แดงเชียงใหม่

กราบสวัสดี พี่น้องทุกๆท่านที่เข้ามาเยี่ยมเยือน Blog นปช.แดงเชียงใหม่ ขอเรียนชี้แจงสักนิดว่า เรา ”แดงเจียงใหม่” เป็นกลุ่มคนชาวเจียงใหม่ที่เคารพรัก กติกาประชาธิปไตย ต่อสู้และต่อต้านเผด็จการทุกรูปแบบ อยากเห็นประเทศชาติภายภาคหน้า มีความเจริญ ประชาชน รุ่นลูกหลานของเราอยู่อาศัยอย่างร่มเย็นเป็นสุขในประเทศของพวกเราเอง ไม่มีกลุ่มอภิสิทธิ์ชนกลุ่มใดมาสูบเลือดเนื้อ แอบอ้างบุญคุณเฉกเช่นในยุคนี้ที่พวกเราเห็น การที่จะได้รับในสิ่งที่มุ่งหวังก็ต้องมีการต่อสู้แสดงกำลังให้สังคมได้รับรู้ และเพื่อที่จะให้กลุ่มบุคคลที่มีอำนาจในปัจจุบันได้เข้าใจในสังคมที่ก้าวหน้าเปลี่ยนแปลงไป ไม่อาจฝืนต่อกระแสการพัฒนาของโลก การต่อสู้ร่วมกับผองชนทั่วประเทศในครั้งนี้ เรา " แดงเจียงใหม่ " ได้ร่วมต่อสู้ทุกรูปแบบ และ ในรูปแบบที่ท่านได้เข้ามาร่วมอยู่นี้ คือการเผยแพร่ข่าวสารต่อสังคม

เรา " แดงเจียงใหม่ " ขอเชิญชวนร่วมกันสร้างขวัญ และกำลังใจให้เพื่อนพ้องน้องพี่ร่วมกัน


"อันประชาสามัคคีมีจัดตั้ง
เป็นพลังแกร่งกล้ามหาศาล
แสนอาวุธแสนศัตรูหมู่อันธพาล
ไม่อาจต้านมวลมหาประชาชน"

.

วันอังคารที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2553

"รัฐบาลต้องกล้าใช้กฎหมาย"



Posted by คมชัดลึก

ภายหลังเหตุการณ์การสลายการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดงหรือที่รัฐบาลเรียก ว่าการกระชับพื้นที่ ที่สะพานผ่านฟ้าลีลาศ เมื่อวันที่ 10 เมษายน และบริเวณแยกราชประสงค์ระหว่างวันที่ 18-19 พฤษภาคม ส่งผลให้มีคนเสียชีวิตถึง 91 ราย ล่าสุด "กรมสอบสวนคดีพิเศษ" หรือดีเอสไอ ได้แถลงผลการชันสูตรศพสาเหตุการเสียชีวิตทั้ง 91 ศพ หลายฝ่ายได้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ถึงการแถลงข่าวของดีเอสไอว่า "ไม่มีความคืบหน้า"

ใน ส่วนของกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ซึ่งเป็นหน่วยงานหนึ่งที่ดูแลการละเมิดสิทธิ เสรีภาพของประชาชน โดย "นพ.นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ" กรรมการสิทธิมนุษยชนด้านสิทธิพลเมือง สิทธิการเมือง และสิทธิชุมชน ได้แสดงทัศนะส่วนตัวว่า มีหน้าที่ตรวจสอบหลังการสลายการชุมนุม และเห็นว่าการแถลงของดีเอสไอสะท้อนให้เห็นใน 2 ประการ คือ ความรับผิดชอบของรัฐบาล ซึ่งก็คือความรับผิดชอบของบุคคลทางการเมืองที่ประชาชนเลือกมา ประชาชนก็คาดหวังว่า จะเข้ามาใช้อำนาจแทนประชาชนในการดูแลชีวิตประชาชน การจัดการการใช้ความรุนแรง ไม่ว่าจะเกิดขึ้นกับประชาชนผู้บริสุทธิ์ ผู้สื่อข่าวต่างประเทศ รัฐบาลต้องคุ้มครองปกป้อง ต้องนำคนผิดมาลงโทษ มิฉะนั้นจะทำให้ประชาชนรู้สึกผิดหวังต่อรัฐบาล โดยเฉพาะนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี

"หมอนิรันดร์" กล่าวว่า รัฐบาลต้องสร้างความกระจ่างและความรับผิดชอบหลังการสลายการชุมนุมว่า เวลาผ่านมาหลายเดือนยังไม่มีความชัดเจนมากนักโดยเฉพาะคนกระทำความผิด ซึ่งกรณีดังกล่าวก็ไม่ต่างกับกรณีกรือเซะ และตากใบ ที่ยังไม่สามารถนำผู้กระทำผิดมาลงโทษ แต่กลับถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ก่อการร้ายทั้งที่คนทำเป็นคนจากหน่วยงานของรัฐ สิ่งเหล่านี้เป็นความเคลือบแคลงและความไม่ไว้วางใจที่ยังคาใจประชาชนอยู่

“เป็น ความรับผิดชอบของนายกฯ อภิสิทธิ์ ที่ต้องเร่งรัดหาคนที่กระทำความผิดที่ฆ่าผู้สื่อข่าวต่างประเทศทั้งอิตาลี และญี่ปุ่น ตลอดประชาชนและทหารที่ถูกฆ่าตายในเหตุการณ์การสลายการชุมนุม แล้วนำมาลงโทษให้ได้ ถือเป็นหน้าที่หลักของรัฐบาล หากทำไม่ได้ หรือไม่สร้างความกระจ่าง ก็จะทำลายความเชื่อถือ นอกจากที่นายกฯ จะกล่าวคำว่าขอโทษ ต่อสิ่งที่ทำให้เกิดขึ้น“ กรรมการสิทธิมนุษยชนฯ กล่าว

อย่าง ไรก็ตาม "หมอนิรันดร์" กล่าวว่า แม้ว่าผลการชันสูตรศพของดีเอสไอยังไม่สามารถตอบโจทย์ให้แก่สังคมได้ ขณะที่รัฐบาลเองก็ยังไม่สามารถจับกุมคนที่ทำผิดได้ และที่ยังคง พ.รก.ฉุกเฉินใน กทม. เพราะรัฐบาลจะใช้เป็นเครื่องมือจัดการเรื่องต่างๆ และจัดการฝ่ายตรงข้าม ซึ่งส่วนตัวและอนุกรรมการสิทธิพลเมืองและสิทธิการเมือง มีความเห็นตรงกันกับกรรมการชุดที่มีนายอานันท์ ปันยารชุน เป็นประธาน ที่เห็นว่ารัฐบาลควรยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินทันที เพราะรัฐบาลสามารถใช้กฎหมายที่มีอยู่มาบังคับใช้ได้ เช่น กฎหมายอาญา ก็น่าจะเพียงพอแล้ว

"ที่ผ่านมารัฐบาลก็ใช้ พ.ร.ก.ฉบับนี้ละเมิดสิทธิของประชาชน เช่น การแสดงออกของอาจารย์ นักศึกษา ที่ จ.เชียงราย หรือกรณีนักศึกษาชูป้ายเรียกร้องให้รัฐบาลยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย การใช้ยาแรงแบบนี้จะไม่ทำให้เชื้อโรคหายไปแต่กลับจะทำให้ดื้อยา และมีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น ซึ่งทำให้เกิดความไม่ไว้วางใจ และจะส่งผลให้นโยบายการปรองดองและสมานฉันท์ของรัฐบาลล้มเหลว ทั้งนี้ความเห็นต่างเป็นส่วนหนึ่งในระบอบประชาธิปไตย การใช้อำนาจเพื่อควบคุมคนที่มีความเห็นต่างเป็นการใช้อำนาจที่มิชอบ" กรรมการสิทธิมนุษยชนฯ กล่าว

สำหรับประการที่ 2 "หมอนิรันดร์" ได้สะท้อนในแง่ของการเมืองว่า หน่วยงานของรัฐเช่น ดีเอสไอ ต้องรีบสร้างความชัดเจนต่อกรณี 91 ศพให้เร็วที่สุด ประชาชนต้องการให้รัฐบาลหาคนที่ก่ออาชญากรรมในท้องถนนมาลงโทษ หากรัฐบาลทำไม่ได้ก็จะเป็นจุดอ่อนให้ฝ่ายตรงข้ามดิสเครดิตรัฐบาล โดยเฉพาะขณะนี้ในทางการเมืองที่ยังมีการสาดโคลนกันไปกันมา ก็จะเป็นจุดอ่อนที่รัฐบาลจะถูกโจมตีตลอดเวลา
โดย "หมอนิรันดร์" เห็นว่าทั้งสองประการนี้ รัฐบาลไม่ควรรอรายงานผลจากคณะกรรมการชุดต่างๆ ที่รัฐบาลตั้งมา รัฐบาลควรแสดงความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และรับผิดชอบต่อการเสียชีวิตของ 91 ศพ ขณะที่ดีเอสไอ เจ้าหน้าที่ตำรวจ หน่วยงานความมั่นคง ต้องเร่งทำสอบสวนคดีให้กระจ่างเพื่อคลี่คลายกรณีความรุนแรงที่อาจจะเกิดขึ้น เพื่อทำให้เห็นว่าอะไรที่มีการละเมิดสิทธิประชาชนรัฐบาลจะปกป้อง ถ้าไม่ทำก็ถูกมองว่า มีสิทธิแต่ใช้สิทธิเกินกว่าสิทธิ กฎหมายไม่สามารถสร้างบรรทัดฐานได้ ซึ่งรัฐบาลอาจถูกฟ้องร้องได้ แม้รัฐบาลจะชดเชยความเสียหายให้ก็ตามเหมือนเช่นกรณีกรือเซะ ตากใบ สะบ้าย้อย แต่ก็ยังไม่ได้สามารถนำตัวคนกระทำความผิดมาลงโทษได้ แต่กลับถูกกล่าวหา ซึ่งนานวันจะกลายเป็นการสร้างแนวร่วมต่อต้านรัฐบาล

“รัฐบาลได้ตั้ง คณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อความปรองดองแห่งชาติ (คอป.) ทุกภาคส่วน จึงคาดหวังว่า คอป.จะค้นหาความจริงและเอาความจริงเสนอต่อรัฐบาล จากนั้นรัฐบาลต้องใช้อำนาจฝ่ายบริหารลงโทษผู้กระทำความผิด ตรงนี้ไม่ใช่เป็นความสาแก่ใจที่ลงโทษผู้กระทำความผิด แต่เพื่อทำให้ญาติผู้ที่เสียเสียชีวิตเห็นว่า รัฐบาลปกป้องประชาชน ไม่ใช่ใครก็ได้สามารถทำร้ายประชาชน เหตุการณ์กระชับพื้นที่มีภาพของนักรบชุดดำ มีอาวุธสงคราม แต่ใครเป็นคนทำ ยังไม่มีคำตอบ หากปล่อยไปคนเหล่านี้ก็จะย่ามใจ อาจก่อเหตุความรุนแรงขึ้นอีก ซึ่งมีคนคาดการณ์ไว้ว่า อาจมีเหตุการณ์ซ้ำรอยขึ้นอีก เหตุการณ์ก็ไม่จบ รัฐบาลต้องแสดงความกล้าโดยบังคับใช้กฎหมาย มิเช่นนั้นสังคมก็ไม่มีบรรทัดฐาน” หมอนิรันดร์กล่าว
"หมอนิรันดร์" ยังเห็นว่า บริบทการต่อสู้ของฝ่ายตรงข้ามรัฐบาล ขณะนี้ได้แปรเปลี่ยนจากใช้ความรุนแรงมาเป็นการต่อสู้เชิงการเมืองในระบบ รัฐสภา เพื่อรัฐบาล และยังใช้การต่อสู้ของภาคประชาชนซึ่งเป็นจุดอ่อนของรัฐบาลชุดนี้ที่ทำงานไม่ ครอบคลุมภาคประชาชน โดยเฉพาะเรื่องสิทธิมนุษยชนมาเป็นยุทธศาสตร์
"หมอ นิรันดร์" ยังฝากข้อคิดไปถึงรัฐบาลว่า หากรัฐบาลจะแก้ปัญหาตรงนี้ต้องมองถึงหลักการการทำงานที่ยึดเรื่องสิทธิมนุษย ชน หลักสิทธิเสรีภาพ เสมอภาค ขณะเดียวกันรัฐบาลก็ต้องบังคับใช้กฎหมาย สร้างความเป็นธรรม ไม่ทำร้ายผู้บริสุทธิ์ ที่สำคัญนำตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษ เพื่อทำให้เห็นว่า รัฐบาลปกครองประเทศด้วยระบอบประชาธิปไตยและยึดหลักสิทธิมนุษยชนและหลัก กฎหมาย
ประภาศรี โอสถานนท์
http://www.oknation.net/blog/komchadluek/2010/08/30/entry-1

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ผู้ให้ข้อมูลร่วมกัน