วันเสาร์ที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553
ซีรีส์ ยุทธการตอแหลแห่งชาติ : ตอนที่ 7 เจ้าที่ย่อมมีฤทธิ์
http://img688.imageshack.us/img688/7490/19622087.jpg
ซีรีส์ยุทธการตอแหลแห่งชาติ : ก่อนรัฐประหาร
ตอน ที่ 7 : เจ้าที่ย่อมมีฤทธิ์
โดย : กาหลิบ
พิมพ์ครั้งแรก : กุมภาพันธ์ 2550 (หนังสือพิมพ์โลกวันนี้รายวัน)
*******************************************************************************
ผู้ใหญ่ บ้านคนหนึ่งรีบออกมารับว่า ลงมือทาสีเอง เห็นศาลพระภูมิท่านเก่ามากแล้ว ไม่น่าดู ก็เลยซื้อสีมาทาจนเอี่ยมอ่องแล้วเห็นไหม?
*******************************************************************************
เจ้าที่ย่อมมีฤทธิ์
สัปดาห์หลังวันหยุดยาวดู จะหนักหนาสาหัสอยู่ ผมก็เลยเปลี่ยนใจไม่อยากเพิ่มความกดดันให้กับใคร เล่านิทานกันเล่นดีกว่า
กาลครั้งหนึ่งไม่นานมานี้ ในหมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่งมีศาลพระภูมิเก่าแก่ที่คนในหมู่บ้านนับถือมาก ศาลนี้ก็เหมือนศาลพระภูมิเจ้าที่ทั่วไป ทำด้วยไม้สัก เก่าคร่ำ มีหลังคาทรงไทยสวยงาม เห็นได้ชัดว่าสร้างขึ้นด้วยความประณีตบรรจง ถึงจะไม่หรูหราอัครฐานแต่ก็น่าชม
ความนับถือในศาลพระภูมิแห่ง นี้ทำให้ชาวบ้านเวียนเข้ามาบูชาโดยตลอด บางคนเข้ามาขอทำน้ำมนต์ไปให้พ่อแม่ดื่มกิน เพราะนอนแบบลุกไม่ขึ้น วิธีการก็ทำง่ายๆ เอาขวดใส่น้ำสะอาดมาเต็มปรี่ทีเดียว จากนั้นก็กราบกรานขอพรจากเจ้าที่ตามที่ตัวต้องการ เมื่อยกขวดนั้นขึ้นจบเหนือศีรษะก็เป็นอันเสร็จพิธี เอาน้ำกลับบ้านไปป้อนพ่อแม่
ได้ข่าวว่าหายวันหายคืน นี่เห็นออกมานั่งสบายอยู่ใต้ถุนเรือนแล้ว
บางคนก็มาขอฝน สำหรับนาข้าว เพราะปีกลายแล้งจนใจหาย เป็นหนี้สินเพิ่มขึ้นอีกไม่รู้จักเท่าไหร่ ลูกเรียนอยู่ราชภัฏก็ยังไม่รู้จะไปกู้เงินใครมาส่งเสีย ถ้าเจ้าที่จะกรุณาบันดาลให้ฟ้าฝนสมบูรณ์ ก็จะช่วยเหลือเยียวยาได้อย่างวิเศษ
บ้าง เข้ามาขอหวย อ้างเสียด้วยว่าตลอดชีวิตไม่เคยคิดร้ายต่อใครเลย แต่ก็จนแสนจน ถ้าหลวงพ่อจะให้เห็นเลขสักหน่อยก็จะพอเป็นเบี้ยต่อไส้ได้บ้าง
เลข ก็ปรากฏขึ้นบนเถ้าของธูปทันทีเลยเหมือนกัน ป้าแกก็ดีอกดีใจรีบกลับไปฝากเขาแทง ถูกหรือไม่ไม่ได้กลับมาบอก
ความ นิยมในศาลพระภูมิมีมากจนชาวบ้านบอกให้ผู้ใหญ่บ้านจัดงานประจำปีขึ้นทุกปี งานฉลองเจ้าที่กลายเป็นงานใหญ่ที่สุดของหมู่บ้าน ขนาดนายอำเภอยังมาร่วมงาน ชาวบ้านจะแต่งตัวสวยงามยิ้มแย้มแจ่มใส ไอ้หนุ่มอีสาวก็เฮฮาเตลิดเปิดเปิงไป บางทีกลับมาดึกๆ ดื่นๆ หรือล่อเอาเช้าเลยก็หลายราย
ผ้าแพรสี ต่างๆ ช้างม้าวัวควายตัวเล็กๆ ค่อยปรากฏขึ้นในศาลและรอบศาล สวยงามน่ากราบไหว้ขึ้นทุกที รถจากนอกเมืองผ่านมายังชะลอเหมือนจะรู้ถึงความศักดิ์สิทธิ์ และพากันบีบแตรถวาย
วันหนึ่งผู้ใหญ่บ้านคนเก่าเกิดล้มเจ็บ บอกให้ใครๆ รู้ว่ากูทำงานไม่ไหวแล้ว ไปตามใครมาทำแทนกูทีเถิด ทำอย่างไรล่ะคราวนี้ ลูกหลานแกก็ไม่มีสักคน ชาวบ้านก็มองหน้ากันไปมา
“ฉัน เอง” ชายวัยกลางคนยกมือขึ้นในโบสถ์ “ฉันอาสาช่วยงานไปก่อนจนกว่าผู้ใหญ่แกจะหายดี”
ชาวบ้านซุบ ซิบกันพึมพำ ทุกคนรู้ว่าแกเป็นเจ้าของร้านที่ปากทางเข้าหมู่บ้าน ย้ายมาจากไหนไม่รู้สักสองสามปีแล้ว รู้แต่ว่าแกมาตั้งตัวได้ที่นี่ จนชาวบ้านเป็นลูกค้าและเป็นลูกหนี้แกทั้งนั้น
ผู้ใหญ่บ้านคน ใหม่ออกแรงแข็งขัน เพียงไม่กี่เดือนเท่านั้นหมู่บ้านก็สวยงามขึ้นอย่างผิดหูผิดตา
ศาลา รอรถที่เคยเอียงกะเท่เร่จะพังมิพังแหล่ เดี๋ยวนี้แข็งแรงมั่นคง มีลุงแก่ๆ สองสามคนไปนั่งโขกหมากรุกได้ทุกวัน
สุขศาลาก็ทาสีใหม่เสีย สวยงาม แค่เข้าไปก็รู้สึกว่าหายป่วย มันเพลิดเพลินเจริญใจดี
วัด กลางก็กลายเป็นวัดสะอาดสะอ้าน องค์พระประธานอร่ามไปหมดทีเดียว เพราะผู้ใหญ่แกนำขบวนสรงน้ำทำความสะอาดองค์พระ และแกยังเลี้ยงมื้อกลางวันกับมื้อเย็นตั้งสองมื้อ
คนเริ่มจะ ลืมผู้ใหญ่บ้านคนเก่าที่นอนป่วยอยู่ พาลนึกว่าแกตายไปแล้วเสียด้วยซ้ำไป
แต่ แล้ววันหนึ่ง คนก็ตะลึงกันไปทั้งหมู่บ้าน เมื่อเดินเข้าถึงลานกลางหมู่บ้านแล้วก็เห็นภาพนั้นกันทั่ว แม่สาวร้องวี้ดว้าย ไอ้หนุ่มเอะอะว่าอะไรกันวะ ส่วนยายแก่สองสามคนนั่นเป็นลมไปเลย
ศาลพระภูมิกลายเป็นสีชมพู สด
ผู้ใหญ่บ้านคนใหม่รีบออกมารับว่าลงมือทาสีเอง เห็นศาลพระภูมิท่านเก่ามากแล้วไม่น่าดู ก็เลยซื้อสีมาทาจนเอี่ยมอ่องแล้วเห็นไหม
ชาวบ้านอ้าปากค้าง
ผู้ใหญ่ บ้านคนเก่ารู้ข่าว จึงตีกลองเรียกประชุมชาวบ้านทั้งหมด บอกให้รู้โดยทั่วกันว่าผู้ใหญ่คนใหม่มันกาลีบ้านกาลีเมือง เอาไว้ไม่ได้แล้ว ขอให้ชาวบ้านจงไปจัดการมันให้จงได้
จงอย่าไปนึกถึงอะไรดีๆ ที่มันเคยทำ
ชาวบ้านก็เลยรุมสหบาทาผู้ใหญ่บ้านคนใหม่ ไม่ยอมฟังเสียงครวญคร่ำว่าทำไปด้วยเจตนาดีแท้ๆ จนแกเงียบเสียงไปเลย
นิทาน เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ความคิดที่จะพัฒนาทุกคนนั้นผิด บางคนเขาก็ไม่อยากถูกพัฒนาก็มี
และยังสอนอีกด้วยว่า อยากพัฒนาที่ดินก็ทำไป แต่อย่าไปแตะต้องศาลพระภูมิเข้าให้ก็แล้วกัน.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น