แดงเชียงใหม่

กราบสวัสดี พี่น้องทุกๆท่านที่เข้ามาเยี่ยมเยือน Blog นปช.แดงเชียงใหม่ ขอเรียนชี้แจงสักนิดว่า เรา ”แดงเจียงใหม่” เป็นกลุ่มคนชาวเจียงใหม่ที่เคารพรัก กติกาประชาธิปไตย ต่อสู้และต่อต้านเผด็จการทุกรูปแบบ อยากเห็นประเทศชาติภายภาคหน้า มีความเจริญ ประชาชน รุ่นลูกหลานของเราอยู่อาศัยอย่างร่มเย็นเป็นสุขในประเทศของพวกเราเอง ไม่มีกลุ่มอภิสิทธิ์ชนกลุ่มใดมาสูบเลือดเนื้อ แอบอ้างบุญคุณเฉกเช่นในยุคนี้ที่พวกเราเห็น การที่จะได้รับในสิ่งที่มุ่งหวังก็ต้องมีการต่อสู้แสดงกำลังให้สังคมได้รับรู้ และเพื่อที่จะให้กลุ่มบุคคลที่มีอำนาจในปัจจุบันได้เข้าใจในสังคมที่ก้าวหน้าเปลี่ยนแปลงไป ไม่อาจฝืนต่อกระแสการพัฒนาของโลก การต่อสู้ร่วมกับผองชนทั่วประเทศในครั้งนี้ เรา " แดงเจียงใหม่ " ได้ร่วมต่อสู้ทุกรูปแบบ และ ในรูปแบบที่ท่านได้เข้ามาร่วมอยู่นี้ คือการเผยแพร่ข่าวสารต่อสังคม

เรา " แดงเจียงใหม่ " ขอเชิญชวนร่วมกันสร้างขวัญ และกำลังใจให้เพื่อนพ้องน้องพี่ร่วมกัน


"อันประชาสามัคคีมีจัดตั้ง
เป็นพลังแกร่งกล้ามหาศาล
แสนอาวุธแสนศัตรูหมู่อันธพาล
ไม่อาจต้านมวลมหาประชาชน"

.

วันพุธที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2553

ลุง เหยื่อ"พค." โดนยิง-อัมพาต

เหยื่อ - นายฐานุทัศน์ อัศวสิริมั่นคง ถูกยิงที่หน้าซอยบ่อนไก่ จนอัมพาตครึ่งตัว
ขณะที่ นายนิก นอสติทซ์ นักข่าวเยอรมันเข้าให้ปากคำเพิ่มส่วนภาพล่าง
นายบัวศรี ทุมมา เหยื่อกระสุนในวัดปทุมฯเข้าแจ้งความ ที่สน.ปทุมวัน


รู้ ตัวแล้ว ดช.วัย13 ถูกยิงหัว เป็นกำพร้าสุดสลดด.ช. วัย 13 ปีที่โดนสไนเปอร์ยิงหัวตาย ที่ แท้
ชื่อ"น้องอีซา"เป็นเด็กกำพร้า อยู่ในความดูแลของมูลนิธิอิสลามย่านหัวหมาก
เผยชีวิตรันทดพ่อเสียชีวิต แม่สูญหายไปตั้งแต่ 7 ขวบ ระบุออกจากบ้านเด็กกำพร้าไปเมื่อเดือน เม.ย.
มา รู้อีกทีก็เป็นศพถูกยิงแล้ว
"นิก นอสติทซ์" นักข่าวเยอรมันหอบหลักฐานภาพถ่าย-วิดีโอเหตุการณ์ทหารสลายม็อบให้ตร.แล้ว
ยัน ไม่ได้ทำเพื่อใครแต่ต้องการให้ความจริงปรากฏ โผล่อีกราย
ลุงวัย 53 ปีโดนลูกหลงเข้ากลางหลังที่บ่อนไก่ เป็นอัมพาตครึ่งตัวล่าง
แฉนาทีถูก ยิงตอนทหารเริ่มยิงแก๊สน้ำตาใส่ม็อบ เลยพาลูกเมียไปหลบในร้านสะดวกซื้อ อีกไม่กี่ก้าวจะถึงอยู่แล้ว
กลับโดนยิงหลัง 2 นัด เมียโวยลั่นรัฐบาลไม่เหลียวแลคนเจ็บ
แค่ส่งคนมาถ่ายรูปสามี รับไม่ได้ศอฉ.ระบุผู้ที่ถูกยิงส่วนใหญ่เป็นผู้ก่อการร้าย ยันสามีไม่เคยเกี่ยวข้องกับม็อบ
ทอดถั่วส่งขายย่านเยาวราชมานานแล้ว ตอนนี้เดือดร้อนเพราะไม่สามารถทำมาหากินได้

จากกรณีนายนิก นอสติทซ์ ผู้สื่อข่าวอิสระชาวเยอรมัน เดินทางไปพบ พ.ต.ท.เทพพิทักษ์ แสงกล้า พนักงานสอบสวน (สบ2) สน.พญาไท เพื่อตามหาผู้ชุมนุมคนเสื้อแดงคนหนึ่ง ซึ่งนายนิกเห็นเหตุการณ์ขณะถูกทหารยิงบาดเจ็บ
ขณะอยู่แนวยางรถยนต์บนถนน ราชปรารภ ก่อนได้รับการยืนยันจากตำรวจว่าชายดังกล่าวเสียชีวิตไปแล้ว
ชื่อ นายชาญณรงค์ พลศรีลา อายุ 45 ปี อาชีพขับแท็กซี่ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 15 พ.ค.ที่ผ่านมา
ต่อมานายนิกได้ไปพบกับน.ส.มนชยา หรือส้มโอ พลศรีลา อายุ 25 ปี พนักงานราชการกองทัพอากาศ
ลูกสาวนายชาญณรงค์ เพื่อเล่าถึงเหตุการณ์ที่นายชาญณรงค์ถูกยิงเสียชีวิตจนน.ส.มนชยาถึงกับ ร่ำไห้
และประกาศจะรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อแจ้งความให้ติดตามหาคนที่ฆ่า พ่อให้ได้ ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 21 มิ.ย. ที่สน. พญาไท
นายนิก นอสติทซ์ เข้าพบกับ พ.ต.ท. โชติ สุวรรณจุณีย์ รองผกก.สส.สน.พญาไท และ
พ.ต.ท.เทพพิทักษ์ แสงกล้า พนักงานสอบ สวน (สบ 2) สน.พญาไท เพื่อให้ปากคำเพิ่มเติม
ในฐานะพยานใน เหตุการณ์ทหารเข้าสลายขอคืนพื้นที่จนมีผู้ได้บาดเจ็บและเสียชีวิตที่บริเวณ ถนนราชปรารภ
นอกจากนี้ นายนิกได้นำหลักฐานเป็นภาพถ่ายเหตุการณ์ดังกล่าวไว้ที่บันทึกภาพไว้ได้จำนวน กว่า 90 ภาพ
และบันทึกลงในแผ่นซีดีอีกจำนวน 1 แผ่น เป็นหลักฐานมอบให้กับพนักงานสอบสวน
โดยพนักงานสอบสวนใช้เวลาในการสอบปาก คำนายนิกนานกว่า 4 ชั่วโมงก่อนจะเดินทางกลับ

นายนิก กล่าวว่า วันนี้ตนได้ให้ปากคำกับตำรวจตามนัดหมาย เพื่อให้ปากคำในฐานะพยานที่อยู่ในเหตุการณ์
และได้ช่วยเหลือนายชาญณรงค์ พลศรีมา ซึ่งถูกยิงได้รับบาดเจ็บและมา ทราบว่าได้เสียชีวิต
วันนี้ตนยัง ได้นำหลักฐานที่บันทึกภาพเหตุการณ์ไว้มามอบให้เพิ่มเติม ส่วนใหญ่เป็นภาพถ่าย
ขณะที่ตนอยู่บริเวณหน้าปั๊มน้ำมันเชลล์ ซึ่งห่างจากกลุ่มผู้ชุมนุมหลังแนวบังเกอร์ยาง
ภาพที่ถ่ายไว้ส่วนใหญ่ เป็นภาพของผู้บาดเจ็บถูกยิง โดยบันทึกภาพไว้ได้เฉพาะประ ชาชนที่ถูกยิงเท่านั้น
ทั้งนี้ เนื่องจากระหว่างที่บันทึกภาพนั้นมีการยิงกันตลอดมีเสียงปืนดังมาจากแนวของ ทหาร
ตนไม่กล้าออกไปถ่ายภาพเพราะกลัวถูกยิงเช่นกัน ขณะนั้นไม่ว่าใครหากโผล่หน้าออกไปที่ถนนก็จะถูกยิงหมด
ช่วงทหารยิงและ บันทึกภาพไว้ได้เป็นเวลา 16 นาที จนสามารถบันทึกภาพไว้ได้ 90 ภาพ
การ ที่ตนเดินทางมาให้ปากคำในครั้งนี้ ก็ไม่ได้ทำเพื่อใครและฝ่ายใด แต่ตนต้องการความจริงและความถูกต้อง




ด้านพ.ต.ท.เทพพิทักษ์ แสงกล้า กล่าวว่า ทางพนักงานสอบสวนได้สอบปากคำนายนิกพร้อมทั้งได้รับมอบภาพถ่าย
ที่นายนิ กบันทึกไว้ โดยก่อนหน้านี้พนักงานสอบสวนก็ได้มีการสอบปากคำพยานที่อยู่ในเหตุการณ์
รวม ทั้งญาติผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บไปแล้วกว่า 100 ปาก
สำหรับการทำสำนวน การสอบสวนในคดีมีทั้ง แพทย์ อัยการ ฝ่ายปกครอง และพนักงานสอบสวน ร่วมกัน 4 ฝ่าย
ในการทำสำนวนเพื่อรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อให้เกิดข้อเท็จจริง และให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย

พ.ต.ท.เทพพิทักษ์ กล่าวว่า ในส่วนของผู้เสียชีวิตที่ขณะนี้ยังไม่มีญาติมาติดต่อ เป็นผู้ชายอีก 2 ราย
ส่วน เด็กชายอายุ 13 ปีที่ถูกยิงเสียชีวิต หลังจากที่ข่าวสดลงรูปไปแล้ว ทำให้มีคนติดต่อตำรวจระบุว่าคือ
ด.ช.คุณากร ศรีสุวรรณ หรือน้องอีซา อายุ 13 ปี เป็นเด็กกำพร้า อยู่ในความดูแลของมูลนิธิอิสลามแห่งหนึ่ง
ในซอย รามคำแหง 2 ย่านคลองตัน จากการสอบถามเบื้องต้นทราบว่าน้องอีซา
พ่อเสีย ชีวิตตั้งแต่เล็กๆ แม่ก็หายสาบสูญไป เข้ามาอยู่ในบ้านมูลนิธิเด็กกำพร้าตั้งแต่อายุ 7 ขวบ
ช่วงก่อนปิดเทอม เดือนเมษายน น้องอีซาได้ออกจากบ้านมูลนิธิและหายตัวไป โดยในวันที่ 22 มิ.ย.นี้
ผู้ปกครองที่ดูแลมูลนิธิอิสลามจะมาติดต่อขอรับศพน้องอีซาที่ ร.พ.รามาธิบดี ซึ่งทราบว่าศพฝังอยู่ที่สุสานชลบุรี

พ.ต.ท.เทพพิทักษ์ กล่าวว่า ส่วนศพผู้หญิงทราบชื่อแล้วเช่นกัน คือ
นางประจวบ เจริญทิม อายุ 49 ปี อยู่บ้านเลขที่ 116 หมู่ 3 ต.ย่านยาว อ.เมือง จ.พิจิตร ผลการชันสูตรศพ
พบว่าถูกยิงเข้าบริเวณขาซ้ายทะลุขาขวา กระสุนปืนถูกเส้นเลือดแดงขาด สาเหตุการเสียชีวิต เนื่องจากเสียเลือดมาก ในส่วนของหญิงดังกล่าวยังไม่สามารถติดกับทางญาติได้ จึงได้ประสานไปทางสภ.เมืองพิจิตร
เพื่อให้ช่วยติดตามญาติของนางประจวบ เจริญทิม

หญิงสาวดังกล่าวเพื่อมาให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนเพื่อ ดำเนินการรับศพไปบำเพ็ญกุศลต่อไป

พบลูก - น.ส.พรนภา ทนุวรรณ อายุ 19 ปี เข้ากอดบุตรชายวัย 3 ขวบ หลังถูกทหารจับกุมตัวบริเวณแยกสารสิน
เมื่อ 19 พ.ค. ถูกควบคุมตัวที่ทัณฑสถานหญิงพิเศษกลาง น.พ.ทศพร เสรีรักษ์ ยื่นหลักทรัพย์ประกันตัวออกมา

วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวเดินทางไปตรวจสอบผู้บาดเจ็บสาหัสอีก 1 ราย คือ
นายฐานุทัศน์ อัศวสิริมั่นคง อายุ 53 ปี อาชีพพ่อค้าขายส่งถั่วทอด พักอาศัยอยู่ภายในแฟลตชุมชนบ่อนไก่
ถูกยิงเข้าบริเวณกลางหลังทะลุปอด และหัวไหล่ รวม 2 นัด จนกลายเป็นอัมพาตครึ่งตัว ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 14 พ.ค.ที่ผ่านมา โดยผู้บาดเจ็บรายดังกล่าวพักฟื้นอยู่ภายในห้องผู้ป่วย เลขที่ 609 เตียง 1 ชั้น 6 โรงพยาบาลมเหสักข์ เขตบางรัก เมื่อไปถึงพบนางวรานิชฐ์ อัศวสิริมั่นคง อายุ 49 ปี ภรรยาผู้บาดเจ็บกำลังยืนนวดขา แขน และคอยให้ความช่วยเหลือนายฐานุทัศน์อย่างน่าเวทนา

นายฐานุทัศน์ กล่าวว่า ช่วงเกิดเหตุเป็นเวลา 11 โมงของวันที่ 14 พ.ค. ขณะที่ตนพร้อมด้วยนางวรานิชฐ์
และลูกชายลูกสาวรวม 4 คนเดินออกจากบ้านพักที่แฟลตชุมชมบ่อนไก่ เพื่อไปจ่ายค่าน้ำค่าไฟที่ห้างสรรพสินค้าโลตัส สาขาพระราม 4 พอเดินทางถึงปากซอย พบว่าขณะนั้นมีกลุ่มคนเสื้อแดงชุมนุมอยู่เป็นจํานวนมาก
แต่ ยังไม่เกิดเหตุการณ์รุนแรงอะไร รถเมล์ยังวิ่งผ่านปกติ
จากนั้นอีก 1 ชั่วโมง ทหารเริ่มขว้างแก๊สน้ำตาเข้าใส่กลุ่มผู้ชุมนุม ตนเห็นท่าไม่ปลอดภัยจึงสั่งให้ภรรยา
และลูกทั้ง 2 คนเข้าไปหลบอยู่ในร้านสะดวกซื้อ ส่วนตนก็เดินตามไปด้วยแต่ช้ากว่า
เมื่อ ภรรยาและลูกเข้าไปในร้านแล้ว ตนเหลืออีกไม่กี่เมตรก็จะถึงร้าน ปรากฏว่าได้ยินเสียงปืนดังขึ้นชุดใหญ่
ตนรู้สึกปวดที่กลางหลังแล้วล้มลง หน้ากระแทกพื้นจนฟันหักหลายซี่ จากนั้นเริ่มชาทั้งตัว ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้
แต่ยังรู้สึกตัว ก่อนมีชาวบ้าน 3-4 คนวิ่งเข้ามาลากออกจากจุดเกิดเหตุ และนําขึ้นรถส่งโรงพยาบาลกล้วยน้ำไท
และ อยู่โรงพยาบาลตั้งแต่วันที่ 14-23 พ.ค. ก่อนจะย้ายมารักษาต่อที่ร.พ.มเหสักข์จนถึงปัจจุบัน

นายฐานุทัศน์ กล่าวต่อว่า พอถึงโรงพยาบาลปรากฏว่าตนถูกยิง 2 นัดเข้าที่กลางหลังและหัวไหล่
หมอผ่าตัดเอาหัวกระสุนที่กลางหลังออกไป แล้ว ยังคงเหลืออีก 1 หัวที่หัวไหล่ ไม่สามารถผ่าตัดออกได้
เพราะอยู่ ใกล้จุดสําคัญ ปัจจุบันตั้งแต่ช่วงเอวลงไปไม่มีความรู้สึก ขับถ่ายเองไม่ได้ และทุกๆ 2 ชั่วโมง ต้องพลิกตัวเนื่องจากขณะนี้เริ่มเป็นแผลกดทับบริเวณด้านหลัง นอกจากนี้ ตนได้สอบถามแพทย์ที่รักษาว่าจะกลับมาเดินได้หรือไม่ หมอบอกว่าเหลือเพียง 2 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่จะกลับมาเดินได้ปกติ ทําให้ตนเสียใจมาก
และขณะ นี้เริ่มประสบปัญหารายได้ภายในครอบครัว เนื่องจากตอนนี้ตนไม่สามารถหาเงินได้
ก่อนหน้านี้ตนสามารถหาเงินได้วัน ละไม่ต่ำกว่า 700-800 บาท จากการส่งถั่วทอดตามร้านค้าต่างๆ ย่านสีลม
และ เยาวราช แต่ตอนนี้ต้องขาดรายได้ และร้านค้าประจําที่ส่งถั่วให้เขาก็เริ่มมีปัญหาเพราะตนขาดส่ง

ด้าน นางวรานิชฐ์ กล่าวว่า หลังจากที่สามีถูกยิงสาหัส ครอบครัวเดือดร้อนหนักไม่มีรายได้เข้ามา
เพราะตนไม่ได้ทํางานอะไร สามีทําถั่วทอดขายส่งตามร้านค้าต่างๆ ย่านสีลม เยาว ราช สนามหลวง และคลองเตย
ทํามาไม่ต่ำกว่า 20 ปี ตอนนี้ต้องหยุดกิจการทั้งหมด และตนก็ไม่สามารถที่จะไปหางานที่ไหนทําได้
เพราะจะต้องมาคอยดูแลสามี เพราะทุกๆ 2 ชั่วโมงต้องจับสามีพลิก ส่วนสาเหตุที่ถูกยิงนั้น
เพราะสามี กำลังจะพาตนและลูกไปเดินห้างโลตัส ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการชุมนุมเลย
อยาก จะเรียกร้องให้รัฐบาลหันมาดูแลผู้ที่ได้รับบาดเจ็บที่ไม่เกี่ยวข้องกับการ ชุมนุมบ้าง อย่างไรก็ตาม
สิ่งที่ตนอยากได้คือเตียงคนไข้ที่สามารถปรับ เอนนอนได้ เพื่อให้สามีไว้ใช้หลังจากออกจากโรงพยาบาลแล้ว

"เหตุการณ์ ครั้งนี้ตนเจ็บปวดที่สุด คือ
คำพูดที่ศอฉ.บอกว่าผู้ที่ถูกยิงเป็นพวกก่อ การร้ายหรือถูกกองกำลังไม่ทราบฝ่ายยิง แถมยังมาปิดหูปิดตาประชาชน
คุม สถานีโทรทัศน์วิทยุหลายแห่งเพื่อไม่ให้ประชาชนรับรู้ข่าวสารเรื่องจริง ตรงนี้อยากให้รัฐบาลหันมาดูแลประชาชน
ที่ไม่รู้เรื่องด้วย เพราะที่ผ่านมาคนที่รัฐบาลส่งมาดูแลก็แค่มาถ่ายภาพวิดีโอ และสอบถามอาการเล็กน้อย
จากนั้นก็พูดให้เรามีความหวังว่าจะช่วยเต็มที่ แต่ก็เงียบหายไปจนถึงทุกวันนี้"

วันเดียวกัน นายบัวศรี ทุมมา อายุ 67 ปี ผู้ชุมนุมนปช.ซึ่งเป็นชาวชัยภูมิ 1 ในผู้ถูกยิงในวัดปทุมวนาราม
โดย ถูกยิงเข้าที่เท้าจนทะลุ เดินทางเข้าให้ปากคำเพิ่มเติมกับตำรวจสน.ปทุมวันถึงเหตุการณ์ที่โดนยิงบาด เจ็บสาหัส โดยลุงบัวศรีให้การยืนยันว่า มาร่วมชุมนุมกับคนเสื้อแดงตั้งแต่แรก และเมื่อวันที่ 10 เม.ย.
ซึ่งทหาร สลายม็อบที่ผ่านฟ้าฯ ก็ถูกทหารใช้พานท้ายปืนตีหัวจนบาดเจ็บ ต้องนอนรักษาตัว 2 วัน
พอออกจากโรงพยาบาลมาก็ไปร่วมชุมนุมต่อ กระทั่งวันที่ 19 พ.ค. หลังแกนนำนปช.ประ กาศยุติการชุมนุมแล้ว
ตนพร้อมเพื่อนๆ นปช. เข้าไปหลบในวัดปทุมฯ ระหว่างนั่งอยู่ลานจอดรถหน้าวัด
เห็นทหารเดินมา เป็นแถวบนรางรถไฟฟ้า พร้อมทั้งมีเสียงปืนยิงไล่ดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
ผู้ ชุมนุมที่อยู่บริเวณนั้นจึงพากันมุดหลบเข้าไปใต้ท้องรถ แต่ยังโดนยิงที่เท้าจนบาดเจ็บสาหัส

http://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROd01ERXdOakl5TURZMU13PT0=&sectionid=TURNd01RPT0=&day=TWpBeE1DMHdOaTB5TWc9PQ==


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ผู้ให้ข้อมูลร่วมกัน