เสียงเพรียกจากค่ายกักกันอดิศรสระบุรี
ของสมยศ พฤษภาเกษมสุข บก. Voice of TAKSIN
( ของฝากจากทหารแตงโม ๗ มิถุนายน ๒๕๕๓ )
ขอขอบคุณพี่น้องประชาชน คณาจารย์ นักศึกษา และผู้ใช้แรงงานทั้งในประเทศ และต่างประเทศที่ร่วมเคลื่อนไหวคัดค้านการใช้อำนาจเผด็จการของรัฐบาลตัวแทนอำมาตย์ อภิสิทธิ์-สุเทพ ที่จับกุมพี่น้องประชาชน รวมทั้งตัวผมอย่างไม่เป็นธรรมและเป็นการใช้กฎหมายเลือกปฏิบัติ (สองมาตรฐาน)
ผมถูกออกหมายจับเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2553 โดยอาศัยอำนาจตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในภาวะฉุกเฉิน ด้วยเพียงเพราะผมกับอาจารย์สุธาชัย ยิ้มประเสริฐ ยืนให้สัมภาษณ์ว่า “จะจัดให้มีการชุมนุมในอนาคต” คือจะชุมนุมในวันที่ 24 มิถุนายน เพื่อตามหาวันชาติดังเช่นที่เคยทำมาแล้วในปีก่อน เพียงเท่านี้ก็เป็นความผิดที่ ศอฉ.ได้ยัดเยียดคุกตะรางให้ผม แต่ในเวลาเดียวกันพวกเสื้อ(เหลือง)หลากสีได้จัดชุมนุมในปัจจุบันยื่นข้อเรียกร้องให้ถอดถอน ส.ส.พรรคเพื่อไทยบางคนที่เข้าร่วมต่อสู้เรียกร้องประชาธิปไตยร่วมกับคนเสื้อแดง กลับมีเสรีภาพชุมนุมเกิน 5 คนได้ทั้งๆ ที่อยู่ภายใต้กฎหมายภาวะฉุกเฉินเช่นเดียวกับผมแต่กลับไม่มีความผิด
ผมและอาจารย์สุธาชัยได้แสดงความบริสุทธิ์ใจว่าไม่หลบหนีจึงเดินไปมอบตัว แต่ปรากฏว่ากลับถูกจับกุมห้ามเยี่ยมห้ามประกันในช่วงแรก และสุดท้ายพวกเขาปล่อยตัวอาจารย์สุธาชัยก่อน เพราะทนแรงกดดันจากเพื่อนคณาจารย์และนักศึกษาไม่ได้ แต่ตัวผมยังถูกจองจำเหมือนเดิมทั้งๆที่ถูกจับด้วยข้อหาเดียวกันเวลาเดียวกัน และมอบตัวพร้อมกัน ผมมาพิจารณาดูน่าจะเป็นเพราะว่าอาจารย์สุธาชัยมีสถานภาพเป็นข้าราชการอยู่ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ส่วนตัวผมไม่มีสถานภาพความเป็นข้าราชการ เพราะผมเป็นเพียงประชาชนเช่นคนเสื้อแดงทั่วไปที่ถูกจับกุมตัวโดยไม่มีความผิด และไม่ได้รับอนุญาตให้ประกันตัวเหมือนกัน ผมไม่โกรธการตัดสินใจของ ศอฉ.เช่นนี้เพราะอย่างน้อยที่สุดทำให้ผมได้ลิ้มรสของคำว่า “ไพร่” อย่างเป็นจริง
รัฐบาลตัวแทนอำมาตย์อภิสิทธิ์-สุเทพ ใช้อำนาจตามกฎหมายภาวะฉุกเฉินเองแต่ก็ทำผิดกฎหมายนั้นเอง กล่าวคือตามมาตรา 12 กำหนดว่า “จะควบคุมตัวผู้ถูกจับกุมอย่างผู้ต้องหาไม่ได้” แต่ตัวผมถูกควบคุมหนักกว่าผู้ต้องหา ซึ่งสถานที่ควบคุมตัวผมและอาจารย์สุธาชัย ยิ้มประเสริฐ ที่ค่ายทหารอดิศร สระบุรี นั้นไม่ต่างอะไรกับค่ายกักกันในสมัยพรรคนาซีเรืองอำนาจในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ผมและอาจารย์สุธาชัยถูกจับให้นอนอยู่ในเต็นท์กลางแดดตั้งแต่วันแรกจนถึงขณะนี้โดยมีลวดหนามเป็นขดสูง 2 ชั้นล้อมรอบไว้ และมีทหารถือปืนควบคุมตัว แต่ต่างจากสมัยนาซีตรงที่ทหารบางคนที่ควบคุมตัวนั้นมีจิตใจรักความเป็นธรรมหรือที่เรียกว่า ทหารแตงโม ผมและคนเสื้อแดงทุกคนที่ถูกจองจำทีนี่ถูกห้ามไม่ให้ดูโทรทัศน์ และฟังข่าวสารใดๆ ทั้งจากวิทยุ และหนังสือพิมพ์ รวมตลอดทั้งจะอ่านหนังสือประเทืองความรู้ใดๆ ก็ไม่ได้นอกจาก หนังสือนิตยสารเรื่องม้าเป็นบางเล่มเท่านั้นที่พวกเขาหยิบยื่นให้
การควบคุมตัวในแต่ละวันไม่มีการสอบสวนอะไรในทางกฎหมายมีแต่ทหารมานั่งคุยและคุยอยู่เรื่องเดียวที่วนเวียนซ้ำซาก และต้องการจะให้ผมพูดความเท็จว่าหนังสือพิมพ์ Voice of TAKSIN หรือเสียงทักษิณ ของผมเป็นของพ.ต.ท.
ผมลงทุนหนังสือพิมพ์ครั้งแรกไม่เกิน 5 แสนบาท และก็ยืนอยู่ได้มาเกือบปีกว่าแล้วก่อนถูกอำนาจเผด็จการปิดก็โดยอาศัยบุคคลต่างๆ ที่มีชื่อเสียงทางสังคม โดยไปกราบเขาขอให้ผมใช้ชื่อเขามาตีพิมพ์เป็นประธานบ้างที่ปรึกษาบ้าง เพื่อหนังสือพิมพ์จะได้รับความเชื่อถือและสามารถขายได้ บุคคลเหล่านั้น เช่น คุณ
จริงๆผมสามารถจะได้รับการปล่อยตัวทันทีหากลงลายมือชื่อยืนยันว่าผมได้รับเงินจาก พ.ต.ท.ทักษิณมาพิมพ์หนังสือ ผมเข้าใจว่าพวก ศอฉ.คงจะเอาหลักฐานนี้ไปปรักปรำ พ.ต.ท.
ผมยอมเสียเสรีภาพ แต่จะไม่ยอมสูญเสียความเป็นมนุษย์ และสูญเสียจิตวิญญาณแห่งอิสระทางความคิดของการเป็นนักหนังสือพิมพ์อย่างเด็ดขาด
พบกันบนเส้นทางแห่งเสรีภาพทางความคิด
อย่าท้อนะครับ ผมก็สู้
ตอบลบทำไมสังคมถึงโหดร้ายเพียงนี้ สิ่งเลวๆ ที่เกิดขึ้นไม่เคยปรากฏในสื่อหลักเลย
ตอบลบแค้นใจจริงๆ
เป็นกำลังใจให้คะ ธรรมะย่อมชนะอธรรมคะ อดทนไว้คะ
ตอบลบเราต้องต่อสู้กับพวกมันให้ถึงที่สุด....จากแดงเชียงใหม่เ่ช่นกันครับ.
ตอบลบ