แดงเชียงใหม่

กราบสวัสดี พี่น้องทุกๆท่านที่เข้ามาเยี่ยมเยือน Blog นปช.แดงเชียงใหม่ ขอเรียนชี้แจงสักนิดว่า เรา ”แดงเจียงใหม่” เป็นกลุ่มคนชาวเจียงใหม่ที่เคารพรัก กติกาประชาธิปไตย ต่อสู้และต่อต้านเผด็จการทุกรูปแบบ อยากเห็นประเทศชาติภายภาคหน้า มีความเจริญ ประชาชน รุ่นลูกหลานของเราอยู่อาศัยอย่างร่มเย็นเป็นสุขในประเทศของพวกเราเอง ไม่มีกลุ่มอภิสิทธิ์ชนกลุ่มใดมาสูบเลือดเนื้อ แอบอ้างบุญคุณเฉกเช่นในยุคนี้ที่พวกเราเห็น การที่จะได้รับในสิ่งที่มุ่งหวังก็ต้องมีการต่อสู้แสดงกำลังให้สังคมได้รับรู้ และเพื่อที่จะให้กลุ่มบุคคลที่มีอำนาจในปัจจุบันได้เข้าใจในสังคมที่ก้าวหน้าเปลี่ยนแปลงไป ไม่อาจฝืนต่อกระแสการพัฒนาของโลก การต่อสู้ร่วมกับผองชนทั่วประเทศในครั้งนี้ เรา " แดงเจียงใหม่ " ได้ร่วมต่อสู้ทุกรูปแบบ และ ในรูปแบบที่ท่านได้เข้ามาร่วมอยู่นี้ คือการเผยแพร่ข่าวสารต่อสังคม

เรา " แดงเจียงใหม่ " ขอเชิญชวนร่วมกันสร้างขวัญ และกำลังใจให้เพื่อนพ้องน้องพี่ร่วมกัน


"อันประชาสามัคคีมีจัดตั้ง
เป็นพลังแกร่งกล้ามหาศาล
แสนอาวุธแสนศัตรูหมู่อันธพาล
ไม่อาจต้านมวลมหาประชาชน"

.

วันอาทิตย์ที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2553

องค์การนิรโทษกรรมสากล หรือ “แอมเนสตี้ อินเตอร์แนชนัล”ยื่น จม.นายกฯเลิกพรก.ฉุกเฉิน


Sun, 06/13/2010 - 08:06 | by nammitr | Vote to close topic

วันอาทิตย์ที่ 13 มิถุนายน พ.ศ.2553

องค์กรนิรโทษกรรมร้องให้รัฐบาล เริ่มต้นกระบวนการที่นำไปสู่การสอบสวนโปร่งใส หลังพบหลักฐานทั้งเจ้าหน้าที่รัฐและกลุ่มผู้ชุมนุมต่างใช้ อาวุธและความรุนแรงจนมีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก...

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า วานนี้ (13 มิ.ย.) นายคลอดิโอ คอร์ดอน เลขาธิการรักษาการแห่งองค์การนิรโทษกรรมสากล หรือ แอมเนสตี้ อินเตอร์แนชนัลซึ่งเป็นหน่วยงานระหว่างประเทศด้านการปกป้องสิทธิมนุษยชน ยื่นจดหมายเปิดผนึกถึงนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีไทย เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลไทยยกเลิกการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ก่อนจะเริ่มต้นกระบวนการไต่สวนข้อเท็จจริงกรณีเกิดเหตุการณ์ความรุนแรงทั้ง ในเดือน เม.ย.-พ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่ง

รายงานข่าวแจ้งต่อว่า เนื้อหาในจดหมายของแอมเนสตี้ระบุว่า รัฐบาลจะต้องไต่สวนผู้กระทำความผิด ฐานละเมิดสิทธิมนุษยชนโดยไม่เลือกปฏิบัติต่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เพราะมีหลักฐานปรากฎชัดเจนว่าทั้งเจ้าหน้าที่รัฐและกลุ่มผู้ชุมนุมต่างใช้ อาวุธและความรุนแรงในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจนทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก

แอมเนสตี้ระบุว่าการยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินจะช่วยให้กระบวนการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริงดำเนินไปอย่างโปร่ง ใส และปราศจากอำนาจแทรกแซงจากรัฐบาลหรือเจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง นอกจากนี้ แอมเนสตี้ยังระบุอีกว่าการใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินของรัฐบาลไทยในช่วงที่ผ่านมาเป็นการใช้กฎหมายที่ส่งผลกระทบต่อ สิทธิมนุษยชนโดยไม่มีเหตุผลประกอบเพียงพอ ทั้งยังนำไปสู่การควบคุมการนำเสนอข่าวสารและปิดกั้นการรับรู้ข้อมูลของ ประชาชนด้วย

http://www.thairath.co.th/content/oversea/89133

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ผู้ให้ข้อมูลร่วมกัน