แดงเชียงใหม่

กราบสวัสดี พี่น้องทุกๆท่านที่เข้ามาเยี่ยมเยือน Blog นปช.แดงเชียงใหม่ ขอเรียนชี้แจงสักนิดว่า เรา ”แดงเจียงใหม่” เป็นกลุ่มคนชาวเจียงใหม่ที่เคารพรัก กติกาประชาธิปไตย ต่อสู้และต่อต้านเผด็จการทุกรูปแบบ อยากเห็นประเทศชาติภายภาคหน้า มีความเจริญ ประชาชน รุ่นลูกหลานของเราอยู่อาศัยอย่างร่มเย็นเป็นสุขในประเทศของพวกเราเอง ไม่มีกลุ่มอภิสิทธิ์ชนกลุ่มใดมาสูบเลือดเนื้อ แอบอ้างบุญคุณเฉกเช่นในยุคนี้ที่พวกเราเห็น การที่จะได้รับในสิ่งที่มุ่งหวังก็ต้องมีการต่อสู้แสดงกำลังให้สังคมได้รับรู้ และเพื่อที่จะให้กลุ่มบุคคลที่มีอำนาจในปัจจุบันได้เข้าใจในสังคมที่ก้าวหน้าเปลี่ยนแปลงไป ไม่อาจฝืนต่อกระแสการพัฒนาของโลก การต่อสู้ร่วมกับผองชนทั่วประเทศในครั้งนี้ เรา " แดงเจียงใหม่ " ได้ร่วมต่อสู้ทุกรูปแบบ และ ในรูปแบบที่ท่านได้เข้ามาร่วมอยู่นี้ คือการเผยแพร่ข่าวสารต่อสังคม

เรา " แดงเจียงใหม่ " ขอเชิญชวนร่วมกันสร้างขวัญ และกำลังใจให้เพื่อนพ้องน้องพี่ร่วมกัน


"อันประชาสามัคคีมีจัดตั้ง
เป็นพลังแกร่งกล้ามหาศาล
แสนอาวุธแสนศัตรูหมู่อันธพาล
ไม่อาจต้านมวลมหาประชาชน"

.

วันพฤหัสบดีที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

หนังสือพิมพ์ เลี้ยวซ้าย ฉบับเดือน กรกฏาคม 53


http://thaienews.blogspot.com/2010/07/53.html


นสพ.เลี้ยวซ้าย ฉบับเดือน กรกฏาคม 53

บท ความ: รางรถไฟกับการตัดสินใจ

โดย ชำนาญ จันทร์เรือง
ที่มา กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
13 กรกฎาคม 2553

ผู้อ่านหลายๆคนคงเคยได้รับฟอร์เวิร์ดเมล์ที่มีคุณค่าน่าสนใจและ ส่งต่อไปยังคนที่รู้จักต่อๆกันไป ผมก็เป็นคนหนึ่งที่ใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์และก็ได้รับเมล์ดี ดีเช่นกัน หนึ่งในเมล์ดีดีนั้นก็คือ รางรถไฟกับการตัดสินใจ ซึ่งอ่านแล้วก็อดที่จะนำมาเผยแพร่ต่อไม่ได้ เพราะเห็นว่าตรงกับสถานการณ์บ้านเมืองของเราในปัจจุบันยิ่งนักและสามารถเป็น บททดสอบจิตสำนึกของเราเป็นอย่างดีว่าแท้จริงแล้วเราเป็นคนที่มีการตัดสินใจ เป็นอย่างไร


เรื่องก็มีอยู่ว่ามีเด็กกลุ่มหนึ่งเล่นกันใกล้ราง รถไฟ 2 ราง รางหนึ่งอยู่ในระหว่างการใช้งาน ในขณะที่อีกรางหนึ่งไม่ได้ใช้งานแล้ว มีเพียงเด็กคนเดียวเท่านั้นที่เล่นบนรางที่ไม่ได้ใช้งาน ส่วนเด็กที่เหลือนั่งเล่นอยู่บนรางที่ยังใช้งานอยู่

เมื่อรถไฟแล่นมา คุณอยู่ใกล้ๆที่สับรางรถไฟ คุณสามารถเปลี่ยนทางรถไฟไปยังรางที่ไม่ได้ใช้งาน
เพื่อ ช่วยชีวิตเด็กส่วนใหญ่ แต่นั่นหมายถึงการเสียสละชีวิตของเด็กคนที่เล่นอยู่บนรางที่ไม่ได้ใช้งาน

ถ้า คุณเป็นคนสับรางคุณจะตัดสินใจอย่างไร คุณจะสับรางไปยังเด็กคนเดียวหรือคุณเลือกจะปล่อยให้รถไฟวิ่งทางเดิมที่มี เด็กอยู่หลายคน

ลองหยุดคิดสักนิดมีทางเลือกใดที่เราสามารถตัดสิน ใจได้ คุณต้องตัดสินใจก่อนที่จะอ่านต่อไป
แต่กรณีนี้รถไฟไม่สามารถหยุดรอ ให้คุณไตร่ตรองได้

คนส่วนมากอาจเลือกที่จะเปลี่ยนทางรถไฟ และยอมสละชีวิตของเด็กคนนั้น

ผมคิดว่าคุณก็อาจจะคิดเช่นเดียวกัน แน่นอน ตอนแรกผมก็คิดเช่นนี้เพราะการช่วยชีวิตเด็กส่วนมาก
ด้วยการเสีย สละชีวิตเด็กหนึ่งคนนั้นดูสมเหตุผล ทั้งทางศีลธรรมและความรู้สึก

แต่ คุณเคยคิดบ้างไหมว่าเด็กที่เลือกเล่นบนรางที่ไม่ได้ใช้งานแล้ว ที่จริงเขาได้ตัดสินใจถูกต้องที่จะเล่นในสถานที่ๆปลอดภัยแล้วต่างหาก แต่ทว่า เขากลับต้องเสียสละชีวิตให้กับเพื่อนที่ไม่ใส่ใจ และเลือกที่จะเล่นในที่อันตราย

สถานการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นรอบตัวเรา ทุกวัน โดยเฉพาะในสังคมประชาธิปไตย คนกลุ่มน้อยมักจะถูกบังคับให้เสียสละต่อผลประโยชน์ของคนหมู่มากอยู่เสมอด้วย ข้ออ้างที่ว่าเพื่อประโยชน์ส่วนรวม

แม้ว่าคนกลุ่มน้อยจะฉลาดมองการณ์ ไกลและคนหมู่มากจะโง่เง่าและเสียสติก็ตาม เด็กคนที่เลือกที่จะไม่เล่นบนรางที่อยู่ในการใช้งานตามเพื่อนๆของเขา และคงไม่มีใครเสียน้ำตาให้ หากเขาต้องสละชีวิต

คนอื่นจะคิดอย่างไรก็ แล้วแต่ หากเป็นผม ผมจะไม่พยายามเปลี่ยนเส้นทางรถไฟ เพราะผมเชื่อว่าเด็กที่เล่นอยู่บนรางที่อยู่ในการใช้งานย่อมรู้ดีว่ารางนั้น ยังอยู่ในระหว่างการใช้งานและพวกเขาควรจะหลบออกมาเมื่อพวกเขาได้ยินเสียง หวูดรถไฟ

ถ้าทางรถไฟถูกเปลี่ยนเด็กหนึ่งคนนั้นต้องตายอย่างแน่นอน เพราะเขาไม่เคยคิดว่ารถไฟจะเปลี่ยนมาใช้เส้นทางนั้น ด้วยเหตุผลของการพยายามช่วยชีวิตเด็กจำนวนหนึ่งโดยการสละชีวิตเด็กหนึ่งคนคน นั้น
เรารู้ว่าชีวิตเต็มไปด้วยการตัดสินใจอันยากลำบากบางครั้งเราอาจลืม ไปว่า การตัดสินใจอันรวดเร็วใช่จะเป็นสิ่งที่ถูกต้องเสมอไป จำไว้ว่าสิ่งที่ถูกต้องไม่จำเป็นต้องเป็นสิ่งที่นิยมปฎิบัติและสิ่งที่เป็น ที่นิยมไม่จำเป็นต้องถูกต้องเสมอไป


เรื่องการตัดสินใจใน การสับรางรถไฟนี้เปรียบได้กับการตัดสินใจทางการเมืองของเราในหลายๆเหตุการณ์ ผู้ที่ทำตามกฎกติกา ทำตามกฎหมาย ทำตามรัฐธรรมนูญแต่เป็นคนกลุ่มน้อยในสังคมถูกจับกุมคุมขัง ถูกลงโทษข้อหาเร่ร่อนจรจัดเพราะไม่มีที่อยู่อาศัยเป็นหลักแหล่ง แต่คนที่โกงทรัพย์สินหรือผืนแผ่นดินของชาติกลับลอยนวล


คนที่ ประท้วงโดยสุจริตด้วยการผูกผ้าแดงถูกจับกุมข้อหาละเมิด พรก.ฉุกเฉิน แต่คนที่ฉีกรัฐธรรมนูญกลับไม่ต้องรับโทษทัณฑ์ใดใด คนที่มาชุมนุมเรียกร้องให้มีการยุบสภากลับถูกสังหารถึง 90 ชีวิต แต่ผู้ที่สังหารเขาเหล่านั้นกลับไม่ต้องถูกลงโทษลงทัณฑ์ใดใด เพราะเพียงข้ออ้างว่าต้องรักษาชีวิตของคนส่วนใหญ่ที่เล่นอยู่ในรางที่ชื่อ ว่าความมั่นคงของชาติทั้งๆความจริงแล้วเป็นเพียงความมั่นคงของรัฐบาลหาใช่ ความมั่นคงของรัฐไม่

ชีวิตของคน 90 คนคงไม่มีความหมายใดใดในสายตาของชนชั้นกลางและชนชั้นสูงเพราะเห็นว่าเป็น เพียงชีวิตของคนกลุ่มน้อยเมื่อเปรียบเทียบกับชีวิตของเขาทั้งหลายที่เลือก เล่นในรางที่รู้อยู่ว่ามีอันตรายเพราะขณะที่รถไฟสายประชาธิปไตยกำลังวิ่ง อยู่แต่พวกเขากลับท้าทาย ด้วยการนำสิ่งอื่นมาเล่นในเส้นทางสายประชาธิปไตยด้วยการฉีกรัฐธรรมนูญบ้าง ด้วยการเรียกร้องมาตรา 7 บ้าง ฯลฯ เพียงเพื่อรักษาผลประโยชน์และความสนุกสนานของพวกเขาเอง


ถึง เวลาแล้วหรือยังที่เราจะรักษาความถูกต้องด้วยการรักษาชีวิตของคนส่วนน้อยที่ ทำถูกต้องและนำผู้กระทำความผิดมารับโทษ แม้ว่าจะได้ความรับความเห็นชอบจากเสียงส่วนใหญ่ที่ยกมือไว้วางใจในสภาก็ตาม

Posted by editor01 at 7/13/2010 10:17:00 หลังเที่ยง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ผู้ให้ข้อมูลร่วมกัน