หลังจากที่ผมได้เขียนเรื่อง....ความจริงที่ซอยงามดูพลี......เป็นครั้ง แรก.........ผมก็ไม่ได้เขียนเรื่องอะไรอีกเลย.......ผมเชื่อในเรื่องของความ จริง......ความจริงที่สามารถพิสูจน์ได้........ความจริงที่สามารถพูดได้โดย ไม่กระดากปาก.....ความจริงที่สะท้อนจากกระจกเงาก็ยังเป็นความจริง........ ที่สำคัญที่สุด.......ความจริงจะไม่มีวันแปรเปลี่ยน........แม้วันเวลาจะผัน เปลี่ยนไป..........และสุดท้าย........ความจริงที่อยู่ในใจจะคงอยู่ตลอด ไป.....ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม......
ผมขอเล่าเรื่อง.......ความจริงที่...สน.ลุมพินี......โดยที่จะไม่ ระบุ....วันและเวลา...ที่แน่นอนเป๊ะๆ......เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นที่ นั่น.....ล้วนมาจากปากคำของผู้ที่อาศัยอยู่บริเวณนั้น.....อีกทั้งตำรวจหลาย สิบนาย.......ที่ต้องรับชะตากรรมเช่นเดียวกับคนอื่นๆ........ความจริงที่ผม จะเล่าต่อไปนี้.....กับความจริงที่เกิดขึ้น..ณ..เวลานั้น.....จะเป็นความ จริงเรื่องเดียวกันหรือไม่....."..ฟ้าดินเท่านั้น.....ที่รู้ดีที่ สุด.."....แต่ยังมีอีกสิ่งหนึ่ง......ที่ช่วยยืนยันและสามารถพิสูจน์ ได้......คือ...มีคนตายและมีคนเจ็บ.......จากเหตุปะทะที่บริเวณนั้น......
เหตุการณ์ทหารยิงปืนใส่ประชาชนที่ซอยงามดูพลี........และบริเวณสถานีตำรวจ ลุมพินี.......เกิดขึ้นในระยะเวลาอันใกล้เคียงกัน......และด้วยเหตุผลเดียว กัน......คือคนเสื้อแดงจะเข้าไปเติมการชุมนุมที่......สี่แยกราช ประสงค์........คนเสื้อแดงที่จะไปร่วมชุมนุม......ส่วนมากจะเป็นคนในพื้นที่ นั้น.....บ้างเป็นพ่อค้าแม่ค้าในตลาด......บ้างเป็นคนขี่รถมอเตอร์ไซค์รับ จ้าง.....บ้างเป็นแม่บ้าน......บ้างเป็นคนหนุ่มคนสาว.....และที่ขาดไปไม่ได้ เลย.........ลูก...เมีย...และญาติๆ.....ของตำรวจที่ประจำอยู่ ที่..สน.ลุมพินี.......ซึ่งเป็นตัวละครเอกของเรื่อง........ความจริง ที่...สน.ลุมพินีจะเกิดไม่ได้เลย......ถ้าไม่มีตัวละครเหล่านี้......
ณ......วันนั้น.......คนเสื้อแดงที่อยู่รอบนอกพื้นที่ประชาธิปไตย....... รู้สึกร้อนใจและเป็นกังวล......เพราะคนในครอบครัวบางคนยังอยู่หน้าเวทีราช ประสงค์....อีกทั้งเพื่อนเก่าเพื่อนใหม่.....ยังรวมตัวกันอยู่ที่นั่น...... ด้วยความเป็นห่วง.....คนเหล่านั้นได้รวมตัวกันเพื่อเดินทางเข้าไปในพื้นที่ ต้องห้ามของทางราชการ.....มันเป็นพื้นที่....ที่ทางทหารเรียกขานว่า ......."..พื้นที่สังหาร.."......ใครก็ตามที่เข้าใกล้จะถูกยิงทันที...... ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร....คุณไม่มีสิทธิที่จะยืนอยู่ตรงนั้น........ อนิจจา......คนเสื้อแดงทั้งหลาย....จะรู้หรือไม่.....ว่าทหารจะยิงทุกสิ่ง ที่เคลื่อนไหว.....มันคงเป็นคราวเคราะห์และความโชคร้ายของเขาเอง.......ที่ ไม่ฟังคำเตือนจากผู้มีอำนาจว่า....."..ห้ามเข้า....ใครฝ่าฝืน...ยิงสถาน เดียว..".....
ชาวบ้านแถวนั้น.....และลูกเมียตำรวจลุมพินี......ก็เหมือนกับชาวบ้านระแวก ซอยงามดูพลี.......ที่ไม่เคยคิดว่า.....ทหารจะยิงประชาชนผู้ไร้ อาวุธ........ภาพของทหารผู้กล้าที่สู้รบกับกองกำลังต่างชาติ...... เช่น....เวียตนาม...ลาว......ยังติดตรึงอยู่ในหัวใจ......ภาพของทหารผู้เสีย สละ......ภาพของทหารผู้หิวโหยและอ่อนล้า......ภาพของทหารที่เสียชีวิตและบาด เจ็บ.....ยังคงฝังลึกอยู่ในก้นบึ้งของจิตใจ.....ความดีงามที่เหล่าทหารทำ ไว้......ไม่ได้ด้อยค่าไปตามกาลเวลา......มันจะเป็นไปได้อย่างไร......ที่ วีรบุรุษเหล่านั้นจะกลับกลายเป็นซาตานกระหายเลือด.....ที่ดีใจและสะใจทุก ครั้งที่ลั่นไกปืน.......มันจะเป็นไปได้อย่างไร.....ที่วีรบุรุษเหล่านั้นจะ ละการทำดีมาทำชั่ว....และ....มันจะเป็นไปได้อย่างไร......ที่วีรบุรุษเหล่า นั้นเลือกที่จะอยู่ข้างผู้มีอำนาจแทนที่จะเป็นประชาชนผู้บริสุทธิ์........ แต่...มันก็เป็นไปแล้ว........ภาพดีงามต่างๆได้เปลี่ยนไป....มันค่อยๆละลาย หายไปจากความทรงจำ.....ภาพความชั่วร้ายได้เข้ามาแทนที่......"..มันคงเป็น ลิขิตของฟ้า..".......อะไรจะเกิด....ก็ต้องเกิด.....คนเราไม่สามารถฝืนโชค ชะตาที่ถูกกำหนดไว้แล้ว......มีแต่ทำใจ....และเดินต่อไปให้ดีที่สุดเท่าทีจะ ทำได้....
ย้อนกลับไปบริเวณที่ใกล้เคียงกับ..สน.ลุมพินี........สิ้นเสียงปืนที่ดัง ขึ้นอย่างถี่ยิบ.......ประชาชนหลายคนได้รับบาดเจ็บ.....ตำรวจที่ประจำอยู่ ที่สถานีสี่นาย....ได้ขับรถออกมา...เพื่อนำคนเจ็บไปส่งโรงพยาบาล.....ทันใด นั้น....เสียงปืนก็ดังขึ้นอีกครั้ง....คราวนี้เป็นคราวเคราะห์ของตำรวจ บ้าง.....สามในสี่ถูกทหารยิง......ความโกลาหลเกิดขึ้น.....มีเสียงปืนดังมา จากทางฝั่งตำรวจบ้าง......ใครล่ะ....จะไม่ยิงโต้ตอบ.....ในเมื่อ....ลูก... เมีย....ญาติ.....เพื่อนๆ....ถูกยิงต่อหน้าต่อตา......มันเป็นการยิงสวนไปหา ทหารที่อยู่บริเวณนั้น.....และนี่เป็นจุดเริ่มต้นของ....."..M79.... ถล่ม..สน.ลุมพินี..และแฟลตตำรวจ..".....
ผมได้มีโอกาสพูดคุยกับประชาชนและตำรวจที่อยู่ในเหตุการณ์เหล่านั้น....... พวกเขาต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า......ไม่ต้องไปตามจับคนชุดดำที่ไหน หรอก.....โน่นแน่ะ....ตัวจริงเสียงจริง...ตัวเป็นๆ....ใส่ขุดสีเขียวที่ถล่ม แฟลตตำรวจ......เพื่อเป็นการสั่งสอนตำรวจทั้งหลาย.....ให้เจียมเนื้อเจียม ตัว.....อย่ามาขัดขวางการทำงานของทหาร........ตำรวจชั้นสัญญาบัตรและชั้น ประทวนหลายนาย....พูดด้วยสีหน้าเจ็บแค้นปนหดหู่......จะให้พวกเขาทำอย่าง ไร......ประชาชนถูกยิงต่อหน้าต่อตา....อีกทั้งคนในครอบครัวก็โดนยิงอีก .....แถมด้วยคำสั่งจากผู้มีอำนาจ....."..ให้วางตัวเป็นกลาง.."......คือการ เอาหูไปนาเอาตาไปไร่.....ไม่ต้องรับรู้...ไม่ต้องทำอะไร.....ขอให้อยู่ เฉยๆ.....เหมือนกับบทเพลงเพลงหนึ่ง......"..เฉยไว้....เฉยไว้.....เดี๋ยวก็ ดีเอง..".........ในที่สุด....ตำรวจทั้งหลายก็รู้ว่าควรทำอย่างไร....พวกเขา ต่างทยอยออกไปตรวจตรานอกสถานีตำวจ......เมื่อ.....M79...ลูกที่3..ลูก ที่4.....และลูกต่อไปมาเยี่ยมเยือน.....ผมยังจำได้ดีถึงประโยคที่ ว่า......"..อย่าว่าแต่พวกพี่ที่โดนยิงเลย....พวกผมยังโดน.....ลูกน้องผม ..ยังวิ่งหนีตายออกจากโรงพักหมด..".......สำหรับทุกท่านที่ชอบค้นหาความ จริง....สามารถสอบถามจากตำรวจที่.สน.ลุมพินี......เพียงถามคำถาม.....แล้ว ให้เขาพยักหน้าว่าใช่หรือไม่.....ถ้าต้องการคำตอบยืนยันอีกชั้นหนึ่ง....สอบ ถามได้จาก.....หน่วยอรินทราช.....ว่ามีบันทึกการไปเยือน.สน.ลุมพินี.....ใน ยามค่ำคืนนั้น.....และกลับออกมา.....ในเวลาไม่นานนัก.......บอกแล้ว ไง..........."..เฉยไว้.....เฉยไว้.....เดี๋ยวก็ดีเอง..".....
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น