แดงเชียงใหม่

กราบสวัสดี พี่น้องทุกๆท่านที่เข้ามาเยี่ยมเยือน Blog นปช.แดงเชียงใหม่ ขอเรียนชี้แจงสักนิดว่า เรา ”แดงเจียงใหม่” เป็นกลุ่มคนชาวเจียงใหม่ที่เคารพรัก กติกาประชาธิปไตย ต่อสู้และต่อต้านเผด็จการทุกรูปแบบ อยากเห็นประเทศชาติภายภาคหน้า มีความเจริญ ประชาชน รุ่นลูกหลานของเราอยู่อาศัยอย่างร่มเย็นเป็นสุขในประเทศของพวกเราเอง ไม่มีกลุ่มอภิสิทธิ์ชนกลุ่มใดมาสูบเลือดเนื้อ แอบอ้างบุญคุณเฉกเช่นในยุคนี้ที่พวกเราเห็น การที่จะได้รับในสิ่งที่มุ่งหวังก็ต้องมีการต่อสู้แสดงกำลังให้สังคมได้รับรู้ และเพื่อที่จะให้กลุ่มบุคคลที่มีอำนาจในปัจจุบันได้เข้าใจในสังคมที่ก้าวหน้าเปลี่ยนแปลงไป ไม่อาจฝืนต่อกระแสการพัฒนาของโลก การต่อสู้ร่วมกับผองชนทั่วประเทศในครั้งนี้ เรา " แดงเจียงใหม่ " ได้ร่วมต่อสู้ทุกรูปแบบ และ ในรูปแบบที่ท่านได้เข้ามาร่วมอยู่นี้ คือการเผยแพร่ข่าวสารต่อสังคม

เรา " แดงเจียงใหม่ " ขอเชิญชวนร่วมกันสร้างขวัญ และกำลังใจให้เพื่อนพ้องน้องพี่ร่วมกัน


"อันประชาสามัคคีมีจัดตั้ง
เป็นพลังแกร่งกล้ามหาศาล
แสนอาวุธแสนศัตรูหมู่อันธพาล
ไม่อาจต้านมวลมหาประชาชน"

.

วันจันทร์ที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

บุญยืน สุขใหม่: “การเมือง” คือ “เรื่องของเรา”


Sun, 2010-07-11 23:39

บุญยืน สุขใหม่

หลายครั้งและหลายโอกาสที่ผมมักได้ยิน ผู้นำแรงงานและผู้ใช้แรงงานพูดอยู่เสมอว่า เราเป็นผู้ใช้แรงงานไม่ควรเข้าไปยุ่งกับเรื่อง การเมือง ซึ่งโดยส่วนตัวแล้วไม่เห็นด้วยกับคำกล่าวนั้นอย่างยิ่ง เพราะว่าการเมืองเป็นเรื่องของคนทุกคนที่จะต้องให้ความสำคัญ เพราะตั้งแต่ตื่นนอนจนหลับตาลง หรือตั้งแต่เกิดจนตาย การเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องกับวิถีการดำรงชีวิตของเราตลอดเวลา เราต้องเรียนรู้เพื่อนำสิ่งที่ได้รู้มาวิเคราะห์ข้อมูล ว่าอะไรควรทำหรืออะไรไม่ควรทำ ในขณะที่สถานการณ์ทางการเมืองที่มีการแบ่งขั้วอย่างชัดเจนและสุดโต่งทางความ คิด เราในฐานะที่เป็นกรรมกรเป็นชนชั้นล่างหรือรากฐานของสังคมและเศรษฐกิจ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องรักษาระยะห่างและความสัมพันธ์ทางการเมืองกับแต่ละ ฝ่ายให้ชัดเจน แต่ไม่ใช่เป็นกลางเพราะในโลกแห่งความเป็นจริงนั้นความเป็นกลางมันไม่มี

จากบทเรียนของแรงงานในอดีตจนถึง ปัจจุบันไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลที่มาจากทหารหรือรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งตาม รัฐธรรมนูญที่หลายคนบอกว่าเป็นประชาธิปไตย ชนชั้นกรรมาชีพหรือผู้ใช้แรงงานก็ยังเป็นชนชั้นที่ถูกกดขี่ขูดรีดและถูกเอา เปรียบอยู่ตลอดเวลา เราไม่สามารถที่จะปลดปล่อยพันธนาการอันหนักหน่วงที่ถูกกดทับอยู่บนบ่าลงได้ เราไม่มีแม้แต่โอกาสที่จะเลือกผู้แทนที่เป็นของชนชั้นผู้ใช้แรงงานของเรา เองอย่างแท้จริงได้

มีสิ่งที่น่าเป็นห่วงในปัจจุบัน คือ การตีความหมายหรือการเข้าใจความหมายของคำว่า กรรมกร มักถูกบิดเบือนไป กรรมกรที่อยู่ในโรงงานก็ถูกแบ่งออกเป็นคอปกขาวกับปกน้ำเงิน และที่สำคัญคือ แรงงานนอกระบบซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในภาคเกษตรกรรมก็ถูกแบ่งออกเป็นอีกกลุ่มหนึ่ง ซึ่งในความเป็นจริงแล้วคนงานไม่ว่าจะอยู่ส่วนไหนของสังคมก็แล้วแต่ทุกคนถือ ว่าเป็นกรรมกร เพราะต้องใช้แรงงานเพื่อให้ได้ค่าจ้าง หรือค่าตอบแทนซึ่งอาจเป็นเงินหรือสิ่งของก็ได้

วันนี้กรรมกรได้เรียนรู้อะไรบ้างจาก ความขัดแย้งทางการเมืองในครั้งนี้ การต่อสู้กันของสงครามตัวแทนระหว่างชนชั้นคือชนชั้นผู้กดขี่กับผู้ถูกกดขี่ในครั้งนี้ไม่ว่าใครจะเป็นฝ่ายชนะกรรมกรอย่างเรา ก็จะไม่ได้อะไร เพราะสิทธิ์และเสียงของเรานั้นมันถูกกลืนหายเข้าไปในระบบอุตสาหกรรมแล้ว โอกาสที่กรรมกรอย่างเราจะกลับไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งตามที่บัญญัติไว้ในรัฐ ธรรมนูญนั้นมีไม่ถึง ๕๐% หรือถ้าคิดเป็นจำนวนของเสียงก็ไม่เกิน ๕,๐๐๐,๐๐๐ เสียง จากจำนวนแรงงานในระบบประมาณเกือบสิบล้านคน ซึ่งกระจายอยู่ทั่วประเทศ นี่คือเหตุผลหนึ่งที่ว่าทำไมนักการเมืองจึงไม่ให้ความสำคัญกับพี่น้อง กรรมกรอย่างเรา ทั้งที่ในความเป็นจริงเราคือพลังในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ

มีท่านที่อยากเป็นผู้นำกรรมกรแต่ความ สามารถไม่ถึงหลายคนออกมาบ่นว่าการชุมนุมของคนเสื้อแดง ทำให้ต้องมีคนตกงานได้รับความเดือดร้อนจาการเรียกร้องทางการเมือง ซึ่งแท้จริงแล้วคนที่ออกมาชุมนุมเหล่านั้นก็ คือ พ่อ แม่ หรือพี่น้องของเราเอง แต่กรรมกรทั้งหลายกลับเพิกเฉย ช่างเป็นเรื่องน่าประหลาดใจยิ่งนัก หลายคนออกมาโอดครวญว่าต้องตกงานขาดหนทางในการประกอบอาชีพ

แต่ผมกลับมองว่ามันไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะตอนวิกฤติเศรษฐกิจ ปี ๒๕๔๐ และ ปี ๒๕๕๑ นั้นมีคนตกงานมากมายแต่ไม่เห็นมีใครหน้าไหนออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลต้องปก ป้องผลประโยชน์ของคนงาน แต่ในทางตรงกันข้ามกลับไปเร่งเชิญชวนให้ต่างประเทศเข้ามาลงทุนในประเทศไทย โดยเอาทรัพยากรธรรมชาติที่เรามีอยู่อย่างจำกัดเป็นสิ่งล่อใจและที่สำคัญคือ ไปบอกกับชาวต่างชาติว่าแรงงานไทยฝีมือดีและราคาถูก ท่านผู้นำประเทศที่เคารพครับท่านดูถูกและเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของชนชั้น กรรมกรอย่างเราโดยไร้ยางอายจริงๆ

เมื่อเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมืองสิ้น สุด นับจำนวนคนตายได้เก้าสิบพอดี มีคนแอบกระซิบบอกว่าขาดไปอีกเพียงเก้าคนไม่งั้นตัวเลขจะสวยกว่านี้เก้าสิบชีวิตกับผู้บาดเจ็บกว่าสองพันมันคือการ สูญเสียที่ยิ่งใหญ่มากมายนักสำหรับครอบครัวของเขา นี่คือรางวัลสำหรับผู้กล้าหรือผู้ที่บังอาจร้องขอให้มีการเลือกตั้งใหม่หรือ ผู้ที่ต้องการประชาธิปไตย

หลังสิ้นเสียงปืนและยังไม่สิ้นกลิ่น คาวเลือดดีนัก ก็ได้ยินเสียงเชิญชวนของผู้นำแรงงานขอเข้าพบนายกรัฐมนตรีเพื่อเยียวยาคนตก งานจากเหตุการณ์ทางการเมือง โอ้ พระเจ้า!คนตกงานช่างน่าสงสารยิ่งนัก ?” ส่วนคนเจ็บและคนตายจะเป็นใครหรือเป็นอย่างไรช่างหัวมัน ไม่ใช่เรื่องของกรู........ หลายคนที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์ในครั้งนี้เป็นกรรมกร เป็นผู้ใช้แรงงานทั้งในระบบและนอกระบบ หลายคนที่รอดชีวิตออกมาต้องอยู่อย่างวิตกหวาดหวั่นและความกลัวจากการตามล่า หรือข่มขู่ทุกรูปแบบ นี่หรือประเทศที่ได้ชื่อว่ามีการปกครองในระบอบประชาธิปไตย นักวิชาการหรือนักสิทธิมนุษยชนต่างๆ ก็เกิดอาการหูหนวกตาบอดกะทันหันอย่างไม่น่าเชื่อ หรือเขาเหล่านั้นดูหนัง Hollywood มากเกินไปจนลืมตัวว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเหตุการณ์จริง และคิดว่าเป็นหนังที่มีผู้กำกับการแสดงจบจากสถาบันอันลือชื่อจากต่างประเทศ

ในการลุกขับเคลื่อนต่อสู้ของกลุ่มคน เสื้อแดงในครั้งนี้ ยากนักที่จะลืมเลือนในความรู้สึกของผม เพราะผมรู้สึกว่า พวกเขาต่อสู้แบบลืมโลกทั้งโลก และใจจดใจจ่ออยู่กับเหตุการณ์ข้างหน้าคว้าหนังสติกออกมายิงทายท้ากับห่า กระสุนปืนข้างหน้าอย่างไม่เกรงกลัวใดๆ เขาคิดเพียงว่า เขาทำในสิ่งที่ถูกต้อง หลอมหัวใจและจิตวิญญาณของตัวเองเข้ากับสิ่งที่เขาทำ ห้วงเวลานั้นเป็นห้วงเวลาที่เขามีความสุข สุขจากการได้ทำในสิ่งที่ตนเองรัก ถึงแม้ว่าสิ่งตอบแทนมันอาจหมายถึงความตายที่รออยู่ตรงหน้า สิ่งที่พวกเขาทำนั้นไม่ต้องมานั่งตีราคาคิดถึงค่าตอบแทนหรือเสียงแซ่ซ้อง สรรเสริญใดๆ เพราะค่าตอบแทนที่ได้มัน คือ ความตาย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ผู้ให้ข้อมูลร่วมกัน