แดงเชียงใหม่

กราบสวัสดี พี่น้องทุกๆท่านที่เข้ามาเยี่ยมเยือน Blog นปช.แดงเชียงใหม่ ขอเรียนชี้แจงสักนิดว่า เรา ”แดงเจียงใหม่” เป็นกลุ่มคนชาวเจียงใหม่ที่เคารพรัก กติกาประชาธิปไตย ต่อสู้และต่อต้านเผด็จการทุกรูปแบบ อยากเห็นประเทศชาติภายภาคหน้า มีความเจริญ ประชาชน รุ่นลูกหลานของเราอยู่อาศัยอย่างร่มเย็นเป็นสุขในประเทศของพวกเราเอง ไม่มีกลุ่มอภิสิทธิ์ชนกลุ่มใดมาสูบเลือดเนื้อ แอบอ้างบุญคุณเฉกเช่นในยุคนี้ที่พวกเราเห็น การที่จะได้รับในสิ่งที่มุ่งหวังก็ต้องมีการต่อสู้แสดงกำลังให้สังคมได้รับรู้ และเพื่อที่จะให้กลุ่มบุคคลที่มีอำนาจในปัจจุบันได้เข้าใจในสังคมที่ก้าวหน้าเปลี่ยนแปลงไป ไม่อาจฝืนต่อกระแสการพัฒนาของโลก การต่อสู้ร่วมกับผองชนทั่วประเทศในครั้งนี้ เรา " แดงเจียงใหม่ " ได้ร่วมต่อสู้ทุกรูปแบบ และ ในรูปแบบที่ท่านได้เข้ามาร่วมอยู่นี้ คือการเผยแพร่ข่าวสารต่อสังคม

เรา " แดงเจียงใหม่ " ขอเชิญชวนร่วมกันสร้างขวัญ และกำลังใจให้เพื่อนพ้องน้องพี่ร่วมกัน


"อันประชาสามัคคีมีจัดตั้ง
เป็นพลังแกร่งกล้ามหาศาล
แสนอาวุธแสนศัตรูหมู่อันธพาล
ไม่อาจต้านมวลมหาประชาชน"

.

วันอังคารที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ทนาย'ทักษิณ' จวกมาร์ค จอมเผด็จการ


"รอเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม"ออกโรงอ้างคำพูดนักสิทธิมนุษยชนชั้นนำของแอฟริกา
พร้อม เปรียบเทียบนายกรัฐมนตรีไทยมีพฤติกรรมไม่แตกต่างจาก"รอเบิร์ต มูกาเบ"ผู้นำเผด็จการของซิมบับเว...

รอเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม ทนายความชื่อดังชาวแคนาดา วัย 54 ปี ซึ่งรับเป็นที่ปรึกษาด้านกฎหมาย
ให้ กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ของไทยที่ถูกโค่นอำนาจ
โดย กองทัพเมื่อวันที่ 19 ก.ย.ปี 2006 ออกมาเปิดเผยผ่านเว็บไซต์ส่วนตัว
โดย อ้างคำพูดของ"อีแวนส์ โมนารี"ทนายความชื่อดังด้านสิทธิมนุษยชนของทวีปแอฟริกาที่ออกมาเปรียบเทียบ ว่า

เหตุรุนแรงทางการเมืองที่เกิดขึ้นในกรุงเทพฯ ระหว่างเดือนเม.ย.-พ.ค.ที่ผ่านมา
ที่มีการใช้กำลัง"สังหารหมู่"กลุ่มผู้ ประท้วงต่อต้านรัฐบาลจำนวนมากนั้น
มีความคล้ายคลึงกับเหตุรุนแรงหลังการ เลือกตั้งในกรุงไนโรบีของเคนยาช่วงปี 2007-2008 อย่างมาก

ทนายความ ประจำตัวของ พ.ต.ท.ทักษิณ
ซึ่งได้เดินทางไปยังประเทศเคนยาทางตะวันออก ของทวีปแอฟริกาเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
อ้างคำพูดของโมนารีที่ระบุว่า ความรุนแรงที่เกิดขึ้นทั้งในไทยและเคนยามีความคล้ายคลึงกัน
เพราะมีการ ลุกฮือขึ้นของฝูงชนเพื่อต่อต้าน"อำนาจเผด็จการ"
และระบอบการปกครอง ที่"ไม่เป็นประชาธิปไตย"เหมือนกัน
อีกทั้งยังจบลงด้วย"ความรุนแรง"ไม่ แตกต่างกันจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่ง
ที่องค์กรระหว่างประเทศและหน่วยงาน ด้านสิทธิมนุษยชนต่างๆ
จะต้อง"ยื่นมือ"เข้ามาเป็นตัวกลางในการไกล่ เกลี่ยยุติปัญหาที่เกิดขึ้น

ขณะเดียวกัน บทความชิ้นล่าสุดของอัมสเตอร์ดัม ยังมีเนื้อหาแสดงการเปรียบเทียบ
ลักษณะ การปกครองประเทศของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ของไทยในขณะนี้ว่า
"ไม่ แตกต่าง"ไปจากการปกครองของประธานาธิบดีรอเบิร์ต มูกาเบแห่งซิมบับเว
โดย อัมสเตอร์ดัมระบุว่ารัฐบาลไทยชุดปัจจุบันกับรัฐบาลซิมบับเว
ต่างมี พฤติกรรมของการก่อความรุนแรงทางการเมืองเหมือนกัน,
มีการสร้างเครื่องมือ ทางกฎหมายมาใช้ในการกดขี่ปราบปรามฝ่ายตรงข้ามเหมือนกัน
รวมถึงมีความ พยายามในการเน้นย้ำ"ความชอบธรรมทางกฎหมาย" ของตัวเอง
และตราหน้าฝ่ายตรง ข้ามว่าเป็นพวก"ผู้ก่อการร้าย"เช่นเดียวกัน

อัมสเตอร์ดัมยังระบุว่า รัฐบาลไทยภายใต้การนำของนายอภิสิทธิ์ยังมี"ทหาร"
และกลุ่มพันธมิตร ประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (PAD)คอยหนุนอยู่"หลังฉาก"
ซึ่งก็ไม่ต่างไปจาก กรณีของรัฐบาลมูกาเบ
ที่มีกองกำลังติดอาวุธที่รู้จักกันในนาม "the War Veterans"คอยค้ำจุนอำนาจอยู่เบื้องหลังเช่นกัน

นอกจากนั้น ทนายความชื่อดังเจ้าของสำนักงานกฎหมายระดับโลก"อัมสเตอร์ดัม แอนด์ พีร็อฟฟ์"
รายนี้ยังระบุว่ารัฐบาลอภิสิทธิ์ที่มักอ้างอยู่เสมอว่า
เคารพ ในหลักการของกฎหมายกลับมีพฤติกรรมของการ"เลือกปฏิบัติ" อย่างเห็นได้ชัด
จาก กรณีที่ไม่ดำเนินการใดๆ ตามกฎหมายกับกลุ่มพันธมิตรฯ
ที่เคยก่ออาชญากรรม อย่างอุกอาจถึงขั้นบุกเข้ายึดทำเนียบรัฐบาลและสนามบินสำคัญๆของประเทศมาแล้ว

บท ความชิ้นนี้ในเว็บไซต์ของอัมสเตอร์ดัมยังกล่าวโจมตีว่า
รัฐบาลไทยและซิ มบับเวเป็นรัฐบาลตัวอย่างของรัฐบาล"เพียงไม่กี่แห่งในโลก"
ที่มีการตั้ง ข้อกล่าวหาอย่างฉ้อฉลต่อพลเมืองของตัวเองว่า เป็นพวกผู้ก่อการร้าย
ซึ่ง การกระทำดังกล่าวของรัฐบาลอภิสิทธิ์เป็นการ "ประจานตัวเอง"
ให้ประชาคม โลกได้เห็นว่าระบบกฎหมายของไทยมี"มาตรฐานที่แตกต่าง"ไปจากกฎหมายของประเทศ
ที่ เจริญแล้วทั่วโลกมากเพียงใด

อัมสเตอร์ดัมยังได้เรียกร้องผ่านบทความ ชิ้นล่าสุดนี้ให้ประชาคมระหว่างประเทศ
เร่งกดดันให้รัฐบาลไทยยอมปฏิบัติ ตามพันธกรณีทางกฎหมายระหว่างประเทศ
ด้วยการปล่อยตัวนักโทษทางการเมือง
และ เร่งจัดการสอบสวนหาผู้รับผิดชอบต่อการเสียชีวิตของกลุ่มต่อต้านรัฐบาลกว่า 90 คนในช่วงที่ผ่านมา
และให้นำตัวคนเหล่านี้มารับโทษตามกฎหมายโดยเร็ว
พร้อม ย้ำว่าหากนานาชาติไม่รีบยื่นมือเข้ามาจัดการกับสิ่งที่เกิดขึ้นในไทย
ประเทศ ไทยก็จะมีชะตากรรมในอนาคตที่ไม่แตกต่างไปจากสิ่งที่เกิดขึ้นในซิมบับเวตอน นี้

ขณะเดียวกัน ดร.โจนาธาน ฟ็อกซ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านรัฐศาสตร์
และ ความขัดแย้งทางการเมืองจากมหาวิทยาลัย "บาร์ อิลัน"ในอิสราเอล ได้ออกมา
ตั้ง ข้อสังเกตผ่านทาง"East Asia Forum"โดยระบุว่าพฤติกรรมของรัฐบาลอภิสิทธิ์
ใน ขณะนี้ดูเหมือนอาจมีวัตถุประสงค์เพื่อต้องการปิดกั้นและคุกคามฝ่ายตรงข้าม ทางการเมือง
มากกว่าที่จะผลักดันให้เกิดการเจรจาอันจะนำไปสู่ความ ปรองดองกันอย่างแท้จริง
เห็นได้จากความพยายามของรัฐบาลในการปิดกั้นสื่อ แขนงต่างๆ โดยเฉพาะสื่อออนไลน์
ซึ่งฟ็อกซ์มองว่าเป็นเรื่องที่น่าเศร้า และถือเป็นการ"ถอยหลังเข้าคลอง"ของประเทศไทยอย่างน่าตกใจ
ทั้งๆที่ครั้ง หนึ่งไทย
เคยได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่เปิดกว้างและมีเสรีภาพมากที่สุดใน ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้.

http://www.thairath.co.th/content/oversea/97565

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ผู้ให้ข้อมูลร่วมกัน