แดงเชียงใหม่

กราบสวัสดี พี่น้องทุกๆท่านที่เข้ามาเยี่ยมเยือน Blog นปช.แดงเชียงใหม่ ขอเรียนชี้แจงสักนิดว่า เรา ”แดงเจียงใหม่” เป็นกลุ่มคนชาวเจียงใหม่ที่เคารพรัก กติกาประชาธิปไตย ต่อสู้และต่อต้านเผด็จการทุกรูปแบบ อยากเห็นประเทศชาติภายภาคหน้า มีความเจริญ ประชาชน รุ่นลูกหลานของเราอยู่อาศัยอย่างร่มเย็นเป็นสุขในประเทศของพวกเราเอง ไม่มีกลุ่มอภิสิทธิ์ชนกลุ่มใดมาสูบเลือดเนื้อ แอบอ้างบุญคุณเฉกเช่นในยุคนี้ที่พวกเราเห็น การที่จะได้รับในสิ่งที่มุ่งหวังก็ต้องมีการต่อสู้แสดงกำลังให้สังคมได้รับรู้ และเพื่อที่จะให้กลุ่มบุคคลที่มีอำนาจในปัจจุบันได้เข้าใจในสังคมที่ก้าวหน้าเปลี่ยนแปลงไป ไม่อาจฝืนต่อกระแสการพัฒนาของโลก การต่อสู้ร่วมกับผองชนทั่วประเทศในครั้งนี้ เรา " แดงเจียงใหม่ " ได้ร่วมต่อสู้ทุกรูปแบบ และ ในรูปแบบที่ท่านได้เข้ามาร่วมอยู่นี้ คือการเผยแพร่ข่าวสารต่อสังคม

เรา " แดงเจียงใหม่ " ขอเชิญชวนร่วมกันสร้างขวัญ และกำลังใจให้เพื่อนพ้องน้องพี่ร่วมกัน


"อันประชาสามัคคีมีจัดตั้ง
เป็นพลังแกร่งกล้ามหาศาล
แสนอาวุธแสนศัตรูหมู่อันธพาล
ไม่อาจต้านมวลมหาประชาชน"

.

วันพุธที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2553

เอกอัครราชทูตฟิลิปปินส์ กล่าวถึงสื่อ เสื้อแดง และความอวดรวย

วันพุธ 9 มิถุนายน 2010

tags: เสื้อแดง, แอนโตนิโอ วีนัส รอดริเกซ, สื่อเลือกข้างในไทย, เอกอัครราชทูตฟิลิปปินส์

โดย chapter 11

Philippines ambassador on media, red shirts and wealth
June 7, 2010
ที่มา Political Prisoners in Thailand
แปลและเรียบเรียง แชพเตอร์ ๑๑

แอนโตนิโอ วีนัส รอดริเกซ เอกอัครราชทูตฟิลิปปินส์ประจำประเทศไทยซึ่งกำลังจะหมดวาระ ได้เข้าไปอยู่ในเขตใช้กระสุนจริงก่อนที่รัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะจะมีคำสั่งให้ทหารเข้าปราบผู้ประท้วงเสื้อแดงเมื่อวันที่ ๑๙ พฤษภาคม เนื่องจากเป็นคณะทูตจากประเทศต่างๆที่เข้าเยี่ยมการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อ แดงที่สี่แยกราชประสงค์

อย่างไรก็ตาม บางกอกโพสต์รายงานข่าวว่า การเยี่ยมในครั้งนี้ และอีกหลายครั้งของท่านทูตนี้หมายถึง

เขาอยู่ในฐานะที่ได้เปรียบกว่านักการทูตส่วนใหญ่คนอื่นๆ ที่ประจำประเทศไทยในการวิเคราะห์สถานการณ์ของกลุ่มผู้ประท้วงเสื้อแดงในเขต ศูนย์กลางการชุมนุม

บทความทั้งหมดนี้มีคุณค่าต่อการอ่าน และพีพีทีได้เลือกเฉพาะบางจุดมาลงในที่นี้

รอดริเกซประจำอยู่ใน ประเทศไทยมาเกือบเจ็ดปี ในฐานะเป็นผู้นำบรรดาเจ้าหน้าที่ทางการทูต และเข้าเยี่ยมพื้นที่ชุมนุมที่แยกผ่านฟ้า และแยกราชประสงค์โดยเสมอ เขากล่าวว่า ที่เขาทำเช่นนี้เพราะเป็นความสนใจส่วนตัว และเพราะรัฐมนตรีต่างประเทศของเขาต้องการให้ติดตามรายงานความเคลื่อนไหวทุก วัน

ในขณะเดียวกัน เขากล่าวว่า ความไม่น่าเชื่อถือของสื่อไทย ซึ่งเขากล่าวว่า สื่อไทยรายงานด้วยความลำเอียงอย่างเห็นได้ชัด

นั่นหมายถึงว่าเขาต้องเข้าเยี่ยมพื้นที่ชุมนุม เขากล่าวต่อว่า

สื่อในประเทศไทย ทั้งสิ่งตีพิมพ์ และการออกอากาศ เลือกข้างพอควร ไม่ว่าทางใดก็ทางหนึ่ง ผมไม่สามารถรับรู้ถึงเป้าหมายอย่างแน่ชัด และมุมมองอันยุติธรรมว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น…”

เกี่ยวกับผู้ประท้วง เขากล่าวว่า

ผมทึ่งกับประชาชนที่เข้ามารวมตัวกัน..มีผู้หญิงสูงอายุเป็นจำนวนมาก เด็กเล็กหลายคน และคนธรรมดาทั่วไป เช่น ชาวนา และประชาชนซึ่งปกติไม่เคยมีส่วนเกี่ยวข้องทางการเมือง ผมเห็นประชาชนหลายคนซึ่งไม่คาดว่าจะมาอยู่ในสถานที่เช่นนี้..ประชาชนที่ผม ได้พบปะส่วนใหญ่เป็นคนธรรมดา ซึ่งคุณจะไม่คาดคิดว่าจะมาอยู่ในพื้นที่เช่นนี้ในเวลาเช่นนี้

รอดริเกซกล่าวถึงประเทศฟิลิปปินส์

เขากล่าวว่า หลายคนที่เข้าร่วมชุมนุมเนื่องจากมีการจ่ายเงินให้พวกเขา พวกเขาจึงออกมาชุมนุม มาอย่างขอไปที พอได้เงิน ก็กลับ

ในการชุมนุมเสื้อแดง เขากล่าวว่า “..เสื้อแดงฟังการปราศรัยอย่างตั้งใจ มีการตบมือ และการตะโกนเชียร์ และมีอารมณ์ร่วมกับการปราศรัยของแกนนำ…”

นี่ไม่ใช่เรื่องที่เขาคาดว่าจะเกิดขึ้น เขาจำได้ว่ามันเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยากที่ผู้ร่วมชุมนุมหลายคนจะเข้าไปอยู่ตรงนั้น นอกเสียจากจะได้รับเงินสนับสนุน บางคนมาจากที่ห่างไกล พวกเขาต้องจ่ายค่าเดินทาง หรือเดินทางมาฟรีๆ พวกเขาต้องกิน และอื่นๆ..ผมไม่แน่ใจว่า พวกที่มาชุมนุมเหล่านี้ เพราะได้รับเงินหรือไม่ ผมคิดว่าคงมีบางคนรับเงินให้มาเข้าชุมนุมเขาเสริมต่อว่า การชุมนุมนี้ แตกต่างโดยสิ้นเชิงจากการขายบริการเพื่อแลกเงินนะ….”

ความเห็นเช่นนี้ได้ยั่วยุให้เกิดความโกรธแค้น จากเสื้อเหลือง เพราะพวกเขาเชื่อว่าผู้ประท้วงทุกคนรับเงินมา ความเห็นของเอกอัครราชทูตที่ว่า

เราต้องให้ความเคารพต่อพวกเขา ที่พวกเขาได้ยอมเสียสละ การพูดเช่นนี้เหมือนยิ่งยุให้วัวบ้าคลั่ง ที่เลวไปกว่านั้นอีก เขาแย้งว่า เสื้อแดงไม่ใช่เข้าร่วมการชุมนุมเพียงเพื่อสนับสนุนทักษิณ ชินวัตรเท่านั้น

เขาแย้งว่า รัฐบาลตัดสินผู้ประท้วงด้วยความไม่ยุติธรรม ดังนั้นรัฐบาลจึงตอบโต้ด้วยวิธีการที่ป่าเถื่อน

ในเรื่องฐานะ เขากล่าวว่า เขาทึ่งต่อความอู้ฟู่ และสถานะของคนบางคนในประเทศไทย

ผมเคยอยู่ในหมู่บ้านใกล้ถนนศรีนครินทร์ และเรามีเพื่อนบ้านหลายคนซึ่งมีรถบ้านละห้าถึงหกคัน แล้วไม่ใช่แค่รถธรรมดาๆ แต่เป็นรถบีเอ็มดับเบิ้ลยู รถเมอร์เซเดส เบนซ์และรถสปอร์ตในงานเลี้ยงที่ผมร่วมด้วยนั้น ผมเห็นเครื่องเพชร เป็นต้น ผมนะ ใจสั่นเลย เพราะไม่เคยเห็นแบบนี้มาก่อนในฟิลิปปินส์ หรือในสหรัฐฯ หรือแม้แต่ในอังกฤษ คนที่นี่ชอบอวดสถานะทางสังคมของตัวเองด้วยเฟอร์นิเจอร์ และผมคิดว่านี่คือเหตุผลที่ว่าทำไมบางคนจึงได้โกรธเคืองนัก…..”

เขาพูดได้ตรงเผงเลย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ผู้ให้ข้อมูลร่วมกัน