แดงเชียงใหม่

กราบสวัสดี พี่น้องทุกๆท่านที่เข้ามาเยี่ยมเยือน Blog นปช.แดงเชียงใหม่ ขอเรียนชี้แจงสักนิดว่า เรา ”แดงเจียงใหม่” เป็นกลุ่มคนชาวเจียงใหม่ที่เคารพรัก กติกาประชาธิปไตย ต่อสู้และต่อต้านเผด็จการทุกรูปแบบ อยากเห็นประเทศชาติภายภาคหน้า มีความเจริญ ประชาชน รุ่นลูกหลานของเราอยู่อาศัยอย่างร่มเย็นเป็นสุขในประเทศของพวกเราเอง ไม่มีกลุ่มอภิสิทธิ์ชนกลุ่มใดมาสูบเลือดเนื้อ แอบอ้างบุญคุณเฉกเช่นในยุคนี้ที่พวกเราเห็น การที่จะได้รับในสิ่งที่มุ่งหวังก็ต้องมีการต่อสู้แสดงกำลังให้สังคมได้รับรู้ และเพื่อที่จะให้กลุ่มบุคคลที่มีอำนาจในปัจจุบันได้เข้าใจในสังคมที่ก้าวหน้าเปลี่ยนแปลงไป ไม่อาจฝืนต่อกระแสการพัฒนาของโลก การต่อสู้ร่วมกับผองชนทั่วประเทศในครั้งนี้ เรา " แดงเจียงใหม่ " ได้ร่วมต่อสู้ทุกรูปแบบ และ ในรูปแบบที่ท่านได้เข้ามาร่วมอยู่นี้ คือการเผยแพร่ข่าวสารต่อสังคม

เรา " แดงเจียงใหม่ " ขอเชิญชวนร่วมกันสร้างขวัญ และกำลังใจให้เพื่อนพ้องน้องพี่ร่วมกัน


"อันประชาสามัคคีมีจัดตั้ง
เป็นพลังแกร่งกล้ามหาศาล
แสนอาวุธแสนศัตรูหมู่อันธพาล
ไม่อาจต้านมวลมหาประชาชน"

.

วันพุธที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2553

ความ จริงเรื่อง UNCHR แต่งตั้งไทย

โดย เสรีชน
ที่มา เว็บบอร์ดประชาไท
22 มิถุนายน 2553

กระทรวงต่างประเทศ กำลังตอแหลเรื่องไทยได้รับเกียรติในกรรมการสิทธิมนุษยชนโลกทั้งที่ข้อเท็จ จริงไม่ใช่อย่างมันว่าเลย !!!

สื่อไทยและนสพ.ต่างๆกำลัง หลงใหลได้ปลื้มกับการโกหกตอแหลซึ่งเป็นงานถนัดของพรรคประชาธิปดอีกครั้ง คราวนี้นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ มันออกมาหลอกคนไทยซึ่งไม่รู้เรื่องสิทธิมนุษยชนว่า คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติหรือ The United Nations Commission on Human Rights (UNCHR)

1. ให้เกียรติเลือกไทยเป็นสมาชิก ด้วยคะแนนเสียงท่วมท้นถึง 182 เสียง ซึ่งสูงที่สุดเป็นลำดับที่ 2 ในจำนวนประเทศที่ลงแข่งขัน 14 ประเทศจากทั่วโลก

2. ที่ประชุมคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (Human Rights Council - HRC) สมัยที่ 14 มีมติเลือก นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว คณะผู้แทนถาวรไทย ประจำกรุงเจนีวา ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ เป็นประธานคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (UNHCR) จากประเทศสมาชิกทั้งหมด โดยมีวาระ 1 ปี ระหว่างเดือนมิถุนายน 2553 - มิถุนายน 2554 ตอกย้ำให้เห็นว่าชัดเจนถึงความเชื่อมั่นของประเทศต่างๆทั่วโลกต่อประเทศไทย นโยบายและมาตรฐานด้านสิทธิมนุษยชนของประเทศไทย และความสามารถของประเทศไทยที่จะส่งเสริมความร่วมมือและการหารืออย่างสร้าง สรรค์เกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนทั่วโลก ทั้งยังสะท้อนถึงความไว้วางใจที่นานาชาติมีต่อความเป็นผู้นำของประเทศไทย ในการผลักดันให้การดำเนินงานของ HRC มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะช่วงที่ HRC กำลังจะก้าวเข้าสู่การทบทวนการดำเนินงานและสถานะขององค์กรหลังจัดตั้งมา 5 ปี

ในฐานะผู้ติดตามเรื่องสิทธินุษยชนระหว่างประเทศมานาน ต้องขอเรียนข้อเท็จจริงให้ชาวประชาไท และคนเสื้อแดงรู้ความจริงดังนี้

1. การลงสมัครสมาชิกของไทยค่อนข้างชัดว่าเราจะชนะแน่นอน เพราะเขามีโควต้าให้ประเทศต่างๆ ผลัดกันเข้าเป็นสมาชิก สำหรับประเทศไทยนั้น ต้องเรียนว่าหน้าแหกมาแล้ว เพราะในการเลือกตั้งเมื่อสมัยแรก เราสอบตก โดยประเทศที่ได้รับเลือกได้แก่ Bhutan, People's Republic of China, India, Indonesia, Japan, Malaysia, Nepal, Pakistan, Qatar, Republic of Korea, Saudi Arabia, Sri Lanka ลองดูชื่อซีว่า ซาอุดี ปากี จีนอย่างงี้ คุ้มครองสิทธิมนุษยชนดีแค่ไหน ทุกคนกทราบดี เกิดอะไรขึ้นที่เทียนอันเหมิน รถถังไล่ขยี้นักศึกษาที่มีไม้กระบอง ทุกคนรับทราบกันทั่วโลก

งานนี้ UN ใช้การผลัดกันเป็นสมาชิก แม้หลายประเทศมี bad record ว่าเป็นประเทศที่ละเมิดสิทธิมนุษยชนมาก ก็ยังได้เป็นสมาชิกดังประเทศเอเซียที่กล่าวมา หรือนอกจากประเทศเอเซียแล้วประเทศในภูมิภาคอื่น อาทิ ซูดานที่มีการฆ่าล้างผลาญกัน ละเมิดสิทธิรุนแรงมากที่สุดก็ได้รับเลือกในสมัยแรกก่อนไทยด้วยซ้ำในโควต้า ประเทศอัฟริกา เอรีเตรีย เอธิโอเปีย รัสเซีย ลิเบีย อัลจีเรีย คิวบา ประเทศเหล่านี้ล้วนมีข้อด่างพล้อย และละเมิดสิทธิของประชาชนชาติตนเองมากมาย เป็นต้น จนกระทั่งคณะกรรมการนี้ได้รับการตั้งข้อสงสัยว่า การเข้าเป็นสมาชิกโดยใช้การแบ่งปัน และผลัดกันเข้าเป็นมากกว่าการพิจารณาจาก record ทางด้านการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนอย่างจริงจัง ทำให้คณะกรรมการดังกล่าวขาดความน่าเชื่อถือลงอย่างมาก นสพ นิวยอร์คไทม์ ถึงกับวิจารณ์อย่างแรงและตรงๆ ในบทความเรื่องสหประชาชาติที่น่าละอายว่า several of its member countries themselves had dubious human rights records, including states whose representatives have been elected to chair the commission

ฉะนั้น ข้อฝอยข้อแรกของนายชวนนท์ จึงรับฟังไม่ได้เลย

2. การที่ไทยได้รับเลือกเป็นประธานคณะกรรมการดังกล่าวก็เช่นกัน เป็นการเวียนกันดำรงตำแหน่งคราวละหนึ่งปี ประเทศที่ละเมิดสิทธิและอยู่ในคณะกรรมการต่างก็มีโอกาสเป็นประธานในการ ประชุมนี้ทั้งนั้น ไม่ใช่เฉพาะแต่ไทย และประเทศที่ได้รับเลือกก็เป็นเรื่องโควต้าตามภูมิภาค การแบ่งปันผลประโยชน์ของกลุ่มประเทศทางการเมือง ไม่ได้เกี่ยวพันกับเกียรติประวัติด้านสิทธิมนุษยชนแต่อย่างไร เพราะเกียรติประวัติด้านสิทธิมนุษยชนของไทย ได้รับการชมเชยจาก องค์การนิรโทษกรรมสากล (Amnesty International หรือ Amnesty หรือ AI) ซึ่งเป็นองค์การเอกชนที่มีจุดประสงค์ "ในการค้นคว้าและดำเนินการป้องกันและยุติการทำร้ายสิทธิมนุษยชน และเพื่อแสวงหาความยุติธรรมสำหรับผู้ที่ถูกละเมิดสิทธิ" โดยนิรโทษกรรมสากลได้รับความน่าเชื่อถือมาก และเคยได้รับรางวัลโนเบลสันติภาพมาแล้ว เขาวิจารณ์รัฐบาลไทยในยุคมาร์กนาซีตรงๆในกรณีพฤษภาอำมหิตว่า รัฐบาลได้สังหารผู้บริสุทธิ์ไปเกือบร้อยคน และบาดเจ็บร่วมสองพันคนทั้งที่ประชาชนเหล่านั้นมาเรียกร้องทางการเมืองให้ รัฐบาลยุบสภา มีการใช้ปืนและอาวุธสงครามกับประชาชนโดยไม่ได้แจ้งเตือนและรุนแรงเกินกว่า มาตรฐานสากล

นี่คือ เกียรติประวัติที่แท้จริงของรัฐบวยหัวคูนของมาร์กนาซีที่พยายามจะกลบเกลื่อน ความชั่วร้ายอำมหิตของฝ่ายตน โดยการกล่าวอ้างข้อมูลเท็จด้านสิทธิมนุษยชน โดยไม่ละอายแก่ใจ และสักแต่มีปากก็เหมือนรูก้นใช้ผายลมไปวัน ๆ

สลดใจจจริงๆ กับประเทศแหลๆ แบบนี้ !!!!

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ผู้ให้ข้อมูลร่วมกัน