อุณหภูมิการกดขี่ พวยพุ่งขึ้นสูงสุดถึงจุดแตกหัก
ห่ากระสุนกระชากวิญญาณนักต่อสู้เพื่อ ประชาธิปไตยมิรู้จบสิ้น
ชีวิตร่วงลงอย่างรวดร้าวในม่านควันข้อมูลข่าวสาร แตกต่างบดบังตา
มิใช่มือของพี่น้องร่วมชาติหรอกหรือ ที่เหนี่ยวไกปืนอยู่อีกฝั่งฟากสามัญสำนึก
เสียงปรบมือสาสมใจ กลืนกลบเสียงหวีดร้องร่ำไห้ระงม
ขมขื่นเกินกว่าดวงใจแบกรับไหว
ใคร เล่าจะคาดคิด
ว่าหยาดเหงื่อแรงงานและความรักที่มีต่อประเทศชาติ จะย้อนกลับมาตอบแทนประชาชน
ทางปากกระบอกปืน !
ควัน สีดำปกปิดความลับประเทศไว้
ในความโกลาหลนั้นมีความดีความชั่ว ปะปน
ความดีถูกฝังแน่นยาวนานในหัวสมองพิกลพิการใต้ซากเงาบ้านหลังใหญ่อัน ร่มเย็น
และมิต้องเอ่ยถึงความชั่วผู้จุดเชื้อไฟลามเลียโลกฟุ้งเฟ้อสุข สบาย ณ มหานครแห่งเทพฯ
เพราะนั่นเป็นวาทะกิจของผู้สิ้นไร้ความชอบธรรม ที่จะไขว่คว้ามันขึ้นมาสังหารประชาชนวันต่อวัน
ควัน สีดำพวยพุ่ง
เปิดเผยบาดแผลเรื้อรังของประเทศให้นานาอารยะรับรู้
ว่า ความต่ำต้อยด้อยค่าของประชาชนชั้นล่างนั้นไร้พรหมแดนความรู้สึก
มันผ่าน การสั่งสม อดทน อดกลั้น เจียมตัวและเสียสละมาตั้งแต่บรรพบุรุษ
ผู้ถูก ตีค่าแหลกละเอียดยิ่งกว่าธุลีดินใต้พื้นรองเท้าขลิบทอง
จึงเหมือนหัวใจ แตกสลาย
พวกเขาถูกคนที่เขาเคยรักและไว้วางใจที่สุด...ฆ่า ในบ้านของตัวเอง !
หลัง ม่านน้ำตา...
ประกายไฟคุกรุ่นลุกลามลึกลงในหัวใจของผู้ถูกกระทำย่ำยีทั่ว ทั้งแผ่นดิน
พร้อมจะหลอมรวมแผ่ขยายเป็นดวงไฟแห่งมวลมหาประชาชน
ส่อง สว่างนำไปสู่แผ่นดินแห่งเสรีภาพ เสมอภาค และไร้การกดขี่
หากนี้คือ จุดเริ่มต้นของการนับถอยหลังสู่สายธารการเปลี่ยนแปลงที่ไม่มีใครล่วงรู้
ผู้ ศรัทธาในความเป็นธรรม...
ไม่มีโลกใดอื่นโหดร้ายเลวทรามเกินกว่าให้หวั่น เกรงอีกต่อไปแล้ว
บน หนทางการต่อสู้ทางชนชั้นที่ทอดยาวอยู่เบื้องหน้า
โดย อรุณรุ่ง สัตย์สวี
Posted by นักข่าวชาวรากหญ้า at 5/28/2010 12:08:00 ก่อนเที่ยง