วันพุธ 9 มิถุนายน 2010
tags: เสื้อแดง, แอนโตนิโอ วีนัส รอดริเกซ, สื่อเลือกข้างในไทย, เอกอัครราชทูตฟิลิปปินส์
โดย chapter 11
Philippines ambassador on media, red shirts and wealth
June 7, 2010
ที่มา – Political Prisoners in Thailand
แปลและเรียบเรียง – แชพเตอร์ ๑๑
แอนโตนิโอ วีนัส รอดริเกซ เอกอัครราชทูตฟิลิปปินส์ประจำประเทศไทยซึ่งกำลังจะหมดวาระ ได้เข้าไปอยู่ในเขตใช้กระสุนจริงก่อนที่รัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะจะมีคำสั่งให้ทหารเข้าปราบผู้ประท้วงเสื้อแดงเมื่อวันที่ ๑๙ พฤษภาคม เนื่องจากเป็นคณะทูตจากประเทศต่างๆที่เข้าเยี่ยมการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อ แดงที่สี่แยกราชประสงค์
อย่างไรก็ตาม บางกอกโพสต์รายงานข่าวว่า การเยี่ยมในครั้งนี้ และอีกหลายครั้งของท่านทูตนี้หมายถึง
“เขาอยู่ในฐานะที่ได้เปรียบกว่านักการทูตส่วนใหญ่คนอื่นๆ ที่ประจำประเทศไทยในการวิเคราะห์สถานการณ์ของกลุ่มผู้ประท้วงเสื้อแดงในเขต ศูนย์กลางการชุมนุม”
บทความทั้งหมดนี้มีคุณค่าต่อการอ่าน และพีพีทีได้เลือกเฉพาะบางจุดมาลงในที่นี้
รอดริเกซประจำอยู่ใน ประเทศไทยมาเกือบเจ็ดปี ในฐานะเป็นผู้นำบรรดาเจ้าหน้าที่ทางการทูต และเข้าเยี่ยมพื้นที่ชุมนุมที่แยกผ่านฟ้า และแยกราชประสงค์โดยเสมอ เขากล่าวว่า ที่เขาทำเช่นนี้เพราะเป็นความสนใจส่วนตัว และเพราะรัฐมนตรีต่างประเทศของเขาต้องการให้ติดตามรายงานความเคลื่อนไหวทุก วัน
ในขณะเดียวกัน เขากล่าวว่า “ความไม่น่าเชื่อถือของสื่อไทย ซึ่งเขากล่าวว่า สื่อไทยรายงานด้วยความลำเอียงอย่างเห็นได้ชัด”
นั่นหมายถึงว่าเขาต้องเข้าเยี่ยมพื้นที่ชุมนุม เขากล่าวต่อว่า
“สื่อในประเทศไทย – ทั้งสิ่งตีพิมพ์ และการออกอากาศ – เลือกข้างพอควร ไม่ว่าทางใดก็ทางหนึ่ง ผมไม่สามารถรับรู้ถึงเป้าหมายอย่างแน่ชัด และมุมมองอันยุติธรรมว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น…”
เกี่ยวกับผู้ประท้วง เขากล่าวว่า
“ผมทึ่งกับประชาชนที่เข้ามารวมตัวกัน..มีผู้หญิงสูงอายุเป็นจำนวนมาก เด็กเล็กหลายคน และคนธรรมดาทั่วไป เช่น ชาวนา และประชาชนซึ่งปกติไม่เคยมีส่วนเกี่ยวข้องทางการเมือง ผมเห็นประชาชนหลายคนซึ่งไม่คาดว่าจะมาอยู่ในสถานที่เช่นนี้..ประชาชนที่ผม ได้พบปะส่วนใหญ่เป็นคนธรรมดา ซึ่งคุณจะไม่คาดคิดว่าจะมาอยู่ในพื้นที่เช่นนี้ในเวลาเช่นนี้”
รอดริเกซกล่าวถึงประเทศฟิลิปปินส์
“เขากล่าวว่า หลายคนที่เข้าร่วมชุมนุมเนื่องจากมีการจ่ายเงินให้พวกเขา พวกเขาจึงออกมาชุมนุม มาอย่างขอไปที พอได้เงิน ก็กลับ”
ในการชุมนุมเสื้อแดง เขากล่าวว่า “..เสื้อแดงฟังการปราศรัยอย่างตั้งใจ – มีการตบมือ และการตะโกนเชียร์ – และมีอารมณ์ร่วมกับการปราศรัยของแกนนำ…”
นี่ไม่ใช่เรื่องที่เขาคาดว่าจะเกิดขึ้น เขาจำได้ว่า “มันเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยากที่ผู้ร่วมชุมนุมหลายคนจะเข้าไปอยู่ตรงนั้น นอกเสียจากจะได้รับเงินสนับสนุน บางคนมาจากที่ห่างไกล พวกเขาต้องจ่ายค่าเดินทาง หรือเดินทางมาฟรีๆ พวกเขาต้องกิน และอื่นๆ..ผมไม่แน่ใจว่า พวกที่มาชุมนุมเหล่านี้ เพราะได้รับเงินหรือไม่ ผมคิดว่าคงมีบางคนรับเงินให้มาเข้าชุมนุม” เขาเสริมต่อว่า “การชุมนุมนี้ แตกต่างโดยสิ้นเชิงจากการขายบริการเพื่อแลกเงินนะ….”
ความเห็นเช่นนี้ได้ยั่วยุให้เกิดความโกรธแค้น จากเสื้อเหลือง เพราะพวกเขาเชื่อว่าผู้ประท้วงทุกคนรับเงินมา ความเห็นของเอกอัครราชทูตที่ว่า
“เราต้องให้ความเคารพต่อพวกเขา ที่พวกเขาได้ยอมเสียสละ” การพูดเช่นนี้เหมือนยิ่งยุให้วัวบ้าคลั่ง ที่เลวไปกว่านั้นอีก เขาแย้งว่า เสื้อแดงไม่ใช่เข้าร่วมการชุมนุมเพียงเพื่อสนับสนุนทักษิณ ชินวัตรเท่านั้น
เขาแย้งว่า รัฐบาลตัดสินผู้ประท้วงด้วยความไม่ยุติธรรม ดังนั้นรัฐบาลจึงตอบโต้ด้วยวิธีการที่ป่าเถื่อน
ในเรื่องฐานะ เขากล่าวว่า เขาทึ่งต่อความอู้ฟู่ และสถานะของคนบางคนในประเทศไทย
“ผมเคยอยู่ในหมู่บ้านใกล้ถนนศรีนครินทร์ และเรามีเพื่อนบ้านหลายคนซึ่งมีรถบ้านละห้าถึงหกคัน แล้วไม่ใช่แค่รถธรรมดาๆ แต่เป็นรถบีเอ็มดับเบิ้ลยู รถเมอร์เซเดส เบนซ์และรถสปอร์ต…ในงานเลี้ยงที่ผมร่วมด้วยนั้น ผมเห็นเครื่องเพชร เป็นต้น ผมนะ ใจสั่นเลย เพราะไม่เคยเห็นแบบนี้มาก่อนในฟิลิปปินส์ หรือในสหรัฐฯ หรือแม้แต่ในอังกฤษ คนที่นี่ชอบอวดสถานะทางสังคมของตัวเองด้วยเฟอร์นิเจอร์ และผมคิดว่านี่คือเหตุผลที่ว่าทำไมบางคนจึงได้โกรธเคืองนัก…..”
เขาพูดได้ตรงเผงเลย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น