แดงเชียงใหม่

กราบสวัสดี พี่น้องทุกๆท่านที่เข้ามาเยี่ยมเยือน Blog นปช.แดงเชียงใหม่ ขอเรียนชี้แจงสักนิดว่า เรา ”แดงเจียงใหม่” เป็นกลุ่มคนชาวเจียงใหม่ที่เคารพรัก กติกาประชาธิปไตย ต่อสู้และต่อต้านเผด็จการทุกรูปแบบ อยากเห็นประเทศชาติภายภาคหน้า มีความเจริญ ประชาชน รุ่นลูกหลานของเราอยู่อาศัยอย่างร่มเย็นเป็นสุขในประเทศของพวกเราเอง ไม่มีกลุ่มอภิสิทธิ์ชนกลุ่มใดมาสูบเลือดเนื้อ แอบอ้างบุญคุณเฉกเช่นในยุคนี้ที่พวกเราเห็น การที่จะได้รับในสิ่งที่มุ่งหวังก็ต้องมีการต่อสู้แสดงกำลังให้สังคมได้รับรู้ และเพื่อที่จะให้กลุ่มบุคคลที่มีอำนาจในปัจจุบันได้เข้าใจในสังคมที่ก้าวหน้าเปลี่ยนแปลงไป ไม่อาจฝืนต่อกระแสการพัฒนาของโลก การต่อสู้ร่วมกับผองชนทั่วประเทศในครั้งนี้ เรา " แดงเจียงใหม่ " ได้ร่วมต่อสู้ทุกรูปแบบ และ ในรูปแบบที่ท่านได้เข้ามาร่วมอยู่นี้ คือการเผยแพร่ข่าวสารต่อสังคม

เรา " แดงเจียงใหม่ " ขอเชิญชวนร่วมกันสร้างขวัญ และกำลังใจให้เพื่อนพ้องน้องพี่ร่วมกัน


"อันประชาสามัคคีมีจัดตั้ง
เป็นพลังแกร่งกล้ามหาศาล
แสนอาวุธแสนศัตรูหมู่อันธพาล
ไม่อาจต้านมวลมหาประชาชน"

.

วันพุธที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2553

"เรื่องอย่างว่า" : ตอน 1 ความน้อยเนื้อต่ำใจของผู้ต้องหาคนหนึ่ง


Tue, 2010-11-30 18:52

กรกช เพียงใจ

บันทึกชุดนี้เกิดขึ้นอย่างไม่ตั้้งใจ ...

น่าเสียดายที่เราไม่อาจเปิดเผยสิ่งใดได้เลย ด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัยของทั้งคนเล่าและคนเล่าต่อ

ในยุคสมัยที่มืดมน ใครอาจตีอกชกหัวที่เรื่องราวของผู้ถูกกระทำคนหนึ่งเป็นได้เพียง "นิยายประโลมโลกย์" หรือ "วรรณกรรมก่อนนอน" หาใช่รายงานอันมีข้อมูลหลักฐานหนักแน่น

แต่เชื่อเถิดว่ามันมีพลังเสมอ โดยเฉพาะเมื่อมันดิ้นรนที่จะมี "ชีวิต" ของมันเอง และพร้อมสื่อสารความเป็นไปต่างๆ ด้วยตัวเองให้คนร่วมยุคสมัยได้รับรู้

ใช่ ... บันทึกชุดนี้เกิดขึ้นอย่างไม่ตั้้งใจ แต่ขอให้รับรู้ไว้ว่ามันเต็มเปี่ยมไปด้วยความหวัง พลังใจของผู้เล่า แม้ในสถานการณ์ที่ยากลำบากที่สุดในชีวิต


เขาไม่ใช่ผู้ต้องขังคนแรกที่โดนข้อหาอย่างว่า ข้อหาที่แปลกประหลาดที่สุดของประเทศนี้

เรายังไม่รู้ว่าเขาทำอย่างว่าจริงหรือเปล่า แต่แม้สมมติว่าจริง ความเห็นของมหาชนก็ยังแตกต่างกันไป

บางคนว่าเรื่องอย่างว่าที่เขาทำเป็นเรื่องเล็กน้อยในสังคมสมัยใหม่ และออกจะไร้สาระเมื่อเทียบกับโทษทัณฑ์

บางคนว่าเรื่องอย่างว่าที่เขาทำ ไม่ว่าจะถูกหรือผิด เป็น "สิทธิ" ชนิดหนึ่ง เรียกว่า สิทธิในการแสดงออก

บางคนว่าเรื่องอย่างว่าที่เขาทำร้ายแรงอย่างไม่อาจให้อภัยได้ ทำร้ายจิตใจ "คนไทย" และบ่อนทำลายรากฐานสังคม

ฯลฯ

คดีเพิ่งเริ่มต้น ศาลยังไม่พิพากษา กาลเวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า คนยังคิดเห็นไปได้นานา แต่อย่างว่า...เขาอยู่ในคุกมาแล้วเกือบปี

- - - - - - - - - - - - - - - - -

เขาเป็นคนตัวเล็ก ท่าทางดูเรียบร้อย คำพูดคำจายิ่งบ่งบอกว่าเป็นคนใจดีและ "มีการศึกษา"

หลังจากถูกบุกจับกุมตัวที่บ้านพักและนำตัวมาไว้ในห้องขัง สภาพจิตใจของเขาแย่มาก เนื่องจากชีวิตของคนชั้นกลางธรรมดาคนหนึ่งพลิกผันไปสู่การเป็นคนคุกเพียง ชั่วคืน

เขาปฏิเสธข้อกล่าวหาอย่างว่า (มีไม่กี่คนที่ตัดสินใจปฏิเสธข้อกล่าวหาอย่างว่า เพราะบทเรียนจากนักโทษคนก่อนๆ บ่งบอกว่า...ยิ่งสู้ ยิ่งหนัก) และพยายามประกันตัว แต่ไม่เป็นผล คดีอย่างว่าเป็นเรื่องยากมากที่จะได้ประกันตัว ถ้าไม่ใช่คนโด่งดังมีสถานะในสังคม หรือนิยมรับประทานเส้นใหญ่น้ำใสจริงๆ

เขามีความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง อยู่ในแวดวงไซ...ยะ สาด และมักช่วยเหลือเพื่อนฝูงออกแบบห้องพิธีกรรมเอาไว้ให้คน "ปล่อยของ" เสมอ

เขาเล่าว่า กระทั่งมีคนเข้ามาปล่อยของแรงมากจนเป็นเหตุให้เขาถูกจับกุมตัว ทั้งที่เป็นเพียงผู้ออกแบบห้อง ไม่ใช่ผู้จัดการการใช้ พื้นที่นั้น

เมื่อ single dad อยู่ในคุก ลูกชายคนเดียวที่ยังเล็กก็ต้องเผชิญชีวิตคนเดียวภายนอกโดยอาศัยอยู่กับ เพื่อนๆ ของพ่อ ในครั้งแรกๆ ที่เจอกัน เขาร้องไห้เสมอเมื่อเอ่ยถึงลูก ทำให้อดไม่ได้ที่จะนึกถึงอดีตผู้ต้องขังพ่อลูกสามรายก่อน

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

ไม่ค่อยมีใครมาเยี่ยมเขาหรอก เพราะผู้คนต่างกลัวจะเกี่ยวพันกับเรื่องอย่างว่า

แม้แต่ครอบครัวของเขาเองก็เงียบหายไปหลายเดือน จนกระทั่งป๊าต้องไปบังคับให้ญาติๆ พากันมาเยี่ยมอย่างแกนๆ เป็นครั้งแรกเมื่อเดือนก่อน

ตอนที่ป๊าและน้าๆ ป้าๆ มาเยี่ยม เขาดีใจมาก ยิ้มจนปากเกือบฉีกถึงหู

ป๊าเขียนจดหมายมาหาเขาด้วยในช่วงหลัง ถามสารทุกข์สุขดิบและพูดทีเล่นทีจริงว่า..อาตี๋ ถ้าลื้อออกมาแล้ว ลื้อก็ไปเปลี่ยนนามสกุล ตั้งตระกูลใหม่ได้เลยนา

เขาเล่าเรื่องขบขันนี้ด้วยเสียงหัวเราะแปร่งๆ และแววตาปวดร้าว

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

"ผมเคยได้ยินแนวร่วมของผมและเพื่อนๆ ชาวไซ...ยะสาด พูดกันอยู่เสมอว่า "เราไม่ทอดทิ้งกัน" ผมเองก็คาดหวังอยู่เสมอว่าจะเป็นเช่นนั้น แต่พอมาประสบชะตากรรมเช่นนี้แล้วก็ดูเหมือนว่าผมอาจจะ "คาดหวัง" มากเกินไป และรู้สึกว่าคำๆ นี้อาจเป็นเพียงคำที่ใช้ปลอบใจสำหรับคนที่อยู่ข้างนอกเท่านั้น คนที่พลั้งพลาดไปแล้วอย่างผม และเพื่อนๆ ที่ไม่ใช่แกนนำอีกหลายคนก็อยู่แบบ "ตัวใครตัวมัน" ก็แล้วกัน จริงๆ แล้วผมเองพยายามในหลายๆ ทางที่จะให้เพื่อนข้างนอกให้ความใส่ใจกับคนภาคไซ...ยะสาด ที่โดนคดีอย่างว่าเหมือนผมให้มาก ซึ่งผมเองไม่แน่ใจว่าทั่วประเทศไทยมีอยู่จำนวนเท่าไหร่ ผมเองมีโอกาสคุยกับแกนนำคนหนึ่งหลายครั้งแต่ดูเหมือนเขาไม่ค่อยเห็นความ สำคัญของภาคไซ..ยะสาดเท่าไหร่ เค้ายังคงมั่นใจกับการเคลื่อนแบบเดิมๆ ทั้งๆ ที่ผมเองมั่นใจว่าตลอดมาตั้งแต่ 19 ก.ย. จนถึงวันนี้ภาคไซ..ยะสาดยังคงเป็นกำลังสำคัญมาตลอด แม้พวกเราจะถูกหาว่าเก่งแต่หน้าคอมก็ตาม แต่วันนี้มันไม่ใช่แบบนั้นแล้ว และก้าวต่อไปถ้ามีเหตุอะไรที่จะทำให้มีการเปลี่ยนแปลง กำลังทางไซ...ยะสาด นี้แหละที่มีความสำคัญที่สุด ต้องเน้นและทำขนานกันไปกับแนวทางเดิม และเมื่อกำลังทางไซ...ยะสาด สำคัญ "แกนนอน" ทางไซ..ยะสาดทุกคนก็ควรได้เกียรติเฉกเช่นแกนนำที่อยู่ตอนนี้ด้วยเช่นกัน และนี้คือเหตุผลที่ผมอยากเล่าให้ฟัง และผมมิได้คิดเพื่อตัวผมเอง แต่เพื่อพี่น้องชาวไซ...ยะสาด ของผมจะได้รับความสำคัญ และยกย่องบ้างจากพี่น้องที่พวกเขาทุ่มเทและศรัทธาไม่มากไม่น้อยไปกว่าใคร เลย..." คำบอกเล่าของเขาคนนั้น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ผู้ให้ข้อมูลร่วมกัน