แดงเชียงใหม่

กราบสวัสดี พี่น้องทุกๆท่านที่เข้ามาเยี่ยมเยือน Blog นปช.แดงเชียงใหม่ ขอเรียนชี้แจงสักนิดว่า เรา ”แดงเจียงใหม่” เป็นกลุ่มคนชาวเจียงใหม่ที่เคารพรัก กติกาประชาธิปไตย ต่อสู้และต่อต้านเผด็จการทุกรูปแบบ อยากเห็นประเทศชาติภายภาคหน้า มีความเจริญ ประชาชน รุ่นลูกหลานของเราอยู่อาศัยอย่างร่มเย็นเป็นสุขในประเทศของพวกเราเอง ไม่มีกลุ่มอภิสิทธิ์ชนกลุ่มใดมาสูบเลือดเนื้อ แอบอ้างบุญคุณเฉกเช่นในยุคนี้ที่พวกเราเห็น การที่จะได้รับในสิ่งที่มุ่งหวังก็ต้องมีการต่อสู้แสดงกำลังให้สังคมได้รับรู้ และเพื่อที่จะให้กลุ่มบุคคลที่มีอำนาจในปัจจุบันได้เข้าใจในสังคมที่ก้าวหน้าเปลี่ยนแปลงไป ไม่อาจฝืนต่อกระแสการพัฒนาของโลก การต่อสู้ร่วมกับผองชนทั่วประเทศในครั้งนี้ เรา " แดงเจียงใหม่ " ได้ร่วมต่อสู้ทุกรูปแบบ และ ในรูปแบบที่ท่านได้เข้ามาร่วมอยู่นี้ คือการเผยแพร่ข่าวสารต่อสังคม

เรา " แดงเจียงใหม่ " ขอเชิญชวนร่วมกันสร้างขวัญ และกำลังใจให้เพื่อนพ้องน้องพี่ร่วมกัน


"อันประชาสามัคคีมีจัดตั้ง
เป็นพลังแกร่งกล้ามหาศาล
แสนอาวุธแสนศัตรูหมู่อันธพาล
ไม่อาจต้านมวลมหาประชาชน"

.

วันพฤหัสบดีที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

เขาจับผมยังไง เรื่องจริงจาก ปรวย salty head ตอนที่ 1


Mon, 07/26/2010

by ตอแหลแลนด์
ที่มา – เว็บบอร์ดประชาไท

ปลาย เดือนพฤษภาคม วันนี้ตั้งใจขับรถออกไปซื้ออะหลั่ยจักรยาน เพื่อจะทำรถให้ดี อยากขี่ไปต่างจังหวัด กะว่าจะตลุยเหนือ อีสาน ขี่จักรยานไปคุยกับพี่น้องที่บอบช้ำกลับไปจากการชุมนุม อยากไปถ่ายรูปเผื่อมาทำสารคดี เพื่อให้ชาวบ้านมีพื้นที่ในการพูดบ้าง

กิน ข้าวอาบน้ำเสร็จ ราวบ่ายโมงกว่าๆ ขับรถออกไปจากหมู่บ้าน ออกไปได้ไม่ไกล เรียกว่าแถวหน้าหมู่บ้านนั่นแหละ มีรถคันนึงกำลังกลับรถอยู่ข้างหน้า ทำให้รถคันข้างหน้าผมติดคาอยู่ ปรากฏว่าผู้หญิงคนที่กำลังกลับรถ กลับจอดรถลงมาเปิดฝากระโปรงหน้า ผมนึกในใจอ้าวรถเสียนี่หว่า แถมจอดคาถนนด้วยสงสัยแบ๊ตหมด นึกได้ว่าในรถผมมีสายชาร์ท กำลังจะขยับรถเบี่ยงออกซ้าย เพราะเห็นรถคันหน้าผมจอดเฉยๆ กลับมีรถทางซ้ายวิ่งขึ้นมาด้านข้างรถผม ทำให้ขยับไม่ได้ นึกด่าในใจ ไอ้ห่าจะไปช่วยเข้าชาร์ทแบ๊ตเสืออกมาขวาง ผมขยับจะเปิดประตู ก็มีชายวัยประมาณ 50 ใส่สูทเดินมาข้างรถ ตอนแรกนึกว่าคนบ้า เพราะอากาศร้อนขนาดนี้เสือกใส่สูทกลางถนน แต่ที่ไหนได้ ชายคนนี้เปิดด้านในเสื้อให้ดู มีปักคำว่า DSI ! จึงเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น

ผม ไขกระจกลง ชายคนนั้นถามว่าปรวยใช่มั๊ย ผมคิดว่าไม่มีประโยชน์ที่จะปฏิเสธ และผมเคยคิดไว้แล้วว่าถ้าโดนจับ ผมจะไม่แถแน่ๆ แต่จะพูดความจริง ผมบอกใช่ ชายคนนั้นบอกขอเข้าไปคุยในรถ ผมบอกงั้นเดี๋ยวผมเรียกทนาย ชายคนนั้นรีบบอก อ๋อนี่จะเอาแบบ formal ใช่มั๊ย

ผม เปิดประตูให้เขามานั่งในรถ เขาเอาหมายค้นให้ดู ผมดู ศาลแม่งขยันฉิบหายอออกหมายค้นให้วันอาทิตย์ (วันที่เขามาจับผมวันจันทร์) ชายคนนั้นถามผมว่า ผมไปโพสรูปอะไรในเว็บ ตอนนั้นผมนึกว่าเขาหมายถึงภาพตัดต่อ เว็บแรกผมนึกถึงรูปลิง ซึ่งผมคิดว่าถ้าเป็นกฏหมายหมิ่น รูปอะไรแบบนั้นน่าจะเข้าข่าย นั้นทำให้ผมมั่นใจว่า ผมไม่เคยโพสรูปแบบนั้นแน่ๆ ผมเลยบอกไปว่าไม่มีอ่ะ ผมไม่เคยโพสรูป เดี๋ยวตอนหลังผมจะเฉลยว่าเขาหมายถึงรูปอะไร ท่านทั้งหลายคอยกลั้นหัวเราะให้ดีก็แล้วกัน

เขา บอกผมอีกว่าคุณทำผิดเรื่องความมั่นคง ผมเลยฟิวส์ขาดแต่เก็บอารมณ์ไว้ได้หน่อยนึง เลยสวนไปว่าความมั่นคงบ้าอะไรของพวกคุณ คุณแม่งเอาความมั่นคงของประเทศชาติไปผูกไว้กับครอบครัวครอบครัวเดียว แบบนั้นไม่ใช่ความมั่นคงของประเทศ ตำรวจนายนั้นเลยชะงักไปหน่อย ผมคิดว่าเขาคงคิดในใจว่า งานนี้ไม่หมูแน่ๆ

จาก นั้นเขาบอกให้ผมกลับเข้าไปในบ้าน ให้แกล้งบอกยามว่ามาปาร์ตี้กัน เดี๋ยวจะมีรถเจ้าหน้าที่ตามมาอีกสี่ห้าคัน ผมถึงรู้ว่าไอ้รถที่รายล้อมผมอยู่นั้นเป็นรถ DSI ทั้งหมด ตอนนั้นผมนึกในใจ ไอ้เห ี้ยนี่กูคงไปฆ่าใครตายมั้ง แม่งถึงแห่กันมาขนาดนี้

ถึง บ้านตอนแรกผมก็ยังกวนตีนอยู่บอกยังไม่ให้เข้าบ้าน เดี๋ยวจะเรียกทนาย ตอนนั้นผมโมโหมาก เลยโวยวายไปว่าอ้อนี่เห็นว่ามีอำนาจจาก พรก เลยจะใช้ปืนกดหัวประชาชนหรือไงวะ บอกให้ก็ได้ผมไม่ได้โง่ ไม่ใช่ตาสีตาสานะ

เจ้า หน้าที่ผู้หญิงรับบอกว่าไม่มี ไม่มีใครมีปืน เบ็ดเสร็จผมนับคร่าวๆ เจ้าหน้าที่ทั้งหมดที่มาที่บ้านผม ประมาณราวๆ เกือบยี่สิบคน ไอ้เห ี้ยนี่กูคงไปฆ่าใครตาย จริงๆแน่เลย ทำไมกูไม่รู้วะ?!?

หลัง จากนั้นแม่กับป้าก็บอกให้ผมใจเย็นๆ ผมเลยเย็นลง เลยเอ้าอยากค้นอะไรก็ค้นไปตามสบาย เจ้าหน้าที่ก็เริ่มค้นในรถในบ้าน โดยมีผมตั้งใจเดินกวนตีนตามตลอด ซึ่งมันก็น่าจะกวนตีน

เขา ถามหาโน๊ตบุ๊คผม ผมก็พาขึ้นไปบนห้อง ให้ไปทั้งตัวเก่าและตัวใหม่ บนห้องนอนผมจะมีชั้นหนังสือสูงจากพื้นจรดเพดานเต็มผนัง อัดแน่นไปด้วยหนังสือพ๊อคเก็ตบุ๊คและดีวีดี ซึ่งก็เป็นที่สนใจของเจ้าหน้าที่ DSI ตัวหัวหน้าคนที่เข้าชาร์จผมคนแรกในรถ ไปเห็นหนังสือ การปฏิวัติฝรั่งเศสสามเล่ม 2 เล่มเป็นของอาจารย์จรัล ดิษฐาอภิชัยเขียน อีกเล่มเป็นของหม่อมเจ้าอทิตยา อะไรสักอย่างผมลืมชื่อไป แกก็ดูตื่นเต้นบอกนี่ไงๆ ผมบอกอะไรนี่มัน พศ. สองห้าสามห้านะครับ ไม่ใช่สองห้าหนึ่งเก้า จะได้มีความผิด หนังสือแบบนี้เขาขายกันทั่วไป แกก็หัวเราะบอกว่าเปล่าไม่มีอะไร แกบอกลูกน้องให้เอาไปด้วยเพื่อจะได้รู้แนวคิด ! แต่ลุกน้องก็ลืมหยิบไป

ขณะ ที่เจ้าหน้าที่คนอื่นๆ กำลังค้นของอยู่นั้น ตัวหัวหน้าและอีกคนก็พยายามคุยกับผมดีๆ ผมก็คุยดี แต่ผมก็พูดตรง เพราะโอกาสแบบนี้คงไม่มีบ่อยนักที่ผมจะได้พูดตรงๆกับเจ้าหน้าที่บ้านเมือง

แก บอกว่าอ่านหนังสือเยอะนะ ผมบอกครับก็เพราะผมอ่านเยอะไง ผมถึงรู้อะไรเยอะ รู้ว่าอะไรถูกอะไรไม่ถูก รู้ว่าทำไมตอนนี้มันถึงสองมาตราฐาน รู้ว่าทำไมตอนยึดทำเนียบปิดสนามบิน ไม่มีใครทำอะไร มาตอนนี้แม่งไล่ฆ่าประชาชน ตำรวจหัวหน้าแกก็หัวเราะแล้วหันมาพยักเพยิดกับผมบอกว่าเนอะ ตอนนั้นตายสองคนตำรวจโดนสอบ ตอนนี้ตายแปดสิบกว่าคนไม่เป็นไร

ผมไม่รู้แกพูดเพื่อให้ผมรู้สึกมีพวกหรือแกรู้สึกจริงๆผมก็ไม่ทราบได ้ซึ่งผมก็ไม่ได้สนใจ

พอ ลงมาข้างล่างมาที่โต๊ะทำงาน คราวนี้หนังสือบนโต๊ะยิ่งเป็นที่สนใจของ DSI มากขึ้น 4-5 เล่มที่วางอยู่บนโต๊ะนั้นล้วนเป็นหนังสือของท่านปรีดีทั้งสิ้น เท่าที่จำได้เล่มนึงเป็นเค้าโครงเศรษฐกิจของท่านปรีดี ผมกำลังสนใจเรื่องนี้ สนใจเรื่องสวัสดิการสังคมที่ท่านคิดมาตั้งแต่ก่อนปี 2500 แต่กลับถูกหาว่าเป็คอมมิวนิสต์ ผมว่ากำลังจะหาแง่มุมมาทำสารคดีเกี่ยวกับเรื่องนี้ ทำแบบให้เข้าใจง่ายๆ ไม่ต้องปีนกะไดฟัง ปีนกะไดดู

อีก เล่มก็เป็นของคุณสุพจน์ด่าน ตระกูล เขียนเรื่องปรีดีหนี ส่วนอีก 2- 3 เล่มจำไม่ได้ แต่ทั้งหมดนั้นก็ถูกเจ้าหน้าที่รวบไป เลยได้ทีผมกวนตีนอีก

ผม พูดแบบหัวเราะเยาะเย้ยเช่นเดิมว่า เฮ้ยหนังสือปรีดีนี่เดี๋ยวนี้เขาไม่ได้ขายกันใต้ดินแล้วนะ ไปงานสัปดาห์หนังสือนี่วางขายกันเยอะเลยนะ ประมาณนี้ที่ผมพูด

เมื่อ ได้ของจนพอใจ (จริงๆเจ้าหน้าที่ก็กวาดสาดๆไป ซีดีบนโต๊ะที่พวกคนทำงานกับผมเอางานมาส่งก็กวาดไปด้วย สงสัยจริงๆว่าจะเปิดดูทุกแผ่นหรือเปล่า)

จาก นั้นก็ให้ผมเซ็นรับ ปิดผนึกอย่างดี บอกว่าจะเปิดก็เมื่อเปิดต่อหน้าผมเท่านั้น เอาของไปเก็บไว้แล้วจะนัดผมไปเปิดซองตรวจของกันทีละชิ้น ผมก็เซ้นต์ๆไป

แต่ ผมบอกว่า โน๊ตบุ๊คของน้องสาวผมไม่เกี่ยวช่วยกรุณาเอามาคืนเขาไวๆด้วย เพราะเขาไม่เกี่ยวและจริงๆก็ไม่ควรเอาไปด้วย แต่ตำรวจหัวหน้ารีบบออกว่าไม่ได้ต้องเอาคอมไปให้หมดเพื่อตรวจสอบ โชคดีผมไม่ได้บอกว่าผมมีเครื่อง Imac รุ่นแรก กับ mac LCII รุ่นจอขาวดำที่ผมเก็บสะสมอยู่ด้วย ถ้าบอกคาดว่าแกคงให้ลูกน้องเอาไปด้วย

จาก นั้นเขาก็บออกให้ผมไปที่ DSI ผมถามว่าจะควบคุมตัวผมเลยหรือไม่ ผมจะได้เตรียมตัว เจ้าหน้าที่รีบบอกว่าเปล่าแค่ไปสอบสวน ขับรถไปได้เลยเอาแม่ไปด้วย ผมบอกแถวนั้นมันหลายประตูผมกลัวเข้าไม่ถูกถ้าเลยแล้วกลับรถไกล ให้ตำรวจมานั่งรถผมคนนึงจะได้คอยบอกทาง ตำรวจนายนึงที่ดูท่าทางเป็นมิตรก็ขึ้นมานั่งรถผม

จริงๆ ระหว่างตรวจค้นในบ้านตำรวจก็พยายามคุยเรื่องทั่วไป ผมเข้าใจว่าคงเพื่อให้ผมผ่อนคลายและรู้สึกว่าพวกเขาไม่ได้จะทำร้ายอะไร ซึ่งดูของทุกอย่างในบ้านผมจะเป็นที่สนใจของตำรวจไปหมด ไม่ว่าจะเป็นแผ่นเสียง เครื่องเล่นแผ่นเสียง เครื่องเสียง ตำรวจบางนายถามผมว่าชอบฟังเพลงอะไร ผมบอกว่าชอบฟังแจ๊ซ แกก็บอกเออผมก็ชอบ วันหลังมาขอฟังบ้างเพราะแกก็เล่นเครื่องเสียง บางคนเห็นจักรยานผมก็สนใจผมก็อธิบายให้ฟังว่าจักรยานที่มันแพงๆหน่อยมันดี กว่าจักรยานธรรมดายังไง บรรยากาศช่วงนี้เหมือนเพื่อนมาปาร์ตี้ที่บ้านจริงๆ

ช่วงหน้ามาดูว่า เขาสอบสวนผมยังไง หรือมาดูว่าใครสอบสวนใคร

โปรดคอยติดตามด้วยความระทึกในหทัยพลัน (ขอยืมสำนวนหน่อยนะครับ มติชน ฮา)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ผู้ให้ข้อมูลร่วมกัน