Thu, 2010-08-05 01:02
ประกายฟ้า
ถึงตอนนี้ บัญชีรายชื่อแต่งตั้งโยกย้ายนายทหาร ประจำปี 2553 ระดับหัวขบวนนั้นค่อนข้างนิ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตำแหน่งสำคัญๆ เช่นผบ.ทบก็เป็นไปตามคาดหมาย ‘พล.อ.ประยุทธ์จันทร์โอชา’และเพื่อน ตท.12 สาย‘บูรพาพยัคฆ์’ผงาดคุมกองทัพยกแผง
แต่ที่อุณหภูมิร้อนฉ่า และน่าจับตาเป็นพิเศษคือตำแหน่ง ‘แม่ทัพภาค
ก่อนหน้านี้ ตำแหน่ง ‘แม่ทัพภาคที่4’ คนใหม่ เป็นการขับเคี่ยวกันของตัวเต็งซึ่งเป็น ‘คนใน’ กองทัพภาค4 ระหว่าง ‘พล.ท.กสิกรคีรีศรี’(ตท.11) ผู้บัญชาการกองบัญชาการผสมพลเรือน ตำรวจทหาร(ผบ.พตท.) ‘พล.ต.อุดมชัยธรรมสาโรรัชต์’(ตท.13) รองแม่ทัพภาคที่4 คนที่หนึ่ง และ ‘พล.ต.จำลองคุณสงค์’(ตท.14) รองแม่ทัพภาคที่4 คนที่สาม
ซึ่งไม่ว่าคนใดคนหนึ่งขึ้นเป็นแม่ทัพคนใหม่ สำหรับกำลังพลของกองทัพภาค 4 และคนทำงานในพื้นที่แล้ว ถือว่า ‘ยอมรับได้’ เพราะบุคคลจากรายชื่อดังกล่าวคือ ‘คนใน’ เป็นนายทหารที่เข้าใจพื้นที่ และปฏิบัติงานอยู่ในพื้นที่อย่างต่อเนื่องจริงๆ
แต่ล่าสุดอย่างไม่มีที่ไปที่มา ปรากฏชื่อ ‘พล.ต.อกนิษฐ์หมื่นสวัสดิ์’(ตท.12) หัวหน้าประสานงานไทย-มาเลเซียเป็นแคนดิเดตคนสำคัญเพิ่มขึ้นมาอีก1 คน!!
จึงมีคำถามว่า นอกจากการเป็นอดีตนักเรียนเตรียมทหาร ‘รุ่น12’ รุ่นเดียวกับ ‘พล.อ.ประยุทธ์จันทร์โอชา’ ว่าที่ ผบ.ทบ.แล้ว จุดแข็งของพล.ต.อกนิษฐ์ในการจะก้าวขึ้นเป็นแม่ทัพภาค4 คนใหม่คืออะไร??
เพราะต้องยอมรับว่า สถานการณ์เฉพาะหน้าของกองทัพภาค 4 ในวันนี้ไม่มีภารกิจใดที่สำคัญมากไปกว่าการดับ ‘ไฟใต้’ อีกแล้ว ขณะเดียวกันรากเหง้าความรุนแรงที่เกิดขึ้น ณ ปลายด้ามขวานก็มี ‘บริบทเฉพาะ’ และ ‘พิเศษ’ เสียจนยากที่คนนอกพื้นที่จะเข้าใจได้ง่ายๆ
ดังนั้น แม่ทัพภาค 4 คนใหม่จึงจำเป็นต้องเป็น ‘คนใน’ ที่เข้าใจปัญหา และมีคุณสมบัติรอบด้าน!!
ซึ่ง นอกจากจะต้องเป็นผู้มีความรู้ความสามารถเป็นที่ประจักษ์ เข้าใจบริบทปัญหา ชายแดนภาคใต้อย่างลึกซึ้งแล้ว ก็ต้องเป็นนายทหารที่ได้รับการยอมรับจากกำลังพลในกองทัพภาค 4 อีกทั้งต้องมีสายสัมพันธ์ที่ดีกับผู้นำชุมชน ผู้นำศาสนาในพื้นที่ กลุ่มองค์กรพัฒนาเอกชน (เอ็นจีโอ) และภาคประชาสังคม
ประการสำคัญ แม่ทัพคนใหม่จะต้องมีความรู้ความเข้าใจงานด้าน ‘มวลชน’ ซึ่ง ถือเป็นหัวใจสำคัญในการแก้ไขปัญหาความหวาดระแวงในพื้นที่ อันจะเป็นกุญแจถอดรหัสดับไฟใต้ เพราะการแก้ปัญหาความไม่สงบที่ปลายด้ามขวาน ไม่สามารถเอาชนะได้ด้วยงานด้านการทหารเพียงด้านเดียว และหากกองทัพขาดความเข้าใจในการทำงานการเมืองในพื้นที่ ก็ยากที่จะชนะและได้ใจชาวบ้าน!!
กล่าวสำหรับ ‘พล.ต.อกนิษฐ์หมื่นสวัสดิ์’เคยรับราชการในกองทัพภาคที่4 มานานพอสมควรถือว่ามีบทบาทในพื้นที่ภาคใต้ไม่น้อยก่อนที่จะถูกโยกเข้าไปในส่วนกลาง ห่างหายจากพื้นที่ไปนานหลายปี สาเหตุเพราะเคยเป็นตัวแทนของกองทัพภาคที่ 4 ไปร่วมเจรจากับขบวนการโจรก่อการร้ายภาคใต้ หรือ พูโล ในยุคที่ พูโล ยังเรืองอำนาจ ที่ ประเทศซีเรีย และอียิปต์ แต่การเจรจาในครั้งนั้นต้องล้มเหลว
ถ้าว่ากันตามหลักการ ก็ถือว่า ถูกย้ายออกจากพื้นที่เพราะมีความผิด!!
แน่ นอนว่า การห่างพื้นที่ไปนาน ย่อมส่งผลในการประสานงานกับดุลอำนาจต่างๆ ไม่ว่าสายสัมพันธ์กับเอ็นจีโอ ผู้นำชุมชน ผู้นำศาสนา หรือแม้กระทั่งกำลังพลในกองทัพภาค 4 ก็ต้องมานับหนึ่งกันใหม่ หากได้ ‘คัมแบ็ก’ อีกครั้ง
อันที่จริง พล.ต.อกนิษฐ์ ในอดีตเคยมีบทบาทโดดเด่นในฐานะนายทหารหนึ่งที่เคยเป็นผู้เจรจากับอดีตโจรจีนคอมมิวนิสต์มาลายาก่อนที่จะมีการเจรจาสลายการจับอาวุธและเป็นผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย กระนั้น เรื่องราวแต่เก่าก่อนถ้าจะให้ถึงขนาด ‘ฟันธง’ ว่า พล.ต.อกนิษฐ์ เข้าใจปัญหาชายแดนในวันนี้อย่างลึกซึ้งจนเหมาะสมที่จะขึ้นแท่น ก็คงจะเป็นการมองอย่าง ‘ผิวเผิน’ และง่ายเกินไป!!
เพราะบริบท ของปัญหาในวันนั้นกับวันนี้กลับแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง การสู้รบเพื่อเอาชนะกองกำลังติดอาวุธของขบวนการฯ เป็นเพียงเรื่องปลายเหตุ ด้วยอุปสรรค ‘สำคัญ’ ที่ถึงตอนนี้ก็ยังดับไฟใต้ไม่ได้ ประเด็นหลักอยู่ที่เจ้าหน้าที่รัฐยังเข้าไม่ถึงจิตใจคนในพื้นที่ ยังเอาชนะ จิตใจชาวบ้านไม่ได้ต่างหาก
ว่าไปแล้ว เป็นเรื่อง ‘มวลชน’ ล้วนๆ!!
ขณะเดียวกัน แนวทางการทำงานของ พล.ต.
อีกทั้งการที่ พล.ต.อกนิษฐ์ ถือเป็นคนนอกกองทัพภาค 4 การข้ามห้วยมานั่งแท่นผู้บังคับบัญชา ก็จะเกิดปัญหาการยอมรับจากนายทหารและกำลังพลเพราะทหารในพื้นที่นั้นต้องการให้คนในกองทัพภาค 4 ขึ้นมาเป็นผู้นำ เนื่องจากการคลุกคลีอยู่ในพื้นที่มาอย่างยาวนานจะทำให้เข้าใจสภาพปัญหาต่างๆ อย่างแท้จริง อันจะนำไปสู่การแก้ไขอย่างถูกต้องและเป็นระบบ
และที่ถือเป็น ‘จุดด้อย’ สำคัญ ซึ่งน่าจะเป็นอุปสรรคที่สุดของ พล.ต.อกนิษฐ์ ในการขึ้นแท่นแม่ทัพภาค 4 ก็คือ นโยบายของกองทัพที่ระบุว่า บุคคลที่จะขึ้นมาดำรงตำแหน่งแม่ทัพต้องผ่านตำแหน่งหลักเป็นผู้บังคับหน่วยหรือคุมกำลังในระดับผู้บังคับการกรมหรือผู้บัญชาการกองพล แต่ พล.ต.อกนิษฐ์ ‘ไม่เคย’ ดำรงตำแหน่งหลักดังกล่าวมาก่อน
การดันทุรังหนุน พล.ต.อกนิษฐ์เป็นแม่ทัพภาค 4 จึงเท่ากับว่าเป็นการทำลายระบบของกองทัพเสียเอง!!
ปัจจุบัน การทำงานที่เป็นอยู่ในพื้นที่ ขาดทั้งเอกภาพ และวิสัยทัศน์ ต่างคนต่างทำ ต่างกันต่างเดิน แล้วเมื่อการเมืองที่มาเล่นในกองทัพภาค 4 ทำให้นายทหารดีๆ ที่มีความสามารถไม่สามารถอยู่ทำงานอยู่ได้ ส่วนนายทหารที่ไม่เป็นที่ยอมรับ ขาดทั้งความรู้ ความสามารถและประสบการณ์ แต่มีเส้นสายสัมพันธ์กับผู้มีอำนาจในกองทัพกลับได้รับการแต่งตั้งให้รับผิด ชอบงานในตำแหน่งที่สำคัญ ก็เสมือนยิ่งเติมเชื้อแห่งความขัดแย้งเข้าไปอีก
ที่สุดแล้ว หาก ‘พล.อ.ประยุทธ์จันทร์โอชา’ และกองทัพ ต้องการดับไฟใต้อย่างจริงจังและมีความจริงใจในการแก้ปัญหาที่ปลายด้ามขวาน การเลือกบุคคลมาเป็นแม่ทัพภาค 4 ‘คนใหม่’ ก็จะต้องใคร่ครวญให้หลายตลบ เพื่อหาบุคคลที่เหมาะสมที่สุดมารับผิดชอบงานสำคัญ
แต่หากเพียงเพื่อผลักดันให้ ‘ตท.12’ และเพื่อน ‘บูรพาพยัคฆ์’ ยกแผงขึ้นกุมอำนาจกองทัพ โดยไม่ยี่หระว่าจะเป็นการเติมเชื้อไฟและเพิ่มปัญหาให้จังหวัดชายแดนภาคใต้หรือไม่ ก็ไม่เป็นปัญหาที่จะลองส่ง ‘พล.ต.อกนิษฐ์หมื่นสวัสดิ์’ ลงไปเป็นแม่ทัพคุมภาคใต้
ส่วนจะเผาหลอกหรือเผาจริง ไม่นานเดี๋ยวก็รู้!!
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น