แดงเชียงใหม่

กราบสวัสดี พี่น้องทุกๆท่านที่เข้ามาเยี่ยมเยือน Blog นปช.แดงเชียงใหม่ ขอเรียนชี้แจงสักนิดว่า เรา ”แดงเจียงใหม่” เป็นกลุ่มคนชาวเจียงใหม่ที่เคารพรัก กติกาประชาธิปไตย ต่อสู้และต่อต้านเผด็จการทุกรูปแบบ อยากเห็นประเทศชาติภายภาคหน้า มีความเจริญ ประชาชน รุ่นลูกหลานของเราอยู่อาศัยอย่างร่มเย็นเป็นสุขในประเทศของพวกเราเอง ไม่มีกลุ่มอภิสิทธิ์ชนกลุ่มใดมาสูบเลือดเนื้อ แอบอ้างบุญคุณเฉกเช่นในยุคนี้ที่พวกเราเห็น การที่จะได้รับในสิ่งที่มุ่งหวังก็ต้องมีการต่อสู้แสดงกำลังให้สังคมได้รับรู้ และเพื่อที่จะให้กลุ่มบุคคลที่มีอำนาจในปัจจุบันได้เข้าใจในสังคมที่ก้าวหน้าเปลี่ยนแปลงไป ไม่อาจฝืนต่อกระแสการพัฒนาของโลก การต่อสู้ร่วมกับผองชนทั่วประเทศในครั้งนี้ เรา " แดงเจียงใหม่ " ได้ร่วมต่อสู้ทุกรูปแบบ และ ในรูปแบบที่ท่านได้เข้ามาร่วมอยู่นี้ คือการเผยแพร่ข่าวสารต่อสังคม

เรา " แดงเจียงใหม่ " ขอเชิญชวนร่วมกันสร้างขวัญ และกำลังใจให้เพื่อนพ้องน้องพี่ร่วมกัน


"อันประชาสามัคคีมีจัดตั้ง
เป็นพลังแกร่งกล้ามหาศาล
แสนอาวุธแสนศัตรูหมู่อันธพาล
ไม่อาจต้านมวลมหาประชาชน"

.

วันอังคารที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2553

การ เมืองเรื่องสัตว์ โดย กาหลิบ

การ เมืองเรื่องสัตว์ โดย กาหลิบ



คอลัมน์ : เมืองไทยหรือเมืองใคร?
เรื่อง : การเมืองเรื่องสัตว์

โดย : กาหลิบ

การ กระทำของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะและเหล่าบริวาร สวรรค์ในขณะนี้ ไม่ผิดอะไรกับอมตวาจาทางการเมืองที่กาหลิบเคยอ่านและซาบซึ้งใจมานานแล้ว แถมยังตรงความหมายทุกถ้อยคำอย่างน่าประหลาด

เสมือนช่วยยืนยันว่าความ ชั่วร้ายของระบอบปัจจุบันของไทย มันไม่ได้ต่างอะไรกับความชั่วร้ายในประวัติศาสตร์ที่เหล่าทรราชวินาศฉิบหาย ไปแล้วไม่รู้จักกี่ระบอบ

“Political language is designed to make lies sound truthful and murder respectable, and to give the appearance of solidity to pure wind.”

สำนวนกาหลิบถอดออกมาได้ว่า

เขา คิดภาษาการเมืองกันขึ้นมา เพื่อทำให้การโกหกตอแหลดูเสมือนเป็นความจริง เพื่อทำให้การฆ่าคนกลายเป็นเกียรติยศน่านับถือ และเพื่อทำให้ลมลวงดูหนักแน่นมีสาระ

ช่างตรงกับความลื่นไหลของนาย อภิสิทธิ์ในขณะนี้เสียเหลือเกิน!

คนที่เขียนประโยคนี้ออกมาคือ จอร์ช ออร์เวลล์ นักเขียนชาวอังกฤษที่ตายไปตั้งแต่เดือนมกราคม พ.ศ.๒๔๙๓ โน่นแล้ว แต่ผลงานคลาสสิคที่ผู้คนทั่วโลกยังตามอ่านกันอยู่ ไม่เคยขาดหายจากแผงหนังสือ เช่น “Animal Farm” “1984” เป็นต้น งานเขียนของออร์เวลล์ทุกเล่มล้วนแสดงจุดยืนต่อต้านเผด็จการทรราชอย่างหนัก แน่นมั่นคง

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้ถูกเชิดขึ้นมารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของรัฐไทยในระยะพิกลพิการ เป็นนักพูดภาษาหลวงที่หาตัวจับได้ยากคนหนึ่ง การเตรียมตัวเป็นนายกรัฐมนตรีไทยมาแต่อ้อนแต่ออกทำให้เขาสั่งสมทักษะอย่าง สูงในการนั่งบนยอดสามเหลี่ยมของไทย โดยการใช้ภาษาราชการและภาษาทางการอย่างชำนาญ สำแดงความเป็น คนในจนต่างจาก คนนอกอย่าง ดร.ทักษิณ ชินวัตร มาตลอดชีวิต

คน ที่นึกถึงนายอภิสิทธิ์ จึงนึกถึงคำพูดที่สละสลวยสวยเก๋ของเขาได้เสมอ แต่กลับนึกผลงานในฐานะผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองไม่ออกเอาเลย

ล่าสุด นายอภิสิทธิ์ออกมาอ่าน จดหมายเพื่อให้ดูประหนึ่งว่าจริงใจและปรารถนาดี ยกแนวทาง ปรองดองขึ้นมาข่มความแค้นใจของฝ่ายประชาธิปไตย และเขียนบทใหม่ให้ฝ่ายสีอื่นๆ ที่ไม่ใช่สีแดงเล่น เพราะคนหลายสีเหล่านี้กำลังเหิมเกริมอยู่ในใจว่าข้าชนะประชาชนรากหญ้าและ อยากจะเข่นฆ่าเอาชีวิตมากขึ้นเรื่อยๆ

นายอภิสิทธิ์อาศัยวาทศิลป์ที่ ใช้เคลือบคำว่า ปรองดองแบ่งแยกฝ่ายประชาชนออกเป็น ผู้ก่อการร้ายและผู้ถูกชักจูงเข้าสู่ขบวนการก่อการร้ายโดยประเหราะว่ามวลชนส่วนใหญ่ที่เข้าร่วมเวทีผ่านฟ้าและราชประสงค์ไม่รู้ว่า ตนเองกำลังช่วยเหลือให้มีการ ก่อการร้าย

เจตนาก็เพื่อลดปริมาณมวล ชนอันมหาศาลลง

“...เพื่อทำให้การโกหกตอแหลดูเสมือนเป็นความจริง...ณ จุดนี้ คือการปฏิเสธขบวนการประชาชนเพื่อประชาธิปไตยทั้งระบบ ทำให้ดูเหมือนว่าการลุกฮือของมวลชนไม่มีจริง มีแต่แกนนำซึ่งเป็นผู้ก่อการร้ายไม่กี่คนที่รัฐบาลของเขาไม่ยอม ปรองดองด้วย

กด ประชาชนหลายสิบล้านคนของประเทศนี้ลงเป็นมวลชนไร้สมองที่เดินเซื่องๆ ตามแกนนำฝ่ายประชาธิปไตยโดยที่ไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไรเลย

นี่คือคำ ตอแหลคำใหญ่ และเป็นคำตอแหลที่แสดงถึงความกลัวชนิดหางจุกก้นของเถ้าแก่ใหญ่เจ้าของประเทศ ไทยจนต้องฝากผ่านนายอภิสิทธิ์ลงมา กลัวขบวนการประชาธิปไตย กลัวที่ต้องลงมาเสมอภาคกับเพื่อนร่วมชาติ ท้ายที่สุดก็คือกลัวประชาชนเสียยิ่งกว่าอะไรดี

“...เพื่อทำให้การฆ่า คนกลายเป็นเกียรติยศน่านับถือ...

เห็นไหมครับว่าชีวิตของพี่น้องเรา ที่สละชีพเพื่อประชาธิปไตยกันที่ราชประสงค์ คลองเตย บ่อนไก่ ประตูน้ำ ราชปรารภ ดินแดง ซอยรางน้ำและที่อื่นๆ อีกมากมาย กลายเป็นเหรียญตราของสัตว์บางประเภทที่เฉลิมฉลองกันเหมือนเข่นฆ่าอริราช ศัตรูได้สำเร็จ

รวมถึงงานฉลองที่ ร.๑๑ ซึ่งคนสำคัญของบ้านเมืองแห่กันไปฉลองยินดีอย่างเหลือล้นนั่นด้วย
และสุด ท้าย “...เพื่อทำให้ลมลวงดูหนักแน่นมีสาระ...นั้น

ไม่ได้หมายความ ถึงเฉพาะรัฐบาลชั่วคราวของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะเท่านั้น แต่เป็นคำจำกัดความของระบอบไทยในปัจจุบันทั้งระบอบ.


(พบคอลัมน์ "เมืองไทยหรือเมืองใคร?" ได้ทุกวันจันทร์,พุธ,ศุกร์)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ผู้ให้ข้อมูลร่วมกัน