“เอียงกะเท่เร่” ขอต้อนรับเข้าสู่ระบบนิติรัฐในรูปแบบของรัฐบาลอภิสิทธิ์
http://robertamsterdam.com/thai/?p=316เมื่อ กล้องจับภาพเหตุการณ์ที่บุคคลคนหนึ่งพยายามสังหารเจ้าหน้าที่ตำรวจโดยการขับ รถพุ่งเข้าชนเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้ง 5 นายในขณะปฏิบัติหน้าที่ นอกจากจะขับรถพุ่งชนแล้วบุคคลดังกล่าวยังถอยรถทับเจ้าหน้าที่อี
กด้วย และจากเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้เจ้าหน้าหึ่งรายขาหลักและที่เหลือได้รับบาด เจ็บ โดยปกติบุคคลนั้นสมควรที่จะได้รับโทษจำคุกอย่างเหมาะแก่การกระทำ
แต่หาเป็นเช่นนั้นไม่ หากคนร้ายคนนั้นคือสมาชิกของกลุ่มฝ่ายขวาหัวรุนแรงที่มีคณะอำมาตย์หนุนหลัง อย่างกลุ่มพันธมิตร เราขอต้อนรับคุณเข้าสู่ระบบนิติรัฐในรูปแบบของนายอภิสิทธิ์
วันนี้ศาลอาญารัชดา กรุงเทพมหานครได้ติดสินคนขับรถพุ่งชนเจ้าหน้าตำรวจในวิดีโอ นายนายปรีชา ตรีจรูญ ผู้ชุมนุมกลุ่มฝ่ายขวาหัวรุนแรงอย่างกลุ่มพันธมิตร ผู้ซึ่งมีความผิดฐานพยายามฆ่าเจ้าพนักงานในระหว่างการชุมนุมในกรุงเทพมหานคร ในเดือนตุลาคมปี 2551 โดยศาลได้ตัดสินให้นายปรีชาจำคุกเป็น เวลา 3 ปี ลดโทษจำคุกให้เหลือเป็นรอลงอาญา 2 ปี และให้ทำงานสาธารณะประโยชน์บริการสังคมเป็นเวลา 48 ชั่วโมง ในคำตัดสินอย่างเป็นทางการของศาลระบุว่านายปรีชามีเจตนาทำร้ายเจ้าหน้าที่ ตำรวจจริง แต่เนื่องจากนายปรีชาไม่เคยต้องโทษทางอาญามาก่อนศาลจึงลดโทษให้ มาถึงตรงนี้เราคงต้องนั่งเดาว่าผู้พิพากษาที่ตัดสินคดีนี้พูดเล่นหรือพูด จริงกันแน่
เราควรจะเปรียบเทียบการกระทำและโทษที่นายปรีชาได้รับกับพราหมณ์ศักดิ์ระ พี พรหมณ์ชาติ พราหมณ์ผู้ทำพิธีเทเลือดหน้าทำเนียบรับบาลเมื่อเดือนมีนาคมปีนี้
การกระทำของพราหมณ์ศักดิ์ระพีที่เทเลือดคนหน้าทำเนียบรัฐบาลซึ่งเป็นส่วน หนึ่งในพิธีชุมนุมประท้วงของคนเสื้อแดง จริงอยู่ที่การกระทำของพราหมณ์ศักดิ์ระพีอาจเป็จสิ่งที่ไม่่น่าพึงประสงค์ แต่ก็ไม่ได้ก่อให้เกิดความรุนแรงหรืออันตรายแก่ผู้ใด
ในวันที่ 2 สิงหาคม พราหมณ์ศักดิ์ระพีได้ถูกตัดสินให้จำคุกในข้อหามั่วสุมและกีดขวางการจลาจร
เป็นที่กระจ่างชัดแล้วว่ารัฐสองมาตรฐานแบบโอเวลเลี่ยน (กล่าวถึงนิยายเรื่อง1984 ของGeorge Orwell) ในประเทศไทย ได้ก้าวไปสู่ระดับที่งงงวยและน่าขันยุครัฐบาลอภิสิทธิ์ เพราะการพยายามฆ่าคนตายนั้นเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ ในขณะที่การกีดขวางทางจราจรหมายถึงการถูกจองจำที่ยาวนาน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น