รักประชาธิปไตยไม่เอาเผด็จการ ต่อต้านการรัฐประหารทุกรูปแบบ สร้างขวัญกำลังใจและความสุขเพื่อปวงชน
แดงเชียงใหม่
กราบสวัสดี พี่น้องทุกๆท่านที่เข้ามาเยี่ยมเยือน Blog นปช.แดงเชียงใหม่ ขอเรียนชี้แจงสักนิดว่า เรา ”แดงเจียงใหม่” เป็นกลุ่มคนชาวเจียงใหม่ที่เคารพรัก กติกาประชาธิปไตย ต่อสู้และต่อต้านเผด็จการทุกรูปแบบ อยากเห็นประเทศชาติภายภาคหน้า มีความเจริญ ประชาชน รุ่นลูกหลานของเราอยู่อาศัยอย่างร่มเย็นเป็นสุขในประเทศของพวกเราเอง ไม่มีกลุ่มอภิสิทธิ์ชนกลุ่มใดมาสูบเลือดเนื้อ แอบอ้างบุญคุณเฉกเช่นในยุคนี้ที่พวกเราเห็น การที่จะได้รับในสิ่งที่มุ่งหวังก็ต้องมีการต่อสู้แสดงกำลังให้สังคมได้รับรู้ และเพื่อที่จะให้กลุ่มบุคคลที่มีอำนาจในปัจจุบันได้เข้าใจในสังคมที่ก้าวหน้าเปลี่ยนแปลงไป ไม่อาจฝืนต่อกระแสการพัฒนาของโลก การต่อสู้ร่วมกับผองชนทั่วประเทศในครั้งนี้ เรา " แดงเจียงใหม่ " ได้ร่วมต่อสู้ทุกรูปแบบ และ ในรูปแบบที่ท่านได้เข้ามาร่วมอยู่นี้ คือการเผยแพร่ข่าวสารต่อสังคม
เรา " แดงเจียงใหม่ " ขอเชิญชวนร่วมกันสร้างขวัญ และกำลังใจให้เพื่อนพ้องน้องพี่ร่วมกัน
"อันประชาสามัคคีมีจัดตั้ง
เป็นพลังแกร่งกล้ามหาศาล
แสนอาวุธแสนศัตรูหมู่อันธพาล
ไม่อาจต้านมวลมหาประชาชน"
.
เป็นพลังแกร่งกล้ามหาศาล
แสนอาวุธแสนศัตรูหมู่อันธพาล
ไม่อาจต้านมวลมหาประชาชน"
.
วันอังคารที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2553
นักโทษคดีพ.ร.ก.ร้องจากคุก
Porsche
เหยื่อ - นายระเบียบ พริ้งพงษ์ ชาวบ้านนครราชสีมา
โชว์จ.ม.ที่นายสุรชัย บุตรชาย ร้องขอความเป็นธรรม
หลังถูกทหารจับตัวเมื่อ 17 พ.ค. และถูกจำคุก 1 ปี
ทั้งๆ ที่ลูกแค่เดินหางานอยู่แถวศาลาแดง ไม่เกี่ยวกับม็อบแดง
ที่บ้านเลขที่ 14 บ้านดอนม่วง หมู่ 1 ต.โนนประดู่ อ.สีดา จ.นครราชสีมา
ผู้สื่อข่าวพร้อมนายอนุวัฒน์ ทินราช
และนายสมโภชน์ ประสาทไทย สองว่าที่ผู้สมัครส.ส.นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย
และผู้ประสานงานเครือข่ายคนเสื้อแดง จ.นครราชสีมา
เดินทางไปตรวจสอบข้อเท็จจริง หลังได้รับการประสานจาก
นายประยูร จันทรุสอน นายกสมาคมกิจการวิทยุกระจายเสียงและ โทรทัศน์
และทำหน้าที่ประธานชมรมคนรัก ย่าโม ว่า
ได้รับจดหมายร้องเรียนขอความป็นธรรมจากนายสุรชัย พริ้งพงษ์
ที่เขียนมาจากแดน 8 เรือนจำกลางคลองเปรม
โดยเป็นจดหมายที่มีตราประทับว่าผ่านการตรวจสอบแล้ว
ข้อความบอกเล่าเรื่องถูกเจ้าหน้าที่ทหารจับกุมในความผิดละเมิดพ.ร.ก.ฉุกเฉิน
ถูกศาลตัดสินจำคุก 1 ปี โดยไม่มีการรออาญา
ซึ่งในจดหมายไม่ได้ระบุอายุและที่อยู่แต่อย่างใด จึงต้องตรวจสอบข้อมูลทะเบียนราษฎร
จนกระทั่งทราบที่อยู่ของนาย สุรชัยบ้านหลังดังกล่าวพบเป็นบ้านไม้ชั้นเดียว สภาพทรุดโทรม
ใช้สังกะสีเก่ากั้นเป็นฝาบ้าน
สร้างอยู่ติดกับทุ่งนา มีหญิงสูงอายุ ทราบชื่อคือนางแม้น กุดนอก อายุ 59 ปี เป็นผู้พักอาศัย
เปิดเผยว่า
นายสุรชัยผู้ที่เขียนข้อความในจดหมาย มีศักดิ์เป็นลูกเลี้ยง
และเป็นผู้ที่ขอใช้ชื่อในทะเบียนบ้าน ถึงแม้จะไม่ใช่ลูกในไส้
แต่ความผูกพันที่เคยเลี้ยงดูมาตั้งแต่เด็กๆ ทำให้อดที่จะคิดถึงไม่ได้
ก่อนหน้าที่จะถูกจับนายสุรชัยได้ส่งเงินมาช่วยเหลือเป็นค่าใช้จ่าย เดือนละ 400-500 บาท สำหรับสาเหตุการถูกจับกุม
ให้ไปสอบถามนายระเบียบ พริ้งพงษ์ อายุ 60 ปี ผู้เป็นพ่อ
ซึ่งประกอบอาชีพเร่ขายข้าวโพดตามตลาดนัดในเขต จ.นครราชสีมา
ครวญไปหางาน-ไม่เกี่ยวม็อบ
ต่อมา ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปพบนายระเบียบที่บ้านเช่าแห่งหนึ่ง
ในเขตเทศบาลนครนครราช สีมา ให้ข้อมูลว่า
รับทราบจากตำรวจโทรศัพท์มาแจ้งว่า
นายสุรชัย ลูกชาย ถูกจับกุม จึงรีบหาโอกาสเดินทางไปเยี่ยม
โดยนำรถจักรยานยนต์ยานพาหนะคู่ใจไปเข้าไฟแนนซ์
เพื่อกู้เงินเป็นค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ซึ่งตนต้องใช้บริการรถไฟฟรี
เพื่อประชาชน หรือขบวนรถไฟชั้น 3 ในการเดินทางจ.นครราชสีมาไปกทม.
ทันทีที่พบหน้าลูกชายในชุดนักโทษ เขาร้องไห้เสียใจตลอดเวลา
โดยบอกเล่าผ่านลูกกรงว่าถูก ทหารจับกุมเมื่อวันที่ 17 พ.ค.ที่ผ่านมา
ช่วงเวลาประมาณ 09.00 น. ในขณะเดินทางไปหาสมัครงานรับจ้าง
เดินเท้าผ่านด่านตรวจของเจ้าหน้าที่ทหาร บริเวณย่านศาลาแดง กทม. พร้อมกับเพื่อน
ทั้งๆ ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการชุมนุมแต่อย่างใด
ส่งจ.ม.ออกนอกคุกขออิสรภาพ
ผู้สื่อข่าวสอบถามว่า ทำไมเรื่องเกิดขึ้นร่วม 4 เดือน จึงไม่ร้องขอความเป็นธรรม
นายระเบียบตอบว่า ด้วยความที่เป็นคนอ่านไม่ออก เขียนไม่ได้
เมื่อไปบอกเล่าเพื่อนบ้าน ทุกคนก็บ่ายเบี่ยง เกรงจะมีความผิดร่วมด้วย
แต่ลูกชายที่เพิ่งสึกจากการบวชเรียน โดยเป็นพระในวัดแห่งหนึ่งย่านหัวลำโพง กทม.
จนกระทั่งมีวุฒิการศึกษา ม.6 ได้ไม่ถึง 15 วัน พยายามดิ้นรนหางานทำ
เพื่อส่งตัวเองเรียน ได้หาช่องทางร้องเรียน
ขอความเป็นธรรมมาตลอด
จนกระทั่งหาโอกาสส่งจดหมายมานอกคุก ขอความช่วยเหลือได้ประสบความสำเร็จ
เพื่อต้องการพ้นโทษ กลับออกมาใช้ชีวิตเป็นปกติสุข
นายระเบียบ กล่าวต่ออีกว่า
เจ้าหน้าที่อ้างเหตุผลละเมิดพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ไม่ยอมให้ติดต่อญาติพี่น้อง
และยังถูกทำร้ายร่างกาย ยึดทรัพย์สินทุกอย่าง
เมื่อขึ้นศาลใช้เวลาไม่ถึง 5 นาที ก็ถูกตัดสินจำคุก 1 ปี
ทำให้สูญเสียอิสรภาพ ตกเป็นเหยื่ออำนาจมืด
แต่โชคดีที่มีตำรวจเห็นใจ โทรศัพท์ไปแจ้งให้ญาติพี่น้องทราบข่าวร้าย
ทางด้านนายอนุวัฒน์ ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่า เท่าที่ทราบข้อมูล
น่าจะมีผู้บริสุทธิ์ถูกจับกุมในข้อหาเช่นนี้อีกหลายคน
จึงขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งหาทางช่วยเหลือ
เยียวยาให้บุคคลพวกเขาได้รับความเป็นธรรมด้วย
ซึ่งเครือข่ายคนเสื้อแดงโคราช ขอเป็นสื่อกลางที่จะรับเรื่องร้องทุกข์
http://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROd01ERXdNak14TURnMU13PT0=
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น