วันอังคารที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2553
ซีรีส์ยุทธการตอแหลแห่งชาติ : หลังรัฐประหาร
ตอนที่ 66: คุณนวมทองกับประชาธิปไตยไทย
โดย : กาหลิบ
พิมพ์ ครั้งแรก : กุมภาพันธ์ 2550 (หนังสือพิมพ์โลกวันนี้รายวัน)
*******************************************************************************
ประชาธิปไตย เริ่มมีความหมายต่อการดำรงอยู่ของเราคล้ายกับลมหายใจ คือมีความจำเป็น คุณนวมทองคือคนที่ประกาศถึงความเปลี่ยนแปลงนั้น
*******************************************************************************
คุณนวมทองกับประชาธิปไตยไทย
จาก นี้ไปชื่อของคุณนวมทอง ไพรวัลย์จะอยู่คู่กับการพัฒนาระบอบประชาธิปไตยในประเทศไทยอย่างที่ไม่มีใคร จะมาถอดถอนได้
เพราะการแขวนคอตายหน้าสำนักงานหนังสือพิมพ์ ไทยรัฐและจดหมายลาตายที่ระบุสาเหตุเอาไว้ชัดแจ้งเกินกว่าที่ใครจะบิดเบือน ได้ เป็นศักดิ์ศรีของคนที่หายใจได้ด้วยประชาธิปไตยเท่านั้น
เมื่อ เกิดมลพิษเผด็จการขึ้นอย่างไม่คาดฝัน ก็เลือกที่จะลาโลกนี้ไปแทน
คำ ลงท้ายในจดหมายลาตายที่ว่า “...ชาติหน้าเกิดมาคงไม่พบเจอการปฏิวัติอีก...” อ่านแล้วเจ็บปวดสิ้นดี
ผมได้ข่าวคุณนวมทองแล้วก็เกิดอาการประหลาด คือเศร้าสลดใจและปลื้มใจขึ้นพร้อมกัน มีน้ำตารื้นๆ ที่ไม่รู้ว่าไหลออกมาจากต่อมความรักหรือความชัง
คุณนวมทอง สร้างวีรกรรมด้วยการขับแท็กซี่คู่ใจเข้าชนรถถังที่ลานพระบรมรูปทรงม้าจนได้ รับบาดเจ็บสาหัส จากนั้นก็ไปรักษาตัวจนหาย แล้วก็มาแขวนคอตายในภารกิจที่คุณนวมทองกำหนดให้เป็นการพลีชีพเพื่อ ประชาธิปไตย
อ่านจดหมายฉบับนี้แล้ว ใครที่เคยพูดพล่อยๆ ว่าคุณนวมทองขับรถชนรถถังเพราะ “แก่” และ “ด้วยอารมณ์ชั่ววูบ” คงจะต้องอับอายขายหน้ามาก หากยังมีศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์อยู่ เพราะคุณนวมทองเขียนด้วยความมีสติ เต็มไปด้วยความตั้งใจแน่วแน่ และมีเหตุผลอธิบายความคิดและการกระทำของตนเองอย่างสมบูรณ์
จดหมาย ของคุณนวมทองมีน้ำหนักมากกว่าประกาศฉบับแรกๆ ของคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เสียด้วยซ้ำ เพราะอย่างน้อยก็กล้าลงชื่อว่า “นวมทอง ไพรวัลย์” ในขณะที่ประกาศฉบับแรกๆ เหมือนหล่นลงมาจากยอดไม้ ไม่ปรากฏแม้แต่ชื่อผู้รับผิดชอบในการฉีกรัฐธรรมนูญทิ้ง
แต่ สาระที่สำคัญอยู่ที่คุณนวมทองประกาศก้องไปทั่วโลก และได้ยินกันไปทั้งเผ่าพันธุ์ของมนุษย์ว่า คุณนวมทองไม่อาจร่วมโลกกับคนที่ทำลายประชาธิปไตยได้
วิธีการ อันสุดโต่งของคุณนวมทองกระทบกระแทกจิตใจของเราอย่างรุนแรง เพราะทำให้หวนคิดว่าเผด็จการแปลว่ากระไร และคนเกิดมามีชีวิตจิตใจควรที่จะต้องอดกลั้นกับภาวะเช่นนั้นหรือไม่
คำ พูดทางวิชาการหลายครั้งไม่ผิดอะไรกับความกะล่อนที่ห่อหุ้มด้วยศัพท์แสงอัน รุงรัง แต่คำเขียนของคุณนวมทองผุดพุ่งขึ้นมาจากสายธารแห่งความเพิกเฉยละเลย จนหลายคนต้องกลับมาทบทวนท่าทีของตัวเองกับการเมืองไทยในปัจจุบัน
คน ที่มีหน้าที่สอนหนังสือควรให้นักศึกษาของท่านอ่านจดหมายของคุณนวมทอง โดยเฉพาะนักเรียนรัฐศาสตร์ควรจะได้อ่านก่อน “หลักรัฐศาสตร์” ทั้งเล่ม
เหมือน อนุทินหรือไดอะรี่ของเด็กสาวตัวเล็กๆ ชื่อ แอนน์ แฟรงค์ ที่กลายเป็นแถลงการณ์ของมนุษยชาติต่อความทารุณโหดร้ายของนาซีเยอรมันและ สงครามโลกครั้งที่สองไปโดยไม่รู้ตัว
ครับ ผมเห็นว่า นวมทอง ไพรวัลย์ คือ แอนน์ แฟรงค์ ของประเทศไทย และก็จะคอยเตือนใครๆ ในประเทศนี้ต่อไปเรื่อยๆ อย่างไม่หยุดยั้ง
เหตุการณ์ทางการ เมืองที่เกิดขึ้นกับตัวเรานั้น จะมองเป็นเรื่องเล็กก็ได้ถ้าหากว่าศักดิ์ศรีของความเป็นคนไม่ใช่เรื่องสำคัญ
ใครถูกข่มขืนแล้วจะลุกขึ้นเชิญคนที่กำลังกระทำการล่วงเกิน ตัวเองให้ช่วยเป็นพ่อของเด็กที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ก็คงจะทำได้
และ บอกอย่างหน้าตาเฉยว่าไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว
แต่ประเทศไทยและคนไทย เปลี่ยนไปมาก ประชาธิปไตยเริ่มมีความหมายต่อการดำรงอยู่ของเราคล้ายกับลมหายใจ คือมีความจำเป็น
คุณนวมทองคือคนที่ประกาศถึงความเปลี่ยนแปลง นั้น
ขอให้ท่านไปสู่สุคติเหนือพานแว่นฟ้าประชาธิปไตยเทอญ.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น