แดงเชียงใหม่

กราบสวัสดี พี่น้องทุกๆท่านที่เข้ามาเยี่ยมเยือน Blog นปช.แดงเชียงใหม่ ขอเรียนชี้แจงสักนิดว่า เรา ”แดงเจียงใหม่” เป็นกลุ่มคนชาวเจียงใหม่ที่เคารพรัก กติกาประชาธิปไตย ต่อสู้และต่อต้านเผด็จการทุกรูปแบบ อยากเห็นประเทศชาติภายภาคหน้า มีความเจริญ ประชาชน รุ่นลูกหลานของเราอยู่อาศัยอย่างร่มเย็นเป็นสุขในประเทศของพวกเราเอง ไม่มีกลุ่มอภิสิทธิ์ชนกลุ่มใดมาสูบเลือดเนื้อ แอบอ้างบุญคุณเฉกเช่นในยุคนี้ที่พวกเราเห็น การที่จะได้รับในสิ่งที่มุ่งหวังก็ต้องมีการต่อสู้แสดงกำลังให้สังคมได้รับรู้ และเพื่อที่จะให้กลุ่มบุคคลที่มีอำนาจในปัจจุบันได้เข้าใจในสังคมที่ก้าวหน้าเปลี่ยนแปลงไป ไม่อาจฝืนต่อกระแสการพัฒนาของโลก การต่อสู้ร่วมกับผองชนทั่วประเทศในครั้งนี้ เรา " แดงเจียงใหม่ " ได้ร่วมต่อสู้ทุกรูปแบบ และ ในรูปแบบที่ท่านได้เข้ามาร่วมอยู่นี้ คือการเผยแพร่ข่าวสารต่อสังคม

เรา " แดงเจียงใหม่ " ขอเชิญชวนร่วมกันสร้างขวัญ และกำลังใจให้เพื่อนพ้องน้องพี่ร่วมกัน


"อันประชาสามัคคีมีจัดตั้ง
เป็นพลังแกร่งกล้ามหาศาล
แสนอาวุธแสนศัตรูหมู่อันธพาล
ไม่อาจต้านมวลมหาประชาชน"

.

วันพฤหัสบดีที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2553

ญาติมาร์คเฉ่ง'ซีดีศอฉ.'โฆษณาชวนเชื่อซะเคยตัว

การ ใช้อำนาจแบบ ลับๆล่อๆภายใต้ พรก.ฉุกเฉิน..ทำให้มีความโน้มเอียงไปในทางที่จะเชื่อว่ารัฐบาลและ ศอฉ. ใช้กำลัง เกินความจำเป็นดังนั้น หาก ศอฉ.และรัฐบาล ต้องการที่จะได้รับความไว้วางใจจากประชาชนก็ต้องทำ ความจริงให้ปรากฏ ไม่ว่าความจริงจะ เจ็บปวดเพียงใดก็ตาม ไม่ใช่คิดเพียงโฆษณาชวนเชื่อ!!(ภาพปกซีดีศอฉ.)



โดย สุรนันทน์ เวชชาชีวะ
ที่มา เวบบางกอกวอยซ์

กระบวนการ ประชาสัมพันธ์ที่เข้าขั้น โฆษณาชวนเชื่อของศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินหรือ ศอฉ.ยังคงเส้นคงวาดังเช่นเดิม

ตั้งแต่เริ่มต้นการจัดตั้ง ศอฉ. เมื่อมีการประกาศใช้พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน

ต่อเนื่องมาในช่วงต่อสู้กับการเคลื่อนไหวชุมนุม ทั้งการขอพื้นที่คืนที่นำไปสู่ความรุนแรง จนมีผู้เสียชีวิตกว่า 20 คน ที่บริเวณสี่แยกคอกวัว ในวันที่ 10 เมษายน

สู่การ กระชับพื้นที่ ในช่วงวันที่ 10-19 พฤษภาคม บริเวณราชประสงค์ ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตร่วม 70 คน

รวม สองเหตุการณ์ เป็น 91 ศพ บาดเจ็บอีก 2,000 คน และสูญหายจำนวนหนึ่ง โดยที่ ศอฉ. หรือรัฐบาลยังไม่เคยที่จะแยกแยะชี้แจงที่ไปที่มาของความสูญเสียในแต่ละกรณี แต่อย่างใด

แต่กลับมีข่าวว่า ศอฉ. ได้จัดทำ ซีดีเพื่อเตรียมนำออกอากาศชี้แจงต่อสาธารณะ ความยาวประมาณ 29 นาที โดยจะเล่าเรื่องความเป็นมาของเหตุการณ์การชุมนุมของแนวร่วมประชาธิปไตยต่อ ต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.)

( คลิ้กชมคลิปซีดีของศอฉ.ได้ที่นี่ )

http://www.matichon.co.th/mtc-flv-window.php?newsid=1280919099



ทั้ง เน้นการนำเสนอว่าฝ่ายรัฐได้เจรจากับผู้ชุมนุมแล้ว มีภาพแสดงให้เห็นถึงชายชุดดำในกลุ่มคนเสื้อแดงถืออาวุธไปมา และภาพ ชายชุดดำยิงทหาร มีการบรรยายถึงเหตุผลความจำเป็นที่ ศอฉ. ต้องใช้กำลังในการปฏิบัติการ

คิดไปแล้ว ศอฉ. อาจเห็นว่ามีความจำเป็นที่จะต้องเล่าเรื่องในมุมมองของตน เพื่อชักจูงในประชาชน เชื่อว่าสิ่งที่ ศอฉ. และรัฐบาลได้ดำเนินการไปนั้น มีความถูกต้องชอบธรรม

และ คงไม่แปลกในยุคของข้อมูลข่าวสารและกลไกประชาสัมพันธ์การตลาดที่ทุกคนก็เน้น การ นำเสนอโดยใช้เครื่องมืออย่าง ซีดีที่จัดทำเสร็จก็สามารถ ปั๊มเป็นแสนเป็นล้านแผ่นกระจายไปทั่วประเทศได้

ขนาดฝ่ายค้านอย่าง พรรคเพื่อไทย ยังต้องลงทุน จัดอีเว้นท์การ แสดงจำลองเหตุการณ์ และเชิญทูตานุทูตไปเข้าชมเลย เชื่อว่าก็ต้องมีการผลิตซีดีเล่าเรื่องในมุมองของตนขึ้นมา ไม่นับสื่อสิ่งพิมพ์ต่างๆที่เน้นโชว์รูปและเรื่องของผู้ที่เสียชีวิตและบาด เจ็บ ที่ส่วนใหญ่มีแต่ข่าวว่า ทหารทำ ทหารยิง

ส่วนจะจริงหรือไม่ไม่มีใครรู้ได้ เห็นว่าต่างรอ ดร.คณิต ณ นคร ที่ยังใช้เวลาเดินสาย ตามล่าหาความจริงอยู่

ศอฉ. จึงอาจจะคิด โต้ตอบและน่าจะเป็นส่วนหนึ่งของปฏิบัติการจิตวิทยา ปจว.ที่ บุคลากรของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในประเทศ จะถือไปแสดงให้ชาวบ้านที่เรียกมาประชุมเพื่อประกอบการ ชี้แจงข้อเท็จจริงด้วยวิธีพูดไปเปิด ซีดีให้ดูให้ฟังกันไป นัยว่าย้ำคิดย้ำทำและย้ำพูด ซ้ำบ่อยๆจะเป็นการ ล้างสมองชาวบ้านให้ลืม พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีให้จนได้

ในขณะเดียวกัน ศอฉ. จะต้องไม่ลืมว่า ประชาชนส่วนหนึ่งได้ตัดสินใจไปแล้ว เลือกข้างเทใจจนหมดสิ้น ไม่ว่าจะเป็นแดงหรือเป็น เหลือง ทั้งมีประชาชนตรง กลางยังมีคำถามค้างคาใจที่ถามไปยังทั้งสองฝ่าย และจะไม่เชื่อการโฆษณาชวนเชื่อใดๆ

แต่ด้วยการที่มีการเผยแพร่อย่างกว้างขวางโดย เฉพาะจากสื่อต่างประเทศ และการถ่ายรูปหรือวีดีโอคลิปของประชาชนทั่วไป และการใช้อำนาจแบบ ลับๆล่อๆภายใต้ พรก.ฉุกเฉิน อย่างกรณีที่มีการชันสูตรพลิกศพแล้วแต่ไม่เปิดเผยรายงาน หรือการที่ตำรวจสอบปากคำพยานส่งให้ ดีเอสไอแล้วเรื่องหายเงียบ ทำให้มีความโน้มเอียงไปในทางที่จะเชื่อว่ารัฐบาลและ ศอฉ. ใช้กำลังเกินความจำเป็น

ดังนั้น หาก ศอฉ. และรัฐบาล ต้องการที่จะได้รับความไว้วางใจจากประชาชนก็ต้องทำ ความจริงให้ปรากฏ ไม่ว่าความจริงจะ เจ็บปวดเพียงใดก็ตาม ไม่ใช่คิดเพียงโฆษณาชวนเชื่อ!!

โดย ศอฉ. และรัฐบาล ควรฟังและทำตามคำแนะนำของ ดร.คณิต ณ นคร ประธานคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ (คอป.) ที่เสนอผ่าน ทวิตเตอร์ว่า นายกรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และคณะรัฐมนตรีควรพิจารณาใช้ พรก.ฉุกเฉิน เท่าที่จำเป็น

และกล่าว ถึงการใส่โซ่ตรวนผู้ต้องขัง การสร้างความเป็นกลางและความน่าเชื่อถือต่อกระบวนการยุติธรรม การเปิดเผยข้อมูลผู้เสียชีวิต ได้รับบาดเจ็บและสูญหาย โดยให้รัฐบาลประมวลข้อมูลและรายงานต่อสาธารณชน พร้อมทั้งให้รัฐบาลเปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับผู้ชุมนุมที่ถูกแจ้งข้อหาและ ถูกควบคุมตัวตาม พรก.ฉุกเฉิน

ซึ่งหาก ศอฉ. และรัฐบาลทำด้วยความจริงใจและโปร่งใส พื้นฐานความไว้วางใจและน่าเชื่อถือก็จะเริ่มกลับมา ถึงจะไม่เต็มที่ชั่วข้ามคืน แต่อย่างน้อยจะทำให้พอเริ่มมองหน้ากันได้ และเป็นจุดเริ่มต้นของการปรองดอง

แต่ในที่สุดแล้ว ศอฉ. และรัฐบาล ก็ต้องพร้อมที่จะ ลงโทษผู้ที่กระทำผิด ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายใด เพราะหากเป็นการ โยนบาปและ หาแพะ

จะเข้าหลักความยุติธรรมไม่มี ความปรองดองไม่เกิด!!





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ผู้ให้ข้อมูลร่วมกัน