แดงเชียงใหม่

กราบสวัสดี พี่น้องทุกๆท่านที่เข้ามาเยี่ยมเยือน Blog นปช.แดงเชียงใหม่ ขอเรียนชี้แจงสักนิดว่า เรา ”แดงเจียงใหม่” เป็นกลุ่มคนชาวเจียงใหม่ที่เคารพรัก กติกาประชาธิปไตย ต่อสู้และต่อต้านเผด็จการทุกรูปแบบ อยากเห็นประเทศชาติภายภาคหน้า มีความเจริญ ประชาชน รุ่นลูกหลานของเราอยู่อาศัยอย่างร่มเย็นเป็นสุขในประเทศของพวกเราเอง ไม่มีกลุ่มอภิสิทธิ์ชนกลุ่มใดมาสูบเลือดเนื้อ แอบอ้างบุญคุณเฉกเช่นในยุคนี้ที่พวกเราเห็น การที่จะได้รับในสิ่งที่มุ่งหวังก็ต้องมีการต่อสู้แสดงกำลังให้สังคมได้รับรู้ และเพื่อที่จะให้กลุ่มบุคคลที่มีอำนาจในปัจจุบันได้เข้าใจในสังคมที่ก้าวหน้าเปลี่ยนแปลงไป ไม่อาจฝืนต่อกระแสการพัฒนาของโลก การต่อสู้ร่วมกับผองชนทั่วประเทศในครั้งนี้ เรา " แดงเจียงใหม่ " ได้ร่วมต่อสู้ทุกรูปแบบ และ ในรูปแบบที่ท่านได้เข้ามาร่วมอยู่นี้ คือการเผยแพร่ข่าวสารต่อสังคม

เรา " แดงเจียงใหม่ " ขอเชิญชวนร่วมกันสร้างขวัญ และกำลังใจให้เพื่อนพ้องน้องพี่ร่วมกัน


"อันประชาสามัคคีมีจัดตั้ง
เป็นพลังแกร่งกล้ามหาศาล
แสนอาวุธแสนศัตรูหมู่อันธพาล
ไม่อาจต้านมวลมหาประชาชน"

.

วันพฤหัสบดีที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2553

กา หลิบ : สิ่งที่อภิสิทธิ์ไม่รู้ (ว่า เจ้านายเหนือหัวของนายอภิสิทธิ์ฯ กำลังหัวเราะชอบใจในความโง่ 555555)

โดย : กาหลิบ
คอลัมน์ : เมืองไทยหรือเมืองใคร?
ที่มา ประชาธิปไตย 100% ที่มา Democracy 100%
16 มิถุนายน 2553

นี่คือเวลาสยายปีก เชิดหน้า และท้าทายของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เพราะสามารถดำรงสภาพความเป็นรัฐบาลอยู่ได้ท่ามกลางซากศพของวีรชนประชาธิปไตย ผู้มีแต่มือเปล่า ทั้งที่รัฐบาลเผด็จการในอดีต รวมทั้งรัฐบาลจอมพลถนอม กิตติขจรในเหตุการณ์ ๑๔ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๑๖ ฆ่าประชาชนน้อยกว่านี้มาก ยังต้องล้มคว่ำลงกลางคันและถูกฟ้าถล่มทับจนบี้แบน

ทำชั่วระดับอุกฉกรรจ์แล้วยังลอยนวลอยู่ได้และอยู่ดี ได้ปลุกความยโสในหัวใจที่มีมากอยู่แล้วให้ท่วมท้นล้นตัว

มั่นใจว่ามีลมใต้ปีกที่จะช่วยให้บินฝ่าสภาพอากาศทุกชนิดได้ โดยไม่ตระหนักว่าลมใต้ปีกนั้น ที่จริงคือลมหมุนอันเลวร้ายที่จะเหวี่ยงนกตกสู่พื้นดินได้ทุกเมื่อที่ลมต้อง การ หากนกตัวนั้นคิดจะบินไปคนละทิศกับความต้องการของลมขึ้นมา

ความ มั่นใจอันเกินขีดนี่ล่ะที่ทำให้นายอภิสิทธิ์ฯ อยู่ในสภาพของคนไข้ที่อยู่ได้เพราะเครื่องช่วยหายใจไม่ใช่เพราะตนเองและทำ ให้เกิดสภาพตาบอดชั่วคราวมองไม่เห็นอันตรายบางอย่างที่มาจ่ออยู่ใกล้ตัวเสีย เหลือเกินแล้วสองเรื่อง น้อยเป็นอย่าง ความมั่นใจอันเกินขีดนี่ล่ะ ที่ทำให้นายอภิสิทธิ์ฯ อยู่ในสภาพของคนไข้ที่อยู่ได้เพราะเครื่องช่วยหายใจ ไม่ใช่เพราะตนเอง และทำให้เกิดสภาพตาบอดชั่วคราว มองไม่เห็นอันตรายบางอย่างที่มาจ่ออยู่ใกล้ตัวเสียเหลือเกินแล้ว สองเรื่องเป็นอย่างน้อย

เมื่อไม่กี่วันมานี้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้พบปะอย่างลับๆ กับแกนนำหลักของ นปช. แดง ทั้งแผ่นดินผู้ที่ยังมีอิสรภาพคนหนึ่งโดยมีคนใหญ่ทางสภาผู้แทนราษฎรเป็นผู้ ประสานงาน

เขาร่วมฆ่าประชาชนฝ่ายประชาธิปไตยตายกลางถนนจนเป็นทรราช หมดสิ้นซึ่งความชอบธรรมในฐานะผู้นำไปแล้ว แต่ฝ่ายเราดันคลานเข้าไปขอเจรจาอะไรกับเขาอีกนั้น เป็นเรื่องที่กาหลิบยอมรับว่าไม่เข้าใจและหัวใจยังเห็นด้วยไม่ได้ แต่วันนี้ขอข้ามประเด็นนั้นไปก่อน

ระหว่างการคุยลับครั้งนี้ นายอภิสิทธิ์ฯ ได้กล่าวในตอนหนึ่งว่า ให้อภัยคนอย่าง “อริสมันต์” และ “สุภรณ์ (แรมโบ้)” ไม่ได้ เพราะพวกนี้ “...คิดจะฆ่าผม...”

ซึ่งก็คงเป็นเหตุผลอธิบายว่าในช่วงก่อนการสังหารหมู่ประชาชนแห่งเดือน พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๕๓ ที่มีการ (แอบ) เจรจาความระหว่างแกนนำ นปช.ฯ กับฝ่ายรัฐบาลถึงสองสามครั้ง จึงปรากฏผลออกมาว่าทุกคนจะได้ประกันหลังมอบตัว เว้นแต่นายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ และพลตรีขัตติยะ สวัสดิผล (เสธ.แดง) ซึ่งเขาแค้นเป็นพิเศษ

ความคิดฝังใจของนายอภิสิทธิ์ฯ ว่าตัวเองถูกปองร้ายขนาดจะเอาชีวิตจนไม่อาจมองสถานการณ์ตามเนื้อผ้าได้ เอาแต่มองมุมตัวเองอย่างหมกมุ่นนั้น เป็นหลักฐานชี้ว่าผู้มีอำนาจในเมืองไทยเขา “เล่น” กับหัวคิดของนายอภิสิทธิ์ฯ ได้เหมือนสัตว์เลี้ยงของเขาตัวหนึ่ง

นอกจากจะใช้นายอภิสิทธิ์ฯ เป็นหนังหน้าไฟในความเลวร้ายทุกอย่างที่เขาทำแล้ว ยังใช้เขี้ยวแก่ของตัวเองปั่นหัวเด็กไร้เดียงสาคนหนึ่งให้มันระอุอยู่ในความ โกรธ โลภ หลง แม้ รัก ก็เหลือแต่ความรักตนเองอย่างเดียว จนหลงคิดว่าสงครามครั้งนี้เป็นการประจัญบานระหว่างตัวเองกับมวลมหาประชาชน ทั้งที่ความจริงเป็นสงครามของเขาที่ตัวมานั่งรับหน้าเสื่อแทนเท่านั้น

อวิชชาหรือความไม่รู้ของนายอภิสิทธิ์ฯ เป็นเหตุปัจจัยหนึ่งของความวุ่นวายไม่รู้จบในขณะนี้

นี่ไม่ได้หมายความว่านายอภิสิทธิ์ฯ จะปราศจากความรับผิดชอบเสียเลยในกรณีฆ่าหมู่ประชาชน แต่การชี้เป้าไปยัง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา โดยไม่ได้มองเครือข่ายโดยรวมของฝ่ายอำมาตยาธิปไตย แถมถูกบุคคลเบื้องหลังผู้อำนาจเหนือกว่าล่อให้คนเหล่านี้เห็นว่าเป็นสงคราม ของตนเองเสียอีกนั้น เป็นความสามานย์อันเก่าแก่โบราณที่ใช้มานานจนเกิดความชำนาญ

ไม่มีเกมไหนที่เขาจะถนัดไปกว่าจับจิ้งหรีดมากัดกัน

จิ้งหรีดเหล่านี้ไม่ใช่ใคร ก็คือไพร่ไทยที่เผลอคิดไปว่าตัวเองเป็นคนวงในของคนใหญ่คนโต จนหันมากัดกันเองมาตลอดประวัติศาสตร์ของระบอบอันฉ้อฉล

อีกเรื่องหนึ่งที่นายอภิสิทธิ์ฯ คงไม่รู้

คือขณะที่กำลังอิ่มเอมใจว่าเจ้าของบ้านเขารักใคร่ไว้ใจตนเสียเหลือเกินนั้น เขาก็กำลังเตรียมคนมาเป็นนายกรัฐมนตรีแทนตัวเองในทำนองอะไหล่รถยนต์อยู่ตลอด เวลา ทันทีที่นายอภิสิทธิ์ฯ เน่าเสียจนเป็นภาพลักษณ์อันเลวสำหรับเขา คนใหม่ก็จะปราดเข้ามาแทนที่โดยไม่ให้มีช่องว่างเลยทีเดียว
“คนใหม่” คนนี้ ความจริงก็เก่าสุดกู่ เคยเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของรัฐบาลทักษิณมานาน ก่อนที่กลายร่างเป็นกบฏภายในระบอบประชาธิปไตยและร่วมวางแผนยึดอำนาจที่โคตร วงศ์ของตนเองเป็นผู้ส่งสัญญาณให้ข้ารับใช้ทั้งหลายรับไปทำ

ดร. ทางกฎหมายคนนี้เดินงานยึดตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอย่างขะมักเขม้น ใช้ให้ ดร.เพื่อนซี้ที่ให้ไปนั่งบริหารงานองค์การสื่อของรัฐบาลเสียหลายปีเดินสายไป พบคนนั้นคนนี้ เพื่อหาเสียงกรุยทางเผื่อตนเองจะบุญพาวาสนาส่งได้สวมตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ด้วยวิธีพิเศษ

คนที่ไปพบแล้วนั้นมีทั้งอาจารย์มหาวิทยาลัย ข้าราชการ นักธุรกิจใหญ่ๆ จนถึงนักการเมืองหลายสาย

โน้มน้าวว่าช่วยกันโค่นอภิสิทธิ์แล้วหันมาหนุนตัวเองแทน จะตอบแทนให้หนำใจยิ่งกว่า

เรื่องแบบนี้นายอภิสิทธิ์ฯ ไม่รู้ เพราะกำลังลำพองใจ

ตากำลังมัวด้วยอกุศลมูล

และเจ้านายเหนือหัวของนายอภิสิทธิ์ฯ กำลังหัวเราะชอบใจในความโง่.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ผู้ให้ข้อมูลร่วมกัน