August 13, 2010
โดย เกษียร เตชะพีระ
ภาพถ่ายหน้าศพฟาบิโอ โพเลนกีในงานฌาปณกิจศพที่วัดคลองเตยใน, ๒๔ พ.ค. ๒๕๕๓
รายงานพิเศษของ The Committee to Protect Journalists (CPJ คณะกรรมการปกป้องนักข่าว – อันเป็นองค์การอิสระที่ไม่แสวงกำไรเพื่อส่งเสริมเสรีภาพหนังสือพิมพ์ทั่วโลก ด้วยการปกป้องสิทธิของนักข่าวที่จะรายงานข่าวโดยไม่ต้องกลัวถูกเล่นงานตอบ โต้) เรื่อง “In Thailand unrest, journalists under fire” (ในเหตุไม่สงบในประเทศไทย นักข่าวถูกยิงใส่ – http://www.cpj.org/reports/2010/07/in-thailand-unrest-journalists-under-fire.php) เขียนโดย Shawn W. Crispin ผู้แทนอาวุโสของ CPJ ประจำเอเชียอาคเนย์และเผยแพร่เมื่อ ๒๙ ก.ค. ศกนี้ได้ระบุถึงกรณีสังหารฟาบิโอ โพเลนกีว่า: ‐
ในกรณีการยิงโพเลนกี, การสอบสวนที่อึมครึม
การตายของฟาบิโอ โพเลนกี ช่างภาพชาวอิตาลี เป็นศูนย์รวมเรื่องเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นฉบับต่าง ๆ ที่มาประชันขันแข่งกัน โพเลนกีวัย ๔๘ ปีถูกฆ่าด้วยกระสุนปืนเช้าวันที่ ๑๙ พฤษภาคม ศกนี้ระหว่างรายงานข่าวปฏิบัติการทางทหารเพื่อขับไล่ผู้ชุมนุมออกจากบริเวณ ถนนราชดำริอันเป็นเขตพื้นที่การชุมนุมประท้วงที่ซับซ้อนพิสดารซึ่งนปช.ได้ สร้างขึ้นในย่านการค้าสุดยอดของกรุงเทพฯ
แบรดลี คอกซ์ นักทำหนังสารคดีผู้อาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ เล่าว่าเช้าวันนั้นก่อนเกิดเหตุทหารได้ยิงปืนประปรายจากด้านหลังเครื่องกีด ขวางเข้าใส่พื้นที่ห่างออกไป ๒๐๐ เมตรซึ่งอยู่ใต้การควบคุมของนปช. คอกซ์บอกว่าทั้งเขากับโพเลนกีได้บันทึกภาพผู้ประท้วงคนหนึ่งถูกยิงที่ขาเวลา ประมาณ ๑๐.๔๕ น.
เวลา ๑๐.๕๘ น. เมื่อรู้สึกว่าการยิงสงบลงพักหนึ่ง คอกซ์เล่าว่าเขาก็ออกจากบังเกอร์ที่นปช.คุมอยู่ไปยังถนนที่เกือบโล่งร้าง เพื่อสืบดูว่าความปั่นป่วนวุ่นวายในหมู่ผู้ประท้วงห่างไปราว ๓๐ – ๔๐ เมตรนั้นมันเรื่องอะไรกัน คอกซ์บอกว่าเขาเชื่อว่าโพเลนกีตามหลังเขาไปห่างกันไมกี่ก้าว ขณะวิ่งไปตามถนน คอกซ์รู้สึกปวดแปลบด้านข้างของขา ปรากฏว่ากระสุนนัดหนึ่งเฉี่ยวหัวเข่าเขาบาดเจ็บเล็กน้อย เมื่อเขาหันกลับไปมองในทิศทางของกองทหาร เขาก็เห็นโพเลนกีแผ่หราอยู่กับพื้นข้างหลังเขา ๒ – ๓ เมตร ตอนนั้นโพเลนกีสวมหมวกกันน็อคสีฟ้าเขียนคำว่า “สื่อสิ่งพิมพ์” ทั้งหน้าหลังและติดปลอกแขนสีเขียวเพื่อบอกว่าเขาเป็นนักข่าวที่ปฏิบัติ งานอยู่
“ตอนนั้นผมรู้สึกว่าเราถูกยิงพร้อมกันเป๊ะเลย บางทีอาจจะโดยกระสุนนัดเดียวกันด้วยซ้ำไป” คอกซ์กล่าวและเสริมว่าเขาไม่ได้ยินเสียงปืนหนึ่งหรือหลายนัดที่ยิงถูกเขา หรือโพเลนกี “ผมไม่รู้ว่าใครยิงผมหรือฟาบิโอ แต่ถ้าทหารกำลังพยายามยิงพวกเสื้อแดงละก็ มันไม่มีใครอยู่รอบตัวพวกเราเลยนี่ครับ … ทหารกำลังยิงใส่สิ่งของหรือผู้คนแบบไม่เลือก”
ภาพวีดิโอที่คอกซ์ถ่ายเหตุการณ์บรรดานักข่าวและผู้ประท้วงช่วยกันหาม ร่างโพเลนกีออกจากถนนขึ้นรถมอเตอร์ไซค์ไปยังโรงพยาบาลแถวนั้นดูเหมือนจะแสดง ให้เห็นว่ากระสุนเจาะเข้าตัวโพเลนกีทางใต้รักแร้ซ้ายและทะลุออกสีข้าง รายงานข่าวต่าง ๆ ระบุว่าเขาเสียชีวิตแล้วเมื่อไปถึงโรงพยาบาลในท้องที่เจ้าหน้าที่ไม่ได้ รายงานว่าพบหัวกระสุนใด ๆ
ครอบครัวของโพเลนกีได้แสดงความห่วงกังวลที่รัฐบาลสนองตอบต่อการตายของ เขาอย่างอึมครึม อิซาเบลลา โพเลนกี น้องสาวของเขาบอก CPJ ว่าครอบครัวเธอได้ร้องขอรายงานชันสูตรพลิกศพทางการครั้งแล้วครั้งเล่าแต่ยัง ไม่ได้รับ เธอกล่าวว่าตำรวจกับกระทรวงยุติธรรมบอกเล่าขัดกันว่าตำแหน่งบาดแผลของน้อง ชายเธออยู่ตรงไหนแน่ ซึ่งเธอเองก็ไม่ทันได้เห็นร่างเขาก่อนฌาปณกิจศพ เธอยังตั้งข้อสังเกตด้วยว่าทรัพย์สินส่วนตัวของโพเลนกีหลายรายการรวมทั้ง กล้องถ่ายรูปและโทรศัพท์หายไป ความขัดแย้งและคลุมเครือทำนองนี้ทำให้เธอยิ่งหวั่นวิตกว่าโพเลนกีอาจถูกหมาย หัวในฐานที่เป็นนักข่าวก็เป็นได้
เธอกับเพื่อนร่วมงานของโพเลนกีกลุ่มหนึ่งจึงร่วมกันปะติดปะต่อวีดิโอ คลิปต่าง ๆ ที่บ้างก็ได้จากนักข่าวผู้อยู่บริเวณข้างเคียงกับโพเลนกีและบ้างก็ดาวน์โหลด จากแหล่งไม่ทราบชื่อบนอินเทอร์เน็ตเพื่อพัฒนาขึ้นเป็นลำดับเหตุการณ์การ เคลื่อนไหวก่อนและหลังการยิง เท่าที่ทราบไม่มีฟิล์มภาพตัวเหตุการณ์การยิงนั้นเอง วีดิโอคลิปอันหนึ่งแสดงภาพชายใส่หมวกกันน็อคสีเงินที่ไม่รู้ว่าเป็นใครเข้า ถึงตัวโพเลนกีหลังถูกยิงเป็นคนแรก ฟิล์มภาพสั้น ๆ นั้นแสดงภาพเขาคลำไปรอบอกโพเลนกีและกระแทกเข้ากับกล้องถ่ายรูปของโพเลน กีอยู่ประเดี๋ยวหนึ่ง ขณะที่ชายใส่หมวกกันน็อคสีเหลืองที่ไม่รู้ว่าเป็นใครอีกคนคุกเข่าลงและถ่าย รูปโพเลนกีไว้
ฟิล์มภาพของคอกซ์ดูจะแสดงภาพชายคู่เดียวกันอยู่ในหมู่คนที่เคลื่อน ย้ายร่างของโพเลนกีออกจากถนนไปขึ้นรถมอเตอร์ไซค์ที่พาเขาไปโรงพยาบาล ภาพของชายใส่หมวกกันน็อคสีเงินถูกตีพิมพ์ทั้งในหนังสือพิมพ์ไทยรัฐและมติชน แต่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่รู้ว่าเขากับชายใส่หมวกกันน็อคอีกคนหนึ่งนั้นเป็นใคร กันแน่ อิซาเบลลา โพเลนกีกล่าว
นาย
ล่าสุด Shawn Crispin ยังได้รายงานความคืบหน้ากรณีนี้ไว้ในเว็บบล็อกของ CPJ เมื่อวันที่ ๒ ส.ค. ศกนี้ภายใต้หัวข้อ “In Polenghi case, autopsy shared but more needed” (ในคดีโพเลนกี เผยผลชันสูตรพลิกศพแล้ว แต่ต้องทำมากกว่านี้) http://cpj.org/blog/2010/08/in-polenghi-case-autopsy-shared-but-more-needed.php ว่า: ‐
…..อย่างไรก็ตาม กว่าสองเดือนต่อมา (หลังการตายของฟาบิโอ) มันก็ไม่ปรากฏชัดว่าทางการไทยกำลังพยายามทำดีที่สุดเพื่อไขคดีนี้ให้กระจ่าง และนำตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกระบวนการยุติธรรม
อิซาเบลลา โพเลนกี น้องสาวของเขา ได้แสดงความห่วงใยดังกล่าวนั้น ณ ที่แถลงข่าวเมื่อวันศุกร์ (ที่ ๓๐ กรกฎาคม ศกนี้) ณ สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศแห่งประเทศไทยในกรุงเทพฯ ทาง CPJ เราได้ร่วมขึ้นเวทีเพื่อนำเสนอรายงานพิเศษเรื่อง “ในเหตุไม่สงบในประเทศไทย นักข่าวถูกยิงใส่” ซึ่งสืบสวนกรณีการตายและบาดเจ็บต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นเมื่อเร็ว ๆ นี้กับนักข่าวในประเทศไทย รวมทั้งการยิงโพเลนกีจนเสียชีวิตด้วย
ในบรรดาข้อเสนอแนะต่าง ๆ ของเรา CPJ เรียกร้องให้รัฐบาลไทยร่วมมือกับผู้สืบสวนอิสระและเปิดเผยผลการชันสูตรพลิก ศพทางการ รวมทั้งหลักฐานเชิงนิติเวชอื่น ๆ ปรากฏว่ารัฐบาลไม่ได้ตอบสนองผลการสืบสวนของเราอย่างเป็นทางการแต่อย่างใด แม้ว่าดูเหมือนทางราชการจะรับฟังข้อเสนอแนะของ CPJ ประการหนึ่ง
ในวันพฤหัสบดี (ที่ ๒๙ กรกฎาคม ศกนี้) อันเป็นวันเผยแพร่รายงานของ CPJ ข้างต้น ตำรวจกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ได้พบกับอิซาเบลลา โพเลนกีเป็นการส่วนตัวและนำผลการชันสูตรพลิกศพคดีพี่ชายของเธออย่างเป็นทาง การให้เธอเป็นครั้งแรก ตำแหน่งบาดแผลที่แน่ชัดของโพเลนกีจะเป็นร่องรอยให้สืบเสาะได้ว่าเขาถูกยิง โดยทหารจากระดับพื้นถนนหรือโดยผู้ประท้วงที่อยู่บนตึกข้างเคียง
ในที่แถลงข่าว อิซาเบลลา โพเลนกี ไม่ได้เปิดเผยข้อมูลการชันสูตรพลิกศพและเน้นว่าเป้าหมายของการพบปะกับทาง เจ้าหน้าที่ซึ่งสถานทูตอิตาลีช่วยจัดให้นั้นก็เพื่อ “ร่วมด้วยช่วยกัน”และหาทางประกันให้มั่นใจว่าการสืบสวนของของทางการ “กำลังดำเนินไปในทิศทางที่ถูกต้อง” โดยเฉพาะอย่างยิ่งเธอเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่สืบสวนของกรมสอบสวนคดีพิเศษถือ การค้นหากล้องถ่ายรูปและโทรศัพท์ของโพเลนกีที่หายไปคืนมาเป็นเรื่องสำคัญ ก่อนอื่นทั้งด้วยเหตุผลทางนิติเวชศาสตร์และทางอารมณ์ความรู้สึก
อิซาเบลลา โพเลนกีกล่าวว่าเธอเข้าใจว่าการ สืบสวนของกรมสอบสวนคดีพิเศษ “อาจนานหลายปี”แต่ก็บอกว่าถ้าหากไม่มี “ความรุดหน้า” ใด ๆ ในสองเดือนข้างหน้าแล้วเธอก็คงจะกลับมาเมืองไทยอีกเพื่อกดดันในเรื่องที่เธอ ห่วงใย
%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%
พรรคพวกเพื่อนฝูงของฟาบิโอซึ่งหลายคนเป็นนักข่าวชาวต่างชาติผู้มาหลงรัก เมืองไทย อาศัยอยู่เป็นเหย้าและตั้งใจจะเอาเป็นเรือนตายเหมือนกัน ได้เล่าให้ฟังว่าพวกเขาพิศวงงงงันมากว่าเพราะเหตุใดก็ไม่รู้หน่วยราชการต่าง ๆ ไม่ว่าอำอวด, อีเอสไอ, หรืออ๋ออออ๋อ ต่างพากันยัวะเป็นฟืนเป็นไฟที่พวกเขาพยายามร่วมด้วยช่วยกันหาความกระจ่าง เกี่ยวกับสภาพการณ์การตายของฟาบิโอ โดยเฉพาะเรื่องที่ว่าใครเป็นคนเอาการ์ดบันทึกข้อมูล (memory card) และกล้องถ่ายรูปของฟาบิโอไป รวมทั้งช่วยกันจัดแถลงข่าวให้ อิซาเบลลา น้องสาวของฟาบิโอ
แล้วจู่ ๆ เพื่อนชาวอเมริกันที่นำภาพวีดิโอที่เขาถ่ายไว้ตอนฟาบิโอตายมาเปิดเผยก็ถูก ดำเนินการขับไล่ออกจากประเทศและข้างภรรยาที่เป็นคนไทยของเพื่อนคนนั้นก็ถูก คุมตัวด้วยอำนาจพิเศษ, โทรศัพท์บางเบอร์ที่เพื่อน ๆ ของฟาบิโอใช้ติดต่อประสานงานกันก็ชักมีอาการรบกวนแปลก ๆ, เวลาพวกเขาไปไหนมาไหนก็มีคนหน้าตาบ้องแบ๊วคอยติดตามยังกับนิยายสืบสวนสอบ สวน…..
นายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ, รัฐมนตรีองอาจ คล้ามไพบูลย์, อธิบดีธาริต เพ็งดิษฐ์, โฆษกปณิธาน วัฒนายากร, ผู้การสรรเสริญ แก้วกำเนิด – ไม่แปลกหรือครับที่หน่วยงานราชการซึ่งทำหน้าที่รับผิดชอบสืบสวนสอบสวนหาความ จริงทุกกรณีการตายที่เกิดขึ้นช่วงเหตุการณ์เมษา-พฤษภาอำมหิตที่ผ่านมา – ทั้งการตายของฟาบิโอและคนไทยกับชาวต่างชาติอื่น ๆ อีก ๙๐ คน – ดูเหมือนจะพยายามนานัปการที่จะไม่ให้คนอื่นเขาทำความจริงให้ปรากฏต่อ สาธารณะ?
พวกคุณกลัวอะไรหรือครับ?
โปรดดูบทความก่อนหน้าที่เกี่ยวข้องกันได้ที่ แด่ฟาบิโอ โพเลนกี
http://www.siamintelligence.com/waiting-explanation-for-fabios-death/
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น