แดงเชียงใหม่

กราบสวัสดี พี่น้องทุกๆท่านที่เข้ามาเยี่ยมเยือน Blog นปช.แดงเชียงใหม่ ขอเรียนชี้แจงสักนิดว่า เรา ”แดงเจียงใหม่” เป็นกลุ่มคนชาวเจียงใหม่ที่เคารพรัก กติกาประชาธิปไตย ต่อสู้และต่อต้านเผด็จการทุกรูปแบบ อยากเห็นประเทศชาติภายภาคหน้า มีความเจริญ ประชาชน รุ่นลูกหลานของเราอยู่อาศัยอย่างร่มเย็นเป็นสุขในประเทศของพวกเราเอง ไม่มีกลุ่มอภิสิทธิ์ชนกลุ่มใดมาสูบเลือดเนื้อ แอบอ้างบุญคุณเฉกเช่นในยุคนี้ที่พวกเราเห็น การที่จะได้รับในสิ่งที่มุ่งหวังก็ต้องมีการต่อสู้แสดงกำลังให้สังคมได้รับรู้ และเพื่อที่จะให้กลุ่มบุคคลที่มีอำนาจในปัจจุบันได้เข้าใจในสังคมที่ก้าวหน้าเปลี่ยนแปลงไป ไม่อาจฝืนต่อกระแสการพัฒนาของโลก การต่อสู้ร่วมกับผองชนทั่วประเทศในครั้งนี้ เรา " แดงเจียงใหม่ " ได้ร่วมต่อสู้ทุกรูปแบบ และ ในรูปแบบที่ท่านได้เข้ามาร่วมอยู่นี้ คือการเผยแพร่ข่าวสารต่อสังคม

เรา " แดงเจียงใหม่ " ขอเชิญชวนร่วมกันสร้างขวัญ และกำลังใจให้เพื่อนพ้องน้องพี่ร่วมกัน


"อันประชาสามัคคีมีจัดตั้ง
เป็นพลังแกร่งกล้ามหาศาล
แสนอาวุธแสนศัตรูหมู่อันธพาล
ไม่อาจต้านมวลมหาประชาชน"

.

วันอังคารที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2553

เอกสารลับ สั่งฆ่า ทักษิณ?

เอกสารลับ สั่งฆ่า ทักษิณ?
วันอังคารที่ 5 มกราคม พ.ศ.2553

กระทรวงต่างประเทศไปแจ้งความกองปราบให้ดำเนินคดีกับ จตุพร พรหมพันธุ์ ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ และ ก่อแก้ว พิกุลทองด้วยข้อหาฐานหมิ่นประมาททำให้ผมเองออกจะประหลาดใจอยู่ไม่ น้อย...ที่ ทำไมเล่นงานด้วยข้อกล่าวหาที่ “จิ๊บจ๊อย” เสียเหลือเกินเพราะเมื่อดูการตั้งท่าเล่นงานตั้งแต่ต้นแล้ว ราวกับว่า...ต้องการเอากันให้ตายไปเสียเลยในคราวนี้ นั่นคือถ้าไม่ติดคุก 10 ปี ก็อาจจะต้องติดคุกตลอดชีวิตหรือประหารชีวิตอะไรประมาณนั้น

นี่แสดงให้เห็นว่า...แม้แต่ตัวกระทรวงต่างประเทศเองก็ยังรู้ว่า ไม่สามารถที่จะเล่นงานไปขึ้นถึงขั้นนั้นได้ ก็เลยอาจจะฟ้องแก้เกี้ยวไปอย่างนั้นเองหรือเปล่า?ทั้งนี้เนื่องจาก ในตัว เอกสารเองได้ระบุอย่างชัดเจน ในหัวข้อแรกเลยว่า“พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร” เป็นภัยคุกคามหลักของรัฐบาลนี้“ไม่ใช่” เป็นภัยคุกคามหลักของประเทศ!ดังนั้นเอกสารนี้จึง
ไม่มีอะไรที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของประเทศเลยแม้แต่น้อย เป็นเรื่องของรัฐบาลนี้ล้วนๆ วิญญูชนที่เป็นคนไทยอ่านภาษาไทยออก และเข้า้ใจ ภาษาไทย ย่อมหัวเราะเยาะต่อพวกที่ต้องการเล่นงานผู้เปิดเผยเอกสารชุดนี้ให้ ถึงตายหรือ ถึงขั้นจำคุกตลอดชีวิตจนฟันหักหรือท้องคัดท้องแข็งเป็นแน่
เพราะประมวลกฎหมาย อาญามาตรา123 และ 124 ที่พวกเขาอ้างถึงนั้น ระบุอย่างชัดเจนว่า “ต้องเป็นความลับอันเกี่ยวกับความปลอดภัยของประเทศ”นี่มันเกี่ยว กับความมั่นคงของรัฐบาลอภิสิทธิ์...ซึ่งรัฐบาลอภิสิทธิ์ไม่ใช่ประเทศไทย ครับ และไม่ได้เป็นตัวแทนของประชาชนไทยด้วยเพราะในวันนี้ประชาชนไทยไม่ ตํ่ากว่า 80-90% ปฏิเสธความเป็นรัฐบาลของอภิสิทธิ์ที่ได้มาโดยการบงการของเผด็จการทรราชย์ อมาตยาธิปไตยอันเป็นที่เปิดเผยกระจ่างแจ้งไปทั่วประเทศนานมากแล้วหาก พวกประชาธิปัตย์หรือรัฐบาลนี้รวมทั้งพวกลิ่วล้ออมาตย์ทั้งหลายต้องการ พิสูจน์ ก็ประกาศยุบสภาไปเลย“อย่ารอช้า” แล้วก็จะได้เห็นกันชัดเจนว่าประชาชน ไทยเขายอมรับรัฐบาลชุดนี้หรือไม่?
ข้อต่อมาเนื้อหาสำคัญของเอกสาร ได้ระบุไว้ ชัดว่า เพื่อให้บรรลุจุดหมายปลายทาง (End Game) ต้องขจัดภัยคุกคามหลักซึ่งนั่นต้องหมายถึงการ “กำจัด”ทักษิณ ชินวัตร หรือก็คือการ “ฆ่า”ทักษิณ ชินวัตร นั่นเอง
ดังนั้น...เอกสารฉบับนี้ก็คือเอกสาร“สั่งฆ่า” ทักษิณ ไม่น่าจะมีความหมายเป็นอย่างอื่นไปได้และเมื่อพิจารณารวมประกอบ เข้ากับ เหตุการณ์ที่ส่ง เอฟ 16 สองลำที่มีจรวดทำลายระยะไกลแอมแรมลำละสี่ลูก และส่ง เอฟ 5 อี สองลำที่มีจรวดไซด์ไวน์เดอร์ที่ทำลายระยะไกลด้วยเช่นกันลำละสี่ลูก ขึ้นไปประกบเครื่องบินเจ๊ตส่วนตัวของทักษิณที่ไม่มีอาวุธอะไรด้วย จุดมุ่ง หมายที่จะสอยให้ตกกลางอากาศเป็นจุลมหาจุลยิ่งยืนยันหนักแน่นมากขึ้นว่า...หลักฐานที่ประจานรัฐบาลนี้อยู่ที่ เอกสารกระทรวงต่างประเทศฉบับนี้เองที่เขียนออกมาอย่างโจ๋งครึ่ม ว่า “ให้ขจัดภัยคุกคามหลัก” โดยที่ “พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรเป็นภัยคุกคามหลักของรัฐบาล”
รัฐบาลนี้ใช้อำนาจตามบทบัญญัต ิของกฎหมาย ฉบับไหนครับ หรืออาศัยอำนาจอะไรที่ถูกต้องตามระบอบประชาธิปไตยในการ “สั่งฆ่าทักษิณ ชินวัตร” พวกคุณเปลี่ยนกระทรวงการต่างประเทศให้กลายเป็นกระทรวงที่ ออก“คำสั่ง ฆ่า” ใครต่อใครได้ตามใจชอบแล้วหรือ?การเปลี่ยนกระทรวงต่างประเทศให้กลาย เป็น กระทรวงที่ออก “คำสั่งฆ่า”ย่อมทำให้กระทรวงต่างประเทศซึ่งเป็นกระทรวง ที่สำคัญมากแห่งหนึ่งของประเทศต้องเสียหายเช่นนี้ไม่เท่ากับว่าพวกคุณ กำลังทำความ เสียหายให้กับประเทศชาติ
เอกสารเนื้อหาสำคัญของเอกสารได้ระบุไว้ชัดว่า...เพื่อให้บรรลุจุดหมายปลายทาง (End Game) ต้องขจัดภัยคุกคามหลัก ซึ่งนั่นหมายถึงการ “กำจัด” หรือการ “ฆ่า” ทักษิณ ชินวัตร หรือไม่?ดอกหรือ?ดังนั้นผู้ที่นำเอกสารมาเปิดเผยและคัดค้านการ กระทำดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็นบุคคลทั้งสามข้างต้น หรือ ข้าราชการกระทรวงต่างประเทศก็ตามล้วนแต่ปฏิบัติไปตามบทบัญญัติของ รัฐธรรมนญู 2550 (ที่ผู้เูขียนยังถือว่าเป็นรัฐธรรมนูญอมาตย์อยู่)มาตรา 70 ที่ระบุไว้ว่า บุคคลมีหน้าที่ต้องพิทักษ์ชาติ แล้วกฎหมายที่ตํ่ากว่ารัฐธรรมนูญจะมาแย้งและขัดต่อรัฐธรรมนูญได้ อย่างไร
นอกจาก นี้มาตรการในทางปฏิบัติที่เอกสารระบุไว้ในการต่อต้านกัมพูชาแสดง ให้เห็นชัด ว่า...รัฐบาลนี้ไร้สติปัญญาโดยสิ้นเชิงเพราะหารู้ไู้มว่า่ เกือบจะทกุมาตรการที่กำหนดออกมานั้น สร้างความเสียหายให้กับประเทศชาติไม่ว่าจะเป็นเรื่องการชะลอการเก็บกู้ทุ่น ระเบิด...ซึ่งทุ่นระเบิดส่วนใหญ่อยู่ในเขตแดนไทยครับ เพราะสมัยสงครามหลายฝ่าย เขมรพลพต นั้นอาศัยดินแดนไทยเป็นฐานที่มั่นสำคัญ และรอบๆ ฐานที่มั่นในรัศมีประมาณหนึ่งกิโลเมตร ต้องฝังทุ่นระเบิดเต็มไปหมดดังนั้นมาตรการนี้จึงขลาดเขลาที่สุด และทำลาย ประเทศและประชาชนไทยมากกว่าที่จะทำร้ายกัมพูชาหรือสมมุติว่าในเขต ไทยไม่มี ทุ่นระเบิดเลย การชะลอเก็บกู้ทุ่นระเบิดซึ่งคาดได้ว่ามุ่งหวังให้ประชาชนกัมพูชา บาดเจ็บล้มตาย...ก็ประจานให้เห็นความเหี้ยมโหดอำมหิตอย่างไม่น่าจะเป็นมนุษย์ของรัฐบาล นี้ได้อย่างชัดเจน
มาตรการอื่นๆ ก็เช่นกัน การยกเลิกบันทึกช่วยจำในสมัยทักษิณ การปิดเขตผ่านแดน การสร้างความยุ่งยากในการประทับตราผ่านแดน การยกเลิกความร่วมมือทางวิชาการ การยกเลิกความช่วยเหลือทางการเงินในการบูรณะซ่อมแซมถนนกัมพูชาที่ ต่อเชื่อม ไทย ฯลฯล้วนแต่ทำลายผลประโยชน์ของประเทศไทยทั้งสิ้น
รัฐบาลนี้กำลังไล่กัมพูชาไปหาเวียดนาม ดังนั้นผู้เปิดเผยเอกสารดังกล่าวและคัดค้านเอกสารดังกล่าวก็ย่อมได้รับความ คุ้มครองตามรัฐธรรมนูญ2550 มาตรา 71 ด้วยเช่นกันที่กำหนดไว้ว่า...บุคคลมีหน้าที่ต้องรักษาผลประโยชน์ของประเทศและปฏิบัติตามกฎหมาย แล้ว กระทรวงต่างประเทศจะไปฟ้องในฐานหมิ่นประมาทได้อย่างไรครับ
ที่น่าอนาถใจที่ สุดก็คือ...ในตอนท้ายสุดของเอกสารภายหลังบรรยายเงื่อนไขต่างๆ ที่ยังไม่เกิด และอาจจะไม่มีวันเกิดขึ้นเลยแล้วก็ประกาศโครมเลยว่า...ต้องยุติความ สัมพันธ์ ทุกอย่างกับกัมพูชาแล้วก็ให้ใช้ปฏิบัติการทางทหารกับกัมพูชาต้องนับ ว่าเป็นผู้ที่“ขลาดเขลา” ที่สุดในโลก เพราะแม้แต่ “ฮิตเลอร์” ที่เป็นจอมเผด็จการทรราชย์มุทะลุระดับโลกที่ผู้คนก่นประณามแม้ทุกวันนี้ ยังทำสัญญาสันติภาพกับ “สตาลิน” ในวันที่สั่งบุกสหภาพโซเวียดครั้งมโหฬารอย่างทั่วด้านเลยครับ แสดงให้เห็นว่า รัฐบาลนี้ประสงค์ที่จะทำลายมิตรภาพอันดีงามระหว่างประชาชนไทยกับ ประชาชนกัมพูชาลงไปอย่างสิ้นเชิง นี่ก็เป็นการทำลายประโยชน์ของประเทศไทยด้วยเช่นกัน
ผมยังไม่ได้ กล่าวถึงการ สั่งให้เร่งดำเนินการในเรื่องคดีที่เกี่ยวกับทักษิณเลยนะ ครับ...ซึ่งสะท้อน ถึงการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมอย่างโจ่งแจ้ง นี่ก็ไม่ทราบเช่นกันนะครับว่า...เป็นครั้งแรกหรือเคยทำอย่างได้ผลมาแล้วหลายครั้ง?คงต้องเรียก ร้องให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดออกมาพิสูจน์ความเป็นจริงด้วยและ ที่สำคัญคนในกระบวนการยุติธรรมทั้งหลายคงต้องออกมาดำ เนินการตามกฎหมายกับผู้ที่ได้แสดงออกให้สาธารณชนเห็นว่า...เขาเหล่านั้นมี “ฤทธานุภาพ” ในการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมได้!

1 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ13 กันยายน 2553 เวลา 00:41

    ถ้าทักษิณกับไอ้ตัวเหี้ยเสื้อแดงเดินผ่านหน้าบ้านกู กูก็ฆ่าทิ้งเหมือนกัน ไปลงนรกกันซะไอ้เลว

    ตอบลบ

ผู้ให้ข้อมูลร่วมกัน