ขอเชิญชวนร่วมกันสร้างขวัญ และกำลังใจให้เพื่อนพ้องน้องพี่ร่วมกัน


"อันประชาสามัคคีมีจัดตั้ง
เป็นพลังแกร่งกล้ามหาศาล
แสนอาวุธแสนศัตรูหมู่อันธพาล
ไม่อาจต้านมวลมหาประชาชน"

.

วันอังคารที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ความเห็นต่อบทสัมภาษณ์ของพระมหาวุฒิชัย (ว.วชิรเมธี)

Sun, 2010-07-25 17:32
ดร.โสภณ พรโชคชัย (sopon@thaiappraisal.org)

มีเพื่อนใน facebook แนะนำให้ผมฟังบทสัมภาษณ์ “ฝ่าวิกฤติการเมืองไทย” ของพระมหาวุฒิชัย ซึ่งให้สัมภาษณ์ในสมัยที่นายสมัคร สุนทรเวช เป็นนายกรัฐมนตรี และกำลังมีการต่อสู้ทางการเมืองกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ผมก็เพิ่งเคยฟังบทสัมภาษณ์นี้ ซึ่งปรากฏใน http://video.mthai.com/player.php?id=0M1221149318M0 ผมขออนุญาตให้ความเห็นดังนี้
1. พิธีกรไปถามพระ ๆ ก็ต้องนึกถึงทางออกด้านพุทธศาสตร์ที่รำเรียนมาเป็นสำคัญ ถามนักเศรษฐศาสตร์ นักรัฐศาสตร์ ก็ได้มุมมองจากพื้นฐานความรู้นั้น ๆ แต่ว่าแต่ละศาสตร์โดด ๆ ก็คงไม่สามารถนำมาแก้ไขปัญหาการเมืองได้ การบอกว่านักการเมืองไม่มีธรรมะ แล้วในประเทศตะวันตกที่ไม่ได้นับถือพุทธศาสนา เขามีธรรมะข้อไหน ถ้าบอกว่าศาสนาอื่นก็มีธรรมะของพุทธแฝงอยู่ หรือว่าพุทธศาสนาก็เป็นส่วนหนึ่งของศาสนาอื่นหรืออย่างไร
2. ที่พระมหาวุฒิชัยบอกทำนองว่า (คณะราษฎร์) เอาพระราชอำนาจมาจากพระมหากษัตริย์ แต่ไม่ได้เอาทศพิธราชธรรมของพระมหากษัตริย์มาด้วย จึงทำให้ขาดธรรมะ ข้อนี้เป็นคำพูดที่ฟังดูดี น่าสนใจ แต่ในความเป็นจริง กษัตริย์บางพระองค์ในอดีตก็ไม่ได้มีทศพิธราชธรรม ก็เหมือนนักการเมือง การที่พระมหาวุฒิชัยพูดในห้วงแหลมคมของการต่อสู้ระหว่างรัฐบาลกับพันธมิตรก็ เท่ากับต้องการตำหนิว่ารัฐบาลในขณะนั้นไม่มีทศพิธราชธรรม ซึ่งจะจริงหรือไม่ผมคงไม่มีความเห็นในเรื่องนี้
3. เรื่องที่ว่าประชาชนไม่มีศักยภาพในการตัดสินใจ โดยยกตัวอย่างความเชื่อแต่เดิมว่าโลกแบน ถ้าให้ประชาชนผู้ไม่รู้วิทยาการออกเสียงในสมัยโบราณว่าโลกกลมหรือแบบ ส่วนใหญ่ก็ต้องออกเสียงว่าโลกกลม กรณีศิลปวิทยาการนั้น เราไม่สามารถถามเสียงส่วนใหญ่ เช่นในขณะนี้เราก็คงไม่สามารถถามคนส่วนใหญ่ว่าจะสร้างจรวดไปดวงจันทร์ได้ อย่างไร ต้องถามนักวิทยาศาสตร์ต่างหาก แต่ในด้านเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง เป็นเรื่องของปุถุชน ทุกคนรู้เท่าทันกัน เสียงส่วนใหญ่ย่อมถูกต้องเสมอ <1>
4. การที่บอกว่าประชาชนไม่มีศักยภาพ ในแง่หนึ่งอาจเป็นการให้ท้ายกับพวกเผด็จการรัฐประหาร ให้มาตัดสินใจแทนประชาชนโดยอ้างว่าประชาชนไม่มีศักยภาพอยู่ร่ำไป และเมื่อเข้ามาแล้ว ก็มาโกงกิน เห็นได้ชัดตั้งแต่สมัยสฤษดิ์ และสามทรราช อาจรวมทั้ง รสช. หรืออาจรวม คมช. ด้วยก็ได้
5. การพูดว่าปัญหาจะได้รับการแก้ไขก็ต่อเมื่อประชาชนต้องมีศีล สมาธิ และปัญญานั้น ใคร ๆ ก็พูดได้กับแนวทางการแก้ปัญหาแบบครอบจักรวาลอย่างนี้ การพูดอย่างนี้อาจกลายเป็นการไม่นำพาต่อการศึกษาถึงสาเหตุของปัญหา ตามอริยสัจ 4 เข้าทำนองเอาแต่ท่องมนต์ ท่องคาถา การแก้ปัญหาแบบข่มใจจึงมักทำให้เกิดปรากฏการณ์ที่หลายคนพอนั่งสมาธิก็ใจสงบ ชั่วคราว พอออกจากสมาธิก็กลัดกลุ้มดังเดิม และนี่เองศาสนาจึงถูกทำให้กลายเป็นยาเสพติดที่ให้ผลชั่วคราว
6. การอ้างว่า “Paris Hilton” ที่ได้รับการประกันตัวก็ยังต้องเข้าคุกอีกครั้งเพราะมีเสียงประชาชนไม่เห็น ด้วย เรื่องนี้ศาลสหรัฐอเมริกาคงไม่ได้ตัดสินอะไรตามกระแสของสังคมเช่นที่พระมหา วุฒิชัยให้สัมภาษณ์ จากการค้นหาข้อมูลเบื้องต้น ไม่พบเรื่องการขอประกันตัวดังกล่าว แต่เป็นการขออภัยโทษ และจำนวนคนที่ไม่เห็นด้วยกับการขออภัยโทษกับผู้ที่เห็นด้วยก็มีจำนวนนับ หมื่น ๆ คนพอ ๆ กัน ไม่ใช่มีแต่ผู้ที่ไม่เห็นด้วยแต่อย่างใด <2> อย่างไรก็ตามโดยนัยหนึ่ง การกล่าวอ้างเรื่องนี้ของพระมหาวุฒิชัยเป็นส่งสัญญาณให้รัฐบาลฟังเสียงของ กลุ่มพันธมิตรฯ ที่กำลังเรียกร้องอยู่ในขณะนั้นนั่นเอง
7. พระมหาวุฒิชัยบอกว่าถ้าจะแก้ปัญหาการเมืองเฉพาะหน้า ก็ต้องให้ทุกคนมีขันติธรรม สันติธรรม เมตตาธรรม นิติธรรม และสัจธรรม อันนี้ก็พูดกันไปครับ พูดอีกก็ถูกอีกอยู่นั่นเอง คือเหมือนกับบอกว่า ถ้าขาดความอดทนต้องทำอย่างไร คำตอบก็คือต้องมีขันติ ถ้าใจร้ายต้องทำอย่างไร คำตอบก็คือต้องมีเมตตา เป็นต้น ในที่นี้ถ้ายกหลักธรรมกันจริง ๆ ยังมีอีกหลายหลักธรรมที่ยกมาได้อีกเป็นโขยง เช่น มโนธรรม สัปปุริสธรรม ฆราวาสธรรม 4 อัปปมาทธรรม 7 พรหมวิหาร 4 (เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา) และสังคหวัตถุ 4 เป็นต้น
8. พระมหาวุฒิชัยได้บอกว่าหลักการตัดสินใจนั้นมีอยู่ 3 อย่างคือ อัตตาธิปไตย เป็นการตัดสินใจโดยยึดตนเองเป็นใหญ่จะทำให้เป็นทรราชได้ (เป็นการเตือนสติ/ปราม/ขู่รัฐบาลในขณะนั้น) โลกาธิปไตย เป็นการตัดสินใจโดยถือเสียงส่วนใหญ่ (ขณะนั้นรัฐบาลสมัครกุมเสียงส่วนใหญ่อยู่) ซึ่งก็ยังไม่ดีพอ และแนะให้ตัดสินใจบนพื้นฐานของธรรมาธิปไตย โดยยึดธรรมะเป็นที่ตั้ง อย่างไรก็ตามหากไปค้นพระไตรปิฎกในส่วนของ “อธิปไตยสูตร” <3> ตามที่พระมหาวุฒิชัยอ้างถึง กลับปรากฏว่าการตีความแตกต่างไปโดยสิ้นเชิง เพราะพระไตรปิฎกสอนให้พระบรรลุธรรมโดยอาจพิจารณาจากตน จากโลกหรือจากธรรมเป็นสำคัญ
9. พระมหาวุฒิชัยได้ให้สัมภาษณ์ปิดท้ายว่าให้ทุกฝ่ายวางทิฐิลง เอาชีวิตของประชาชนไว้ดีกว่า อยากให้ทุกฝ่ายถอยสักก้าวหนึ่ง การถอยของรัฐบาลก็คือคงหนีไม่พ้นการบอกเป็นนัยให้ยุบสภาหรือลาออก แต่ในสมัยพวกเสื้อแดงนับแสน ๆ ชุมนุมซึ่งมากกว่าพวกเสื้อเหลือง (ก่อนที่จะถูกหาว่าก่อการร้ายและมีอาวุธ) พระมหาวุฒิชัยก็ไม่ได้ออกมาแสดงความเห็นในลักษณะนี้เลย
ท่านเห็นด้วยหรือไม่กับความเห็นของผม ก็ลองดูนะครับ ผมหวังว่าการเห็นต่างนี้คงจะมีประโยชน์เพื่อการทบทวน สอบทานและพัฒนาความคิดให้เหมาะสมกับความเป็นจริงยิ่งขึ้น แตกต่างทางความคิด คงไม่ใช่การแตกแยกนะครับ ที่สำคัญผมเคารพพระสงฆ์องค์เจ้า และไหว้ผ้าเหลืองอยู่แล้วครับ แต่เราก็ควรใช้วิจารณญาณไตร่ตรองด้วยปัญญาเพิ่มเติม
อ้างอิง
<1> เราเข้าใจระบอบประชาธิปไตยตรงกันไหม? http://www.thaiappraisal.org/thai/market/market_view.php?strquery=market258.htm
<2> โปรดอ่านเพิ่มเติมที่ http://en.wikipedia.org/wiki/Paris_Hilton#DUI_arrest.2C_driving_violations.2C_and_jail_time
<3> พระสุตตันตปิฎก อังคุตรนิกาย ติกนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้าที่ 185 อธิปไตยสูตร http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=20&A=3827&Z=3899&pagebreak=0

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ผู้ให้ข้อมูลร่วมกัน