แดงเชียงใหม่

กราบสวัสดี พี่น้องทุกๆท่านที่เข้ามาเยี่ยมเยือน Blog นปช.แดงเชียงใหม่ ขอเรียนชี้แจงสักนิดว่า เรา ”แดงเจียงใหม่” เป็นกลุ่มคนชาวเจียงใหม่ที่เคารพรัก กติกาประชาธิปไตย ต่อสู้และต่อต้านเผด็จการทุกรูปแบบ อยากเห็นประเทศชาติภายภาคหน้า มีความเจริญ ประชาชน รุ่นลูกหลานของเราอยู่อาศัยอย่างร่มเย็นเป็นสุขในประเทศของพวกเราเอง ไม่มีกลุ่มอภิสิทธิ์ชนกลุ่มใดมาสูบเลือดเนื้อ แอบอ้างบุญคุณเฉกเช่นในยุคนี้ที่พวกเราเห็น การที่จะได้รับในสิ่งที่มุ่งหวังก็ต้องมีการต่อสู้แสดงกำลังให้สังคมได้รับรู้ และเพื่อที่จะให้กลุ่มบุคคลที่มีอำนาจในปัจจุบันได้เข้าใจในสังคมที่ก้าวหน้าเปลี่ยนแปลงไป ไม่อาจฝืนต่อกระแสการพัฒนาของโลก การต่อสู้ร่วมกับผองชนทั่วประเทศในครั้งนี้ เรา " แดงเจียงใหม่ " ได้ร่วมต่อสู้ทุกรูปแบบ และ ในรูปแบบที่ท่านได้เข้ามาร่วมอยู่นี้ คือการเผยแพร่ข่าวสารต่อสังคม

เรา " แดงเจียงใหม่ " ขอเชิญชวนร่วมกันสร้างขวัญ และกำลังใจให้เพื่อนพ้องน้องพี่ร่วมกัน


"อันประชาสามัคคีมีจัดตั้ง
เป็นพลังแกร่งกล้ามหาศาล
แสนอาวุธแสนศัตรูหมู่อันธพาล
ไม่อาจต้านมวลมหาประชาชน"

.

วันอาทิตย์ที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

คำสาปจากหลวงธำรงค์ ฯ

ตาสว่าง

คำสาปจากหลวงธำรงค์ ฯ โดยมหาชำร่วย

นี่เป็นเรื่องเล่าที่ไม่ค่อยจะแพร่หลายนัก และเป็นการอ้างว่าเรื่องราวทั้งหมดนับจากนี้
เป็นเรื่องที่ได้มาจากการบอกเล่าของอดีตนักหนังสือพิมพ์ท่านหนึ่ง ที่บังเอิญได้อยู่ใน
เหตุการณ์ระหว่างที่คณะรัฐประหาร 2490 เตรียมเข้าจับกุมหลวงธำรงค์ นาวาสวัสดิ์

ผมไม่ยืนยันว่าทั้งหมดนี้จะเป็นเรื่องจริงหรือเท็จ และขอให้พวกเราอ่านด้วยวิจารณญาณ
และกรุณาวิจารณ์ด้วยความระมัดระวัง เนื่องจากหลายท่านที่มีส่วนในเรื่องราวนี้ได้ถึงแก่
อสัญกรรมไปแล้วครับ


เหตุการณ์เริ่มขึ้นในเดือน ต.ค. 2490 กลุ่มนายทหารซึ่งประกอบด้วย น.อ.กาจ เก่งระดมยิง,
พ.ท.ก้าน จำนงภูมิเวท, ร.อ.ขุนปรีชารณเสฏฐ์, พ.อ.ศิลป์ รัตนพิบูลย์ชัย ได้ไปชักชวนให้
พล.ท.ผิน ชุณหะวัณ ทำการรัฐประหารยึดอำนาจจากหลวงธำรงค์ นาวาสวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี
ในขณะนั้น แต่ อ.ปรีดี ซึ่งเป็นพันธมิตรกับหลวงธำรงค์ ฯ ได้ระแคะระคายถึงเรื่องนี้และได้
วางแผนกับหลวงธำรงค์ ฯ เพื่อเข้าจับกุมคณะผู้ก่อการรัฐประหารในเช้ามืดของวันที่ 9 พ.ย. 2490

แต่เรื่องจริงกลับเป็นเสียยิ่งกว่านิยาย .. ข่าวการเตรียมการจับกุมคณะผู้ก่อการ ฯ ก็ได้รั่ว
ไปถึงกลุ่มของพล.ท.ผิน ชุณหะวัณ เช่นกัน ทางกลุ่มคณะรัฐประหารจึงต้องชิงลงมือ
ก่อน โดยบุกเข้ายึดอำนาจในคืนวันที่ 7 พ.ย. 2490 ก่อนหน้าแผนของรัฐบาล 2 วัน คณะทหาร
กลุ่มนึงได้ไปควบคุมตัว อ.ปรีดี แต่ อ.ปรีดีได้หลบหนีไปก่อนหน้าแล้ว ขณะที่ทหารอีกส่วนหนึ่ง
ได้มุ่งหน้าไปจับกุม หลวงธำรงค์ ฯ ที่สวนอัมพร

ทำไมต้องเป็นสวนอัมพร ?

คืนวันที่ 7 พ.ย. 2490 นั้น พรรคประชาธิปัตย์ได้จัดงานราตรีการกุศล เมตตาบันเทิงขึ้น
ที่สวนอัมพร หลวงธำรงค์ ฯ ได้เป็นแขกรับเชิญของนายควง และในคืนนั้นได้เกิดปรากฏการณ์
พิเศษขึ้น โดยหลวงธำรงค์ ฯ และนายควง ผู้ซึ่งเป็นขมิ้นกับปูนอย่างถาวรได้ร่วมกันนั่งรถสามล้อถีบ
คันเดียวกัน ซึ่งมี ดร.โชติ คุ้มพันธุ์ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปไตย ซึ่งได้ย้ายเข้ามาเป็น ส.ส.
ประชาธิปัตย์เป็นผู้ถีบรถสามล้อพาวนไปรอบสวนอัมพร

แขกเหรื่อและนักข่าวที่มาร่วมงานต่างก็ยินดี คิดว่าทั้งสองขั้วคงจะประสานกันได้แล้ว
แต่ไม่ทันจะได้เต้นรำ นายทหารเรือคนสนิทของหลวงธำรงค์ ฯ ได้เข้ามากระซิบว่า
คณะรัฐประหารกำลังจะเข้ามาจับกุมตัวหลวงธำรงค์ ฯ ขอให้หลบหนีไปเสียแต่ตอนนี้

เมื่อหลวงธำรงค์ได้ทราบข่าวนี้ ท่านก็ปักใจในทันทีว่านายควง อภัยวงศ์ ต้องมีส่วนรู้เห็น
กับคณะรัฐประหาร และร่วมลวงให้ท่านมาถูกจับที่สวนอัมพรซึ่งเป็นการสะดวกสำหรับ
คณะรัฐประหารเนื่องจากไม่มีกองกำลังของรัฐบาลคอยอารักขาท่าน

ไคลแมกซ์ของเรื่องนี้อยู่ตรงช่วงเสี้ยวของนาทีก่อนที่หลวงธำรงค์ ฯ จะหลบหนีจากสวนอัมพร
มีนักข่าวจากหนังสือพิมพ์การเมืองรายสัปดาห์ได้ยินหลวงธำรงค์ ฯ หันมากล่าวกับนายควง
ก่อนที่จะจากไปว่า

ผมเสียใจที่เราทั้งสองไม่มีโอกาสจะร่วมกันสร้างชาติให้วัฒนาต่อไปได้ และผมไม่เคยคิดว่า
นักการเมืองที่ทรงเกียรติอย่างท่านจะมีเล่ห์กลมากมายอย่างนี้ ผมไม่เสียดายในตำแหน่งของผม
แม้แต่น้อย แต่ผมเสียดายที่ประเทศของเราไม่มีโอกาสให้ประชาธิปไตยได้อยู่บนแผ่นดินนี้นานนัก
และผมชิงชังเหลือเกินกับผู้ที่มุ่งหาประโยชน์ใส่ตัวด้วยการหักหลังและตระบัดสัตย์ที่
เคยให้ไว้แก่
ประชาชน ผมขอสาปแช่งทุกคนที่มีส่วนทำให้ประชาชนและแผ่นดินนี้ต้องย้อนกลับไปสู่อำนาจ
ศักดินาที่กดขี่และตักตวง มันผู้ใดคิดคดทรยศต่อประชาชนเพื่อหวังในอำนาจบารมี ผมขอให้มัน
มีอันเป็นไปต้องทุกข์ทรมานด้วยสิ้นลมก่อนจะสิ้นใจ และพบกับความวิบัติจัญไรล่มสลายไปด้วย
น้ำมือของประชาชนภายใน 7 ชั่วคน

นั่นคือบันทึกถ้อยคำสุดท้ายของหลวงธำรงค์ นาวาสวัสดิ์ ที่นักข่าวท่านนั้นบันทึกไว้
ก่อนที่หลวงธำรงค์ ฯ จะหลบหนีไปลี้ภัยที่ฮ่องกง

ผมไม่ทราบว่าคำสาปแช่งของหลวงธำรงค์ ฯ ท่านจะเป็นจริงขึ้นมาหรือไม่
แต่ก็ให้น่าแปลกใจที่ในเวลาต่อมา นายควง อภัยวงศ์ ได้ถึงแก่อสัญกรรมลง
ในวัย 66 ปี ด้วยโรคทางเดินหายใจขัดข้อง

ท่านต่อมาก็ได้แก่ มรว.เสนีย์ ปราโมช ซึ่งเชื่อกันว่าท่านมีส่วนในการร่างรัฐธรรมนูญ
ฉบับใต้ตุ่มซึ่งเป็นรัฐธรรมนูญที่คณะรัฐประหาร 2490 ได้นำออกประกาศใช้หลังจากที่
ได้ทำรัฐประหารสำเร็จ ซึ่งในเวลาต่อมาท่าน มรว. เสนีย์ ปราโมช ป่วยเป็นโรคหลอดลม
อักเสบเรื้อรังอยู่นานหลายปี และได้เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลกรุงเทพ จนถึงแก่อสัญกรรม
ในวัย 92 ปี ด้วยโรคถุงลมโป่งพอง

ยังมีอีกหลายเหตุการณ์ที่ฟังแล้วดูเหมือนจะสอดคล้องและทำให้อดคิดไม่ได้ว่า
อำนาจความเคียดแค้นที่รุนแรงจนกลายเป็นคำสาปแช่งนั้น อาจจะมีอยู่จริง
และยังคงดำเนินต่อไปอย่างซื่อสัตย์จนทุกวันนี้ และที่ใกล้ตัวเราที่สุดในขณะนี้
ก็ได้แก่ เรื่องอนาคตของพรรคประชาธิปัตย์เองซึ่งดำเนินงานทางการเมืองผิดพลาด
จนเป็นเหตุให้ประชาชนจำนวนไม่น้อยเกลียดชังและเบื่อหน่ายกับรัฐบาลภายใต้
การนำของพรรคประชาธิปัตย์ รวมทั้งคดียุบพรรคที่กำลังดำเนินอยู่ถึง 2 คดีไล่เลี่ยกัน
ทำให้อนาคตของพรรคประชาธิปัตย์เริ่มอยู่บนความไม่แน่นอน

และสิ่งที่ผมอยากจะเรียนให้พวกเราจับตาดูในเรื่องนี้เป็นพิเศษก็คือ
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ คนที่ 7 !!

ผมจึงอดขนลุกไม่ได้กับประโยคสุดท้ายในคำสาปแช่งของหลวงธำรงค์

.. “และพบกับความวิบัติจัญไรล่มสลายไปด้วยน้ำมือของประชาชนภายใน 7 ชั่วคน” ..


รายละเอียดเกี่ยวกับการทำรัฐประหาร 2490 พวกเราสามารถย้อนกลับไปอ่านได้ที่นี่ครับ
https://www.rajdumnern.net/showthread.php?tid=1617
และ https://www.rajdumnern.net/showthread.php?tid=1636

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ผู้ให้ข้อมูลร่วมกัน