แดงเชียงใหม่

กราบสวัสดี พี่น้องทุกๆท่านที่เข้ามาเยี่ยมเยือน Blog นปช.แดงเชียงใหม่ ขอเรียนชี้แจงสักนิดว่า เรา ”แดงเจียงใหม่” เป็นกลุ่มคนชาวเจียงใหม่ที่เคารพรัก กติกาประชาธิปไตย ต่อสู้และต่อต้านเผด็จการทุกรูปแบบ อยากเห็นประเทศชาติภายภาคหน้า มีความเจริญ ประชาชน รุ่นลูกหลานของเราอยู่อาศัยอย่างร่มเย็นเป็นสุขในประเทศของพวกเราเอง ไม่มีกลุ่มอภิสิทธิ์ชนกลุ่มใดมาสูบเลือดเนื้อ แอบอ้างบุญคุณเฉกเช่นในยุคนี้ที่พวกเราเห็น การที่จะได้รับในสิ่งที่มุ่งหวังก็ต้องมีการต่อสู้แสดงกำลังให้สังคมได้รับรู้ และเพื่อที่จะให้กลุ่มบุคคลที่มีอำนาจในปัจจุบันได้เข้าใจในสังคมที่ก้าวหน้าเปลี่ยนแปลงไป ไม่อาจฝืนต่อกระแสการพัฒนาของโลก การต่อสู้ร่วมกับผองชนทั่วประเทศในครั้งนี้ เรา " แดงเจียงใหม่ " ได้ร่วมต่อสู้ทุกรูปแบบ และ ในรูปแบบที่ท่านได้เข้ามาร่วมอยู่นี้ คือการเผยแพร่ข่าวสารต่อสังคม

เรา " แดงเจียงใหม่ " ขอเชิญชวนร่วมกันสร้างขวัญ และกำลังใจให้เพื่อนพ้องน้องพี่ร่วมกัน


"อันประชาสามัคคีมีจัดตั้ง
เป็นพลังแกร่งกล้ามหาศาล
แสนอาวุธแสนศัตรูหมู่อันธพาล
ไม่อาจต้านมวลมหาประชาชน"

.

วันอังคารที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2553

บท ความ: อำนาจอำมหิตกับข้อสรุปประเทศไทย

บท ความ: อำนาจอำมหิตกับข้อสรุปประเทศไทย
โดย นายทหารเอก กรุงธน
21 มิถุนายน 2553

ได้ข้อสรุปกันเสียทีว่าวิกฤตของประเทศวันนี้ เป็นผลมาจากการรัฐประหารของคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระ มหากษัตริย์เป็นประมุขเมื่อ 19 กันยายน 2549

ข้อ สรุปข้างต้นเป็นผลจากคำแถลงของนางเฮเลน คลาร์ค ผู้อำนวยการโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ(ยูเอ็นดีพี) ที่กล่าวว่า “ความ ปั่นป่วนดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากมีการรัฐประหารยึดอำนาจจากรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งส่งผลให้เกิดสภาพไร้เสถียรภาพทางการเมืองต่อเนื่องมายาวนานกว่า 3 ปี” (มติชน พฤหัสบดีที่ 17 มิถุนายน 2553)
ที่สำคัญที่สุดที่ผมให้น้ำหนักกับคำพูดของนางเฮเลน คลาร์ค ซึ่งเคยเป็นอดีตนายกรัฐมนตรีประเทศนิวซีแลนด์นี้ก็เพราะไม่เคยมีผลประโยชน์ เกี่ยวข้องกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร หรือฝ่ายคณะรัฐประหาร และที่สำคัญและน่าเชื่อถือข้อสรุปนี้ที่สุดคือไม่มีคนในพรรคประชาธิปัตย์ แม้แต่คนเดียวออกมาโต้แย้งประเด็นนี้ รวมทั้งตัวนายกฯอภิสิทธิ์เอง ก็ออกมาให้สัมภาษณ์กล้อมแกล้มๆว่า “ก็คงมีส่วนเกี่ยวข้องกัน” (มติชน 18 มิถุนายน 2553)

ประเด็นปฐมเหตุของมหาวิกฤตของประเทศไทยวันนี้ได้ถก เถียงกันมานานตลอดระยะเวลา 3 ปีเศษ ซึ่งฝ่ายพรรคประชาธิปัตย์ กลุ่มพันธมิตร และเครือข่ายของคณะรัฐประหารฝ่ายหนึ่ง กับพรรคเพื่อไทย และกลุ่ม นปช. และ เครือข่ายมวลชนเสื้อแดงอีกฝ่ายหนึ่ง ถกเถียงไม่ยอมรับกัน คล้ายๆ กับประเด็นทหารฆ่าประชาชนที่ผู้คนก็เห็นกันทั่วโลกไม่เฉพาะประเทศไทยว่าทหาร ยิงประชาชน แต่ฝ่ายพรรคประชาธิปัตย์ กลุ่มพันธมิตร และเครือข่ายของคณะรัฐประหารก็เถียงคอเป็นเอ็นว่าทหารไม่ได้ฆ่าประชาชนตาย แม้แต่คนเดียว และดูจะเสียงดังกว่าอีกฝ่ายหนึ่ง เพราะเป็นฝ่ายกุมอำนาจรัฐ กุมสื่อ และที่สำคัญคือ อยู่ในอ้อมกอดของอำนาจอำมหิต(ขอใช้สำนวน อ.นิธิ เอี่ยวศรีวงศ์ ในมติชน วันที่ 14 มิถุนายน 2553 เพื่อความปลอดภัย)

อำนาจ อำมหิต เป็นใครผมก็ไม่รู้แต่คงไม่ใช่ พลเอกสนธิ บุญยรัตกลิน หัวหน้าคณะรัฐประหารแน่นอน เพราะได้หลุดจากอำนาจ ผบ.ทบ.ไปเป็นหัวหน้าพรรคมาตุภูมิที่มี ส.ส.อยู่ในมือแค่ 3 เสียง

หลัง จากที่มีการสังหารประชาชนจากราชดำเนินถึงราชประสงค์ ประชาชนเสียชีวิตและสาบสูญนับ 100 คน บาดเจ็บร่วม 2 พันคน รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ที่มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรง กลับอยู่ได้อย่างไม่สะทกสะท้านก็ไม่รู้ว่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับอำนาจอำมหิต หรือไม่?
รัฐบาลนายอภิสิทธิ์รู้อยู่แก่ใจดีว่าโลกนี้เขายอม รับการสั่งให้ทหารฆ่าประชาชนอย่างเลือดเย็นเช่นนี้ไม่ได้ แต่นายอภิสิทธิ์กลับพยายามเบี่ยงเบนทั้งในสภาและนอกสภาที่จะไม่พูดถึงเรื่อง คนตาย แต่พยายามจะพูดถึงเรื่องความปรองดอง การปฏิรูปประเทศ และการแก้รัฐธรรมนูญปี 2550 แทน ทั้งๆที่พรรคประชาธิปัตย์อยู่ในอำนาจมาปีกว่าแล้วไม่เคยพูดหรือแสดงท่าทีว่า มีความมุ่งหมายในสิ่งเหล่านี้เลยแม้แต่น้อย

พอมาดูแกนนำของคณะกรรมการชุดต่างๆก็ยิ่งชัดเจนว่า ล้วนแล้วแต่เป็นคนใกล้ชิดกับคณะรัฐประหาร กลุ่มพันธมิตร และพรรคประชาธิปัตย์ ที่เคยร่วมหัวจมท้ายกันตั้งแต่สนับสนุนการรัฐประหาร โค่นล้มรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ เมื่อ 19 กันยายน 2549 และร่วมกันโค่นล้มรัฐบาลนายสมัคร และนายสมชาย ถึงขั้นลงทุนยึดทำเนียบรัฐบาล และยึดสนามบินสุวรรณภูมิ และดอนเมือง ซึ่งโด่งดังไปทั้งโลก


ตลอด ระยะเวลาวิกฤต 3 ปีกว่ามานี้ ผู้คนในคณะกรรมการต่างๆที่คุณอภิสิทธิ์อวดอ้างว่าเป็นกลางก็ทำตัวเป็นคนหู หนวกตาบอดโดยไม่เคยออกมาตำหนิการกระทำผิดของพวกเสื้อเหลืองที่กระทำผิดขั้น อุกฤษแม้แต่ครั้งเดียว

กรรมการ ที่แกล้งทำตัวเป็นคนหูหนวกตาบอดที่กล่าวถึง อาทิเช่น นายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์,นายสมคิด เลิศไพฑูรย์,นายจรัส สุวรรณมาลา, นายเจษฏ์ โทนะวณิก เป็นต้น

ส่วน แกนนำคณะกรรมการปฏิรูปประเทศไทยดูจะเป็นบอร์ดใหญ่สุดในบรรดาบอร์ดทั้งหมดที่ ตาบอดที่มีนายอานันท์ ปันยารชุน,นายแพทย์ประเวศ วะสี และนายไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม ซึ่งถือเป็นมวยรุ่นใหญ่ก็เป็นผู้อยู่ในเครือข่ายการรัฐประหารเมื่อ 19 กันยายน 2549 เช่นนายไพบูลย์ได้เข้ารับตำแหน่งในคณะรัฐมนตรีของคณะรัฐประหารเมื่อ 19 กันยายน ส่วนนายอานันท์ก็เป็นอดีตนายกฯในคณะรัฐประหารของ รสช.ที่มีส่วนในการฆ่าประชาชนในเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ ในปี 2535 แม้นายอานันท์กลับมาเป็นนายกฯอีกรอบหนึ่ง หลังเกิดเหตุการณ์สังหารประชาชนแล้วนายอานันท์ก็ไม่มีผลงานที่จะกล่าวอ้าง ได้ถึงการให้ความเป็นธรรมแค่ประชาชนที่เสียชีวิตจากการเรียกร้องหา ประชาธิปไตยด้วย 2 มือเปล่าเลย ส่วน นพ.ประเวส วะสี แม้จะไม่เคยดำรงตำแหน่งในคณะรัฐมนตรีของคณะรัฐประหาร แต่บทบาทคุณหมอท่านนี้ก็ไม่เคยแสดงท่าทีที่เป็นปฏิปักษ์ต่อการรัฐประหาร และการสังหารประชาชนทั้งในอดีตและในปัจจุบันเลย ดูเหมือนว่าทำตัวเป็นคนความจำเสื่อมโดยเฉพาะการทำลายประชาธิปไตยและการ สังหารประชาชน

ที่ ร้ายไปกว่านั้นนายอานันท์และนพ.ประเวศได้กล่าวอ้างอย่างเต็มปากเต็มคำว่า ท่านได้รับเลือกมาจาก ภาคประชาชน

ผมเป็น เด็กกว่าท่านทั้งสองนี้มาก และมิกล้าที่จะเอาคุณธรรมในตัวเองไปเทียบกับท่านได้ แต่ผมอายแทนท่านจริงๆ ที่ท่านกล่าวอ้างเป็นตัวแทนประชาชนอย่างไม่ตะขิดตะขวงใจกับภูมิหลังของท่าน ที่เป็นปฏิปักษ์ต่อระบอบประชาธิปไตย และไม่เคยตำหนิผู้สั่งการสังหารประชาชนที่เรียกร้องประชาธิปไตย


เมื่อ ข้อสรุปของนางเฮเลน คลาร์ค ผอ.โครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติที่ว่าวิกฤตของไทยวันนี้มาจากการรัฐประหาร เมื่อ 19 กันยายน 2549 จนมีผลกระทบต่อการพัฒนาประเทศไทย ก็แสดงว่าบุคคลที่กล่าวถึงข้างต้นทั้งหมดที่เป็นแกนนำองค์กรสำคัญที่นาย อภิสิทธิ์หวังว่าจะมาช่วยวิกฤตของชาติเป็นบุคคลกลุ่มเดียวกับผู้ที่สร้าง วิกฤตของชาติรวมทั้งตัวคุณอภิสิทธิ์ด้วยนั่นเอง

ผมจะ สรุปว่านายอภิสิทธิ์ในฐานะผู้แต่งตั้งและบุคคลที่กล่าวถึงข้างต้นและพวกใน ฐานะผู้ถูกแต่งตั้ง เป็นผู้ใกล้ชิดกับพลเอกสนธิ และในวันนี้ยังมีบทบาททางการเมืองก็เพราะพลเอกสนธิก็น่าจะเป็นข้อสรุปที่ผิด อย่างยิ่ง

ถ้า เช่นนั้นบุคคลเหล่านี้เข้ามามีบทบาททางการเมืองได้เพราะใคร? จะอ้าง ชื่อนายอภิสิทธิ์ก็เป็นไปไม่ได้เพราะคุณอานันท์ก็อ้างหลายครั้งว่าผมไม่ใช่ ตัวแทนรัฐบาล

ถ้า เช่นนั้นพวกเขามาจากอำนาจส่วนไหนกัน? เป็นเรื่องชวนคิดจริงๆ สำหรับสังคมไทย

จะโยน ให้ว่ามาจากอ้อมกอดของอำนาจอำมหิตก็เกรงใจอาจารย์นิธิ เอี่ยวศรีวงศ์ เดี๋ยวจะหาว่าอ้างท่านเรื่อย

รู้แต่ก็พูดกันไม่สะดวกครับ
Posted by editor01 at 6/21/2010 09:33:00 หลังเที่ยง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ผู้ให้ข้อมูลร่วมกัน