August 2, 2010
เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 2 สิงหาคม นาย
“ผมไม่เชื่อว่ารัฐบาลจะแก้ไขได้ง่ายๆ และได้สวดภาวนาทุกวันว่าในปี 2554 ขอให้พรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลเพื่อแก้ไขปัญหา และให้นายอภิสิทธิ์ ยังคงเป็นนายกรัฐมนตรีอยู่จะได้รู้ว่ามีความสามารถในการแก้ไขหรือไม่ เพราะคดีปราสาทพระวิหารนั้นเราแพ้คดีในศาลโลกเมื่อ 2505 จากการว่าความของนาย
นายนพดล กล่าวว่า 2.นายอภิสิทธิ์ พรรคประชาธิปัตย์และกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ถล่มตนเมื่อปี 2551 แต่เมื่อมาเป็นรัฐบาลตลอด 2 ปี นายอภิสิทธิ์และพรรคประชาธิปัตย์กลับไม่ทำอะไรเกี่ยวกับเรื่องพระวิหารเลย โดยไม่เคยไปเจรจากับสมเด็จ ฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา หรือทำบันทึกข้อความไปถึงการเปลี่ยนแปลงท่าทีของไทย หรือประสานงานไปยังคณะกรรมมการมรดกโลกหรือยูโนสโกเลยเนื่องจากไม่รู้ว่าจะไป ขึ้นทะเบียนมรดกโลกร่วมในประเด็นไหน เพราะฉะนั้นนายอภิสิทธ์ ไม่ควรพูดตีกินเพื่อหวังผลทางการเมืองเพียงอย่างเดียว
นายนพดลกล่าวว่าภายหลังไทยแพ้คดีที่ศาลโลกทำให้ไทยจำยอมยกปราสาทพระวิหาร และที่ดินใต้ปราสาทให้กัมพูชา โดยมีการขีดขอบเขตและตัดพื้นที่ให้กัมพูชาไป ซึ่งเป็นที่มาของแผนที่ชุดแอล 7017 ที่กรมแผนที่ทหารได้กำหนดไว้เมื่อ 48 ปีที่แล้ว และประเทศไทยใช้แผนที่นั้นเป็นแผนที่อ้างอิงเส้นเขตแดนไทย-กัมพูชาตลอดมา
“นายอภิสิทธิ์และพรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่าไทยถือตามสนธิสัญญา 1904 แบบสันปันน้ำ แต่เมื่อปี 2541 นายอภิสิทธิ์ และ ครม.ชุดชวน 1 ไปประกาศเขตอุทยานเขาพระวิหาร และแนบท้ายพระราชกฤษฎีกาประกาศเขตอุทยานเขาพระวิหาร โดยแนบท้ายแผนที่พื้นที่เขาพระวิหารไปด้วย โดยใช้แผนที่แบบ แอล 7017 ดังนั้นพรรคประชาธิปัตย์จึงได้ทำแผนที่ยกประสาทพระวิหารและดินแดนใต้ปราสาท ให้กับกัมพูชาไปเรียบร้อยแล้วตั้งแต่ปี 2541 และในเมื่อคุณรับรองไปเรียบร้อยแล้วยังมีหน้ามาบอกผมว่ายังเป็นของไทยได้ อย่างไร ในเมื่อตัวคุณเองทำแผนที่รับรองไปแล้ว ซึ่งไม่มีอะไรชัดไปกว่านี้แล้ว นี่ถือว่าชัดล้านเปอร์เซ็นต์ และ นายอภิสิทธิ์ จะต้องชี้แจงเรื่องนี้ให้ชัดเจน” นายนพดลกล่าว
นายนพดลกล่าวว่า หากนายอภิสิทธิ์ ยังยืนยันว่าเส้นเขตแดนไทยนั้นยังเป็นแบบสันปันน้ำทั้งหมดก็ต้องถามว่าสัน ปันน้ำเป็นแบบทั้งหมดหรือสันปันน้ำแบบตัดพื้นที่เขาพระวิหารออกแล้ว แต่หากนายอภิสิทธิ์ บอกว่าแบบสันปันน้ำทั้งหมด ตนก็จะถามแล้วทำไมปี 2541 ไปทำแผนที่ตัดพื้นที่ปราสาทพระวิหารออกไป แล้วหลังจากเป็นนายกรัฐมนตรีแล้วไปขอค่าเช่าจากกัมพูชาหรือยัง และสั่งให้กระทรวงการต่างประเทศทำบันทึกข้อความไปถึง สมเด็จฮุน เซน สักครั้งหรือยังว่าไทยขอเปลี่ยนท่าทีเกี่ยวกับประสาทพระวิหารและจะเอาสันปัน น้ำทั้งหมดถือเป็นเส้นเขตแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งตนมั่นใจว่ายังไม่เคยทำ ซึ่ง 3. ตนขอเรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์ ทำเรื่องเขาพระวิหารเป็นวาระแห่งชาติ ให้ทุกฝ่าย ทุสี มาช่วยกันแก้ไขปัญหาแล้วนำวาระเรื่องนี้ไปเจรจากับกัมพูชา
นายนพดลกล่าว ส่วนการพูดว่าการลงนามในแถลงการณ์ร่วมเมื่อปี 2551 แล้วทำให้ไทยเสียเปรียบนั้นเป็นการพูดแบบชุ่ยๆ และไม่รับผิดชอบ เพราะตนทำแถลงการณ์ร่วมไปเพื่อปกป้องพื้นที่ทับซ้อน 4.6 ตารางกิโลเมตร โดยเจรจาตัดพื้นที่ทับซ้อนออกและให้ขึ้นทะเบียนได้เฉพาะตัวปราสาท เพราะเมื่อปี 2550 กัมพูชาได้เอาพื้นที่ทับซ้อนผนวกกับตัวปราสาทพระวิหารเพื่อขึ้นทะเบียนมรดก โลก แต่รัฐบาล พล.อ.
“ดังนั้นการที่นายอภิสิทธิ์ไปบอกว่าการที่นายนพดล ไปทำแถลงการณ์ร่วมแล้วทำให้ไทยเสียเปรียบนั้นไม่จริงเลย เป็นการพูดหาเศษหาเลยทางการเมือง ซึ่งน่ารำคาญมาก และผมจะไม่ตอบโต้เลยหากท่านนายกฯ จะไม่เกว่งเท้าออกมา จนต้องเจอปังตอกลับไป แต่ที่เป็นเรื่องใหญ่มากๆ ของประเทศอีกเรื่องหนึ่งก็ คือกรณีที่นายอภิสิทธิ์ กำลังถูกกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย โจมตีกรณีเอ็มโอยูไทย-กัมพูชา ที่มีการลงนามเมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2543ที่จะทำให้ไทยเสียดินแดน 1.5 ล้านไร่นั้นนายอภิสิทธิ์ จะต้องตอบว่าใช้แผนที่ระวาง 1 ต่อ 2 แสน หรือที่เรียกว่า ระวางดงรักไปเป็นแนวทางในการปักปันเขตแดน จะทำให้คนไทยเสียหายหรือไม่ แต่ผมไม่อยากไปยุ่ง เพราะจะขอนั่งบนภูดูอย่างเดียว”นายนพดลกล่าว
ที่มา – มติชน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น