แดงเชียงใหม่

กราบสวัสดี พี่น้องทุกๆท่านที่เข้ามาเยี่ยมเยือน Blog นปช.แดงเชียงใหม่ ขอเรียนชี้แจงสักนิดว่า เรา ”แดงเจียงใหม่” เป็นกลุ่มคนชาวเจียงใหม่ที่เคารพรัก กติกาประชาธิปไตย ต่อสู้และต่อต้านเผด็จการทุกรูปแบบ อยากเห็นประเทศชาติภายภาคหน้า มีความเจริญ ประชาชน รุ่นลูกหลานของเราอยู่อาศัยอย่างร่มเย็นเป็นสุขในประเทศของพวกเราเอง ไม่มีกลุ่มอภิสิทธิ์ชนกลุ่มใดมาสูบเลือดเนื้อ แอบอ้างบุญคุณเฉกเช่นในยุคนี้ที่พวกเราเห็น การที่จะได้รับในสิ่งที่มุ่งหวังก็ต้องมีการต่อสู้แสดงกำลังให้สังคมได้รับรู้ และเพื่อที่จะให้กลุ่มบุคคลที่มีอำนาจในปัจจุบันได้เข้าใจในสังคมที่ก้าวหน้าเปลี่ยนแปลงไป ไม่อาจฝืนต่อกระแสการพัฒนาของโลก การต่อสู้ร่วมกับผองชนทั่วประเทศในครั้งนี้ เรา " แดงเจียงใหม่ " ได้ร่วมต่อสู้ทุกรูปแบบ และ ในรูปแบบที่ท่านได้เข้ามาร่วมอยู่นี้ คือการเผยแพร่ข่าวสารต่อสังคม

เรา " แดงเจียงใหม่ " ขอเชิญชวนร่วมกันสร้างขวัญ และกำลังใจให้เพื่อนพ้องน้องพี่ร่วมกัน


"อันประชาสามัคคีมีจัดตั้ง
เป็นพลังแกร่งกล้ามหาศาล
แสนอาวุธแสนศัตรูหมู่อันธพาล
ไม่อาจต้านมวลมหาประชาชน"

.

วันศุกร์ที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

“นิยาย”กลบเกลื่อนปัญหาการเมืองภายในประเทศของรัฐบาล



Porsche


\ Read more from ประเทศไทย

การเจรจาเรื่องการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก
กลายเป็นเรื่องอึกทึกคึกโคมไปอีกวัน
เมื่อเป็นที่แน่ชัดว่ายุทธศาสตร์ในการเจรจาต่อรองของรัฐบาลอภิสิทธิ์นั้น
ผสมระหว่างการหาเรื่องระรานและข่มขู่

บรรยากาศของการข่มขู่นั้น
รวมไปถึงการพิจารณาถอนตัวออกจากการเป็นภาคีของคณะกรรมการยูเนสโก
ไปจนถึงการข่มขู่อย่างเป็นนัยของสมาชิกพรรคร่วมรัฐบาลอย่างพรรคเพื่อแผ่นดินว่า
อาจจะมีการใช้กำลังทางทหาร
สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่วิถีของสมาชิกที่น่าเคารพของประชาคมโลกควรปฏิบัติ

การที่นายกอภิสิทธิ์ปล่อยตนเองให้ถูกจูงจมูกนำความหายนะต่อตัวนายอภิสิทธิ์เอง
ซ้ำยังทำให้คนสงสังถึงศักยภาพในการเลือกด้วยการเลือกพวกพ้อง
และลำดับความสำคัญ
กลุ่มคลั่งชาติหัวรุนแรงของกลุ่มพันธมิตรถูกใช้เป็นกลุ่มโฆษณาชวนเชื่อ
ในการต่อสู้เรื่องความขัดแย้งปราสาทพระวิหารนี้
ซึ่งบริเวณชายแดนของกัมพูชานี้ได้รับการชี้ชัดจากศาลโลกไปแล้วเมื่อ 50ปีที่แล้ว
และนายกอภิสิทธิ์ก็ไม่ลังเลที่เลือกเรื่องนี้มาเป็นประเด็น

แผนการอันรุนแรงและคุกคามของกลุ่มพันธมิตรในกรณีข้อพิพาทปราสาทพระวิหารนั้น
รวมไปถึงการก่อการจลาจล
และความพยายามที่จะยั่วยุให้เกิดการปะทะระหว่างกองทัพไทยและกัมพูชา
ซึ่งเกิดเหตุการณ์เคยเกิดขึ้นมาแล้ว
แต่นายกอภิสิทธิ์กลับนิ่งเฉยกับแผนการของกลุ่มพันธมิตร แท้จริงแล้ว
แล้วนายกอภิสิทธิ์ปล่อยให้กลุ่มพันธมิตรเย้ย พ.ร.ก. ฉุกเฉิน
อันเป็น พ.ร.ก.ฉบับเดียวที่ใช้สลายการชุมนุมของคนเสื้อแดง
ความเป็นจริงก็คืออภิสิทธิ์ต้องการมีนักเลงอันธพาลอย่างกลุ่มพันธมิตรไว้เป็นพวก
เพื่อให้คนกลุ่มนี้คอยทำกิจกรรมนอกเหนือกฎหมายเมื่อถึงคราวจำเป็น

หากเปรียบเทียบกับ ภาพยนตร์ในปี 2450 เรื่อง “Wag the Dog”
ที่ประธานาธิบดีผู้จนตรอกพยายามสร้างเรื่อง
ทำสงครามเพื่อกลบเกลื่อนปัญหาภายในแล้วยิ่งเห็นได้ชัด
แต่แผนการนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายต่ออภิสิทธิ์

เมื่อหลายสัปดาห์ก่อน
รัฐบาลอภิสิทธิ์ปฏิเสธให้นานาชาติเข้ามามีส่วนร่วมสังเกตการณ์ปัญหา
และแนวทางการแก้ไขทางการเมืองที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกในขณะนี้
โดยอภิสิทธิ์อ้างว่าเรื่องนี้เป็นปัญหาภายในและประเทศอื่นไม่ควรแทรกแซง

การเริ่มทำสงครามกับกัมพูชา
สร้างความไร้เสถียรภาพแก่ภูมิภาคและปัญหาใหญ่ระหว่างประเทศ
สิ่งเหล่านี้ล้วนสมผลประโยชน์ของพวกหัวรุนแรงในกลุ่มพันธมิตร
ซึ่งเป็นกลุ่มองค์กรเล็กที่ได้รับการสนับสนุนจากชนชั้นกลางกลุ่มหนึ่งในกรุงเทพ
และสิ่งเหล่านี้นำมาสู่ความสนใจอันไม่น่าพึงประสงค์ต่อรัฐบาลอภิสิทธิ์
ท้ายที่สุดคำถามที่อภิสิทธิ์จะต้องก็คือ ใครคือสุนัข และใครคือคนที่สั่งการ

http://robertamsterdam.com/thai/?p=217

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ผู้ให้ข้อมูลร่วมกัน