แดงเชียงใหม่

กราบสวัสดี พี่น้องทุกๆท่านที่เข้ามาเยี่ยมเยือน Blog นปช.แดงเชียงใหม่ ขอเรียนชี้แจงสักนิดว่า เรา ”แดงเจียงใหม่” เป็นกลุ่มคนชาวเจียงใหม่ที่เคารพรัก กติกาประชาธิปไตย ต่อสู้และต่อต้านเผด็จการทุกรูปแบบ อยากเห็นประเทศชาติภายภาคหน้า มีความเจริญ ประชาชน รุ่นลูกหลานของเราอยู่อาศัยอย่างร่มเย็นเป็นสุขในประเทศของพวกเราเอง ไม่มีกลุ่มอภิสิทธิ์ชนกลุ่มใดมาสูบเลือดเนื้อ แอบอ้างบุญคุณเฉกเช่นในยุคนี้ที่พวกเราเห็น การที่จะได้รับในสิ่งที่มุ่งหวังก็ต้องมีการต่อสู้แสดงกำลังให้สังคมได้รับรู้ และเพื่อที่จะให้กลุ่มบุคคลที่มีอำนาจในปัจจุบันได้เข้าใจในสังคมที่ก้าวหน้าเปลี่ยนแปลงไป ไม่อาจฝืนต่อกระแสการพัฒนาของโลก การต่อสู้ร่วมกับผองชนทั่วประเทศในครั้งนี้ เรา " แดงเจียงใหม่ " ได้ร่วมต่อสู้ทุกรูปแบบ และ ในรูปแบบที่ท่านได้เข้ามาร่วมอยู่นี้ คือการเผยแพร่ข่าวสารต่อสังคม

เรา " แดงเจียงใหม่ " ขอเชิญชวนร่วมกันสร้างขวัญ และกำลังใจให้เพื่อนพ้องน้องพี่ร่วมกัน


"อันประชาสามัคคีมีจัดตั้ง
เป็นพลังแกร่งกล้ามหาศาล
แสนอาวุธแสนศัตรูหมู่อันธพาล
ไม่อาจต้านมวลมหาประชาชน"

.

วันเสาร์ที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2553

โลก เริ่มเข้าใจ โดย กาหลิบ


คอลัมน์ : เมืองไทยหรือเมืองใคร?
เรื่อง : โลกเริ่มเข้าใจ
โดย : กาหลิบ

วันฆ่าประชาชนผู้บริสุทธิ์ นับตั้งแต่ ๑๐ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๓ เป็นต้นมาจนบัดนี้ เป็นเส้นแบ่งสำคัญที่สุดเส้นหนึ่งในประวัติศาสตร์และสังคมไทย กรรมดีหรือกรรมชั่วบันดาลก็ไม่ทราบชัด แต่วิธีคิดและการกระทำของผู้เป็นเจ้าของประเทศไทยในครั้งนี้ได้แบ่งเมือง ไทยออกเป็น ๒ ซีก หรือ ๒ ระบอบเสียแล้ว

นั่นคือ ระบอบอำมาตย์ทรราช และ ระบอบประชาธิปไตยหรือระบอบประชาชน
แบ่งแยกออกจากกันแล้วโยนกระดูก ชิ้นใหม่ที่มีชื่อว่า ปรองดอง มาให้แย่งกันกัด เจตนาให้สังคมหมกมุ่นกับเรื่องนี้ จะได้ลืมมือเปื้อนเลือดของตนไปสักพัก

ชน ชั้นสูงและชนชั้นกลางทางเศรษฐกิจจะวิ่งสู้ฟัดกันอย่างไรในนามนายแพทย์ประเวศ วะสี สมบัติ ธำรงธัญญวงศ์ วสิษฐ์ เดชกุญชร คณิต ณ นคร อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะหรือไพร่หลวงหน้าไหนก็ตามที คนส่วนใหญ่ของประเทศที่ประกอบด้วยรากหญ้า นายทุนชนิดสร้างตัวด้วยลำแข้ง พระสงฆ์ผู้ทรงศีล และผู้มีปัญญาที่ต้องการเลิกลัทธิโง่งมงายทุกคน เขาล้วนไม่ใส่ใจและไม่ร่วมสังฆกรรมที่ว่าด้วยการแย่งกระดูกชิ้นล่าสุดนี้ ด้วย

เพราะเขาตระหนักดีว่ามิใช่สุนัขรับใช้ของใครและไม่ต้องเสนอหน้า พิสูจน์ตัวเองกับใคร

มวลชนของรัฐไทยใหม่ ต่างเข้าใจดีพอที่จะไม่ร่วมเล่นเกมตื้นๆ โง่ๆ ของเจ้าของประเทศอีกต่อไป การรวมตัวกันต่อต้านอำนาจมืดจึงเป็นกระบวนการธรรมชาติที่ไม่ต้องอาศัยทุนรอน อะไรมากมายและสามารถประคองตัวไปได้นานเท่านาน จนกว่าจะบรรลุเป้าหมายหลัก

สิ่ง ที่น่าดีใจคือมวลชนไทยมิได้ตาสว่างอย่างโดดเดี่ยว แต่เสียงสำคัญจากหลายมุมโลกเริ่มสะท้อนว่าเขาเริ่มเข้าใจในความซับซ้อนของ สังคมเผด็จการอำพรางแบบไทย เขาจึงจี้จุดที่เป็นหัวใจของเรื่องได้อย่างแม่นยำ อย่างคำอภิปรายในรัฐสภายุโรปที่ตั้งคำถามเกี่ยวกับอาวุธสงครามและบทบาทของ สถาบันกษัตริย์ในฐานะผู้ถ่วงดุลและระงับข้อพิพาทอยู่หลายครั้ง

นี่ก็ แว่วมาว่ารัฐสภาสหรัฐฯ หรือคองเกรสส์ ในซีกสภาผู้แทนราษฎร อาจจะร่วมกระชากหน้ากากทองคำของไทยออกมาเร็วๆ นี้เหมือนกัน หลังจากที่ได้เห็นภาพและรับข้อมูลเกี่ยวกับความโหดร้ายของวันฆ่าประชาชน อย่างกระจะตา

แหล่งข่าวใกล้ชิดเล่าเสริมว่า สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอเมริกันคนหนึ่งดูคลิปภาพที่รถถังของกองทัพไทยพุ่งชน ประชาชนมือเปล่าจนล้มแล้ว แล่นทับศีรษะจนสมองแตกกระจายคาที่ ถึงกับอุทานออกมาว่า นี่มันเทียนอันเหมินชัดๆก่อนจะกล่าวอย่างหนักแน่นว่าเขาขอเอาด้วยกับความพยายามใดๆ ในการไล่ล่าชายหญิงอำมหิตที่อยู่เบื้องหลังคำสั่งเลือดครั้งนี้

แต่ ความเข้าใจล่าสุดที่เป็นข่าว มีความสำคัญและลึกซึ้งยิ่ง กลับมาจากปากของผู้อำนวยการโครงการพัฒนาของสหประชาชาติ (UNDP) ผู้เป็นอดีตนายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์อยู่หลายสมัย นั่นคือนางเฮเล็น คล๊าค

เธอ กล่าวที่กรุงฮานอย เวียดนามว่า พม่า ไทย เวียดนาม กำลังเผชิญกับอุปสรรคท้าทายในการพัฒนาประเทศ ไทยที่ประสบความก้าวหน้าในการขจัดปัญหาความยากจนอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา แต่สถานการณ์ตึงเครียดทางการเมืองกำลังขัดขวางการก้าวเดินไปข้างหน้า นับแต่เกิดการรัฐประหารยึดอำนาจ เมื่อปี (ค.ศ.) ๒๐๐๖ ทำให้ไทยไร้เสถียรภาพทางการเมืองเป็นเวลายาวนานกว่า ๓ ปีและการเมืองไร้ความมั่นคงนับตั้งแต่นั้น จำเป็นที่ไทยจะต้องมีการเจรจาแห่งชาติเกี่ยวกับวิธีการจัดการเลือกตั้งครั้ง ใหม่ ซึ่งจะต้องบริสุทธิ์และยุติธรรม โดยที่ประชาชนสามารถยอมรับผลเลือกตั้งที่ออกมาได้

หัวใจสำคัญอยู่ที่ ว่า ผู้นำคนหนึ่งขององค์การสหประชาชาติเข้าใจอย่างถูกต้องว่า การยึดอำนาจในเมืองไทยเมื่อ พ.ศ.๒๕๔๙ เป็นจุดเริ่มต้นของปัญหาวิกฤติการเมืองในขณะนี้

คดีความเกี่ยวกับ คอร์รัปชั่นเกือบทุกคดี การดูหมิ่นกษัตริย์และพระราชวงศ์ไทย ข้อกล่าวหาว่าเป็นผู้ก่อการร้าย การลุกขึ้นทวงสิทธิของมวลชน (โดยการประท้วงอย่างสันติ) และการสั่งฆ่าประชาชนอย่างโหดเหี้ยมแห่ง พ.ศ.๒๕๕๓ มิให้ เหตุที่นำมาสู่วิกฤติ แต่เป็น ผลของการยึดอำนาจในครั้งนั้นทั้งสิ้น

ใครเข้าใจเช่นนี้ได้ ก็จะไม่เสียเวลากับคดีความและความไร้สาระทั้งปวงที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นเลย แต่จะมุ่งถามคำถามว่าใครสั่งให้ยึดอำนาจเมื่อปี พ.ศ.๒๕๔๙ ซึ่งก็จะได้คำตอบลึกซึ้งไปถึงความฉ้อฉลในระบอบการปกครองปัจจุบันของไทย และเกิดปัญญามาก

มากกว่ารับข้อมูลจากสื่อมวลชนปัญญาอ่อนของไทย ซึ่งเต็มไปด้วยงานโฆษณาชวนเชื่อที่น่าเบื่อหน่าย เอาคนเก่าๆ มาแสดงอภินิหารบ้าๆ บอๆ ที่ไม่เกี่ยวอะไรสักนิดกับชีวิตชาวบ้าน

เอะอะ ขึ้นมาจะได้ไม่ซัดใส่ว่าประชาชนเป็นต้นเหตุอย่างที่ชอบทำกัน

ทัศนะ ของ เฮเล็น คล๊าค จึงเป็นกุญแจระดับโลกที่จะไขปริศนาและภาพลวงตาแบบไทยได้อย่างสำคัญ

นับ เป็นก้าวแรกที่มีค่ามาก.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ผู้ให้ข้อมูลร่วมกัน