รักประชาธิปไตยไม่เอาเผด็จการ ต่อต้านการรัฐประหารทุกรูปแบบ สร้างขวัญกำลังใจและความสุขเพื่อปวงชน
แดงเชียงใหม่
กราบสวัสดี พี่น้องทุกๆท่านที่เข้ามาเยี่ยมเยือน Blog นปช.แดงเชียงใหม่ ขอเรียนชี้แจงสักนิดว่า เรา ”แดงเจียงใหม่” เป็นกลุ่มคนชาวเจียงใหม่ที่เคารพรัก กติกาประชาธิปไตย ต่อสู้และต่อต้านเผด็จการทุกรูปแบบ อยากเห็นประเทศชาติภายภาคหน้า มีความเจริญ ประชาชน รุ่นลูกหลานของเราอยู่อาศัยอย่างร่มเย็นเป็นสุขในประเทศของพวกเราเอง ไม่มีกลุ่มอภิสิทธิ์ชนกลุ่มใดมาสูบเลือดเนื้อ แอบอ้างบุญคุณเฉกเช่นในยุคนี้ที่พวกเราเห็น การที่จะได้รับในสิ่งที่มุ่งหวังก็ต้องมีการต่อสู้แสดงกำลังให้สังคมได้รับรู้ และเพื่อที่จะให้กลุ่มบุคคลที่มีอำนาจในปัจจุบันได้เข้าใจในสังคมที่ก้าวหน้าเปลี่ยนแปลงไป ไม่อาจฝืนต่อกระแสการพัฒนาของโลก การต่อสู้ร่วมกับผองชนทั่วประเทศในครั้งนี้ เรา " แดงเจียงใหม่ " ได้ร่วมต่อสู้ทุกรูปแบบ และ ในรูปแบบที่ท่านได้เข้ามาร่วมอยู่นี้ คือการเผยแพร่ข่าวสารต่อสังคม
เรา " แดงเจียงใหม่ " ขอเชิญชวนร่วมกันสร้างขวัญ และกำลังใจให้เพื่อนพ้องน้องพี่ร่วมกัน
"อันประชาสามัคคีมีจัดตั้ง
เป็นพลังแกร่งกล้ามหาศาล
แสนอาวุธแสนศัตรูหมู่อันธพาล
ไม่อาจต้านมวลมหาประชาชน"
.
เป็นพลังแกร่งกล้ามหาศาล
แสนอาวุธแสนศัตรูหมู่อันธพาล
ไม่อาจต้านมวลมหาประชาชน"
.
วันพุธที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2553
ศอฉ.ขู่ปิดหนังสือพิมพ์หัวสีที่บิดเบือน - จาบจ้วงสถาบันกษัตริย์
Wed, 2010-09-01 05:45
"สรรเสริญ แก้วกำเนิด" แถลงมีสื่อสิ่งพิมพ์บางฉบับที่เสนอข้อมูลบิดเบือนจากข้อเท็จจริง ทำประชาชนวิตกกังวล มีความแบ่งแยก หรือเสนอข่าวในลักษณะหมิ่นเหม่ จาบจ้วงสถาบันพระมหากษัตริย์ ศอฉ. ติดตามมาโดยตลอด เล็งแจ้งความดำเนินคดี ถ้ามีความจำเป็นจะดำเนินการในขั้นเด็ดขาดโดยปิดสื่อสิ่งพิมพ์
มติชนออนไลน์ รายงานวานนี้ (31 ส.ค.) ว่า พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) แถลงภายหลังการประชุม ศอฉ.ที่มีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ว่า ที่ประชุมพูดถึงการเหตุยิงลูกระเบิดเอ็ม 79 เข้าไปในพื้นที่สถานีโทรทัศน์ช่อง 11 เบื้องต้นสันนิษฐานว่าเป็นความพยายามสร้างสถานการณ์ ทำให้เกิดความสุบสนวุ่นวาย และทำให้ประชาชนไม่มั่นใจในความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน โดยไม่ได้มุ่งหมายเอาชีวิต ซึ่งคนร้ายต้องการยิงเข้าไปในพื้นที่ลานจอดรถ แต่กระสุนไปถูกกิ่งไม้ทำให้สะเก็ดระเบิด
"นายสุเทพได้กำชับเจ้าหน้าที่ใน 3 เรื่อง คือ 1.ให้เจ้าหน้าที่เน้นการทำงานด้านการข่าว โดยให้ผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองเป็นหลักในการประสานปฏิบัติอย่างเข้มข้น 2.ให้มีการตรวจสอบกล้องวงจรปิดของสถานีโทรทัศน์ช่อง 11 การทางพิเศษแห่งประเทศไทย และ กทม. โดยให้นำภาพมาเชื่อมโยงกันเพื่อหาข้อมูลหลักฐาน และ 3.ให้มีการเพิ่มกำลังตำรวจในพื้นที่ต่างๆ ที่มีข้อมูลข่าวสารว่าเป็นพื้นที่ล่อแหลม และสามารถสร้างสถานการณ์ได้ อาทิ ระบบคมนาคม ช่อง 11 ช่อง 5 รวมถึงชุมชน และห้างสรรพสินค้าที่ประชาชนจะไปใช้บริการ โดยจะมีการเพิ่มกำลังตำรวจ ทหารเข้าไปในพื้นที่ เพื่อให้เกิดความปลอดภัย"
พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า ที่ประชุมรายงานว่ามีสื่อสิ่งพิมพ์บางฉบับที่เสนอข้อมูลบิดเบือนจากข้อเท็จ จริง ทำให้ประชาชนเกิดความวิตกกังวล มีความแบ่งแยก หรือเสนอข่าวในลักษณะหมิ่นเหม่ จาบจ้วงสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่ง ศอฉ.ได้ติดตามพฤติกรรมมาโดยตลอด และจะมีการแจ้งความดำเนินคดีกับสื่อสิ่งพิมพ์ดังกล่าว และถ้ามีความจำเป็นจะดำเนินการในขั้นเด็ดขาด เช่น การปิดสื่อสิ่งพิมพ์ดังกล่าว ทั้งนี้ ยังพบข้อความจากสื่อสิ่งพิมพ์หัวสีฉบับหนึ่งที่มีข้อความชี้แจงที่ทำให้ สังคมบิดเบือน เช่น มีการระบุว่ามีคนมีสีไล่ล่าคนเสื้อแดง โดยมีการข่มขู่ให้หยุดการเคลื่อนไหว ซึ่งคนมีสีในสามัญสำนึกน่าจะหมายถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ซึ่งการชี้นำอย่างนี้ทำให้สังคมเกิดความเคลือบแคลง และเข้าใจว่าเจ้าหน้าที่ต้องการไล่ล่าเสื้อแดง ซึ่งเบื้องต้นคงจะมีการเตือนการนำเสนอข่าวดังกล่าว และอาจจะต้องมีการแจ้งความดำเนินคดี หากยังไม่ยุติการการกระทำดังกล่าวก็จะต้องดำเนินการขั้นเด็ดขาดตามกฎหมาย
เมื่อถามว่า การที่มีเหตุระเบิดบ่อยครั้งในช่วงนี้จะกระทบต่อการพิจารณายกเลิกประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินหรือไม่ พ.อ.สรรเสริญกล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีการพูดเพิ่มเติมในการพิจารณายกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพราะเป็นอำนาจในการตกลงใจของนายกรัฐมนตรี อย่างไรก็ตาม เหตุระเบิดที่เกิดขึ้น หลายคนพยายามโยงว่าเจ้าหน้าที่รัฐพยายามสร้างสถานการณ์เพื่อต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉินออกไป ขอยืนยันว่าไม่มีเจ้าหน้าที่ส่วนราชการคนใดคิดเช่นนี้ ที่ผ่านมาพยายามทำเพื่อให้สถานการณ์สงบเรียบร้อย การจะไปสร้างสถานการณ์อะไรเพื่อหวังผลต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉินออกไป เป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้
เมื่อถามกรณีกลุ่มเสื้อแดงมีการนัดเสวนารวมกลุ่มอยู่ตลอด
พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า "เรามีการติดตามตลอด ไม่ว่าจะมีการพูดคุย หรือมีการเคลื่อนไหวในพื้นที่ที่มีการยกเลิกประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน แต่เราต้องแยกแยะว่าเขาทำในขอบเขตกฎหมายหรือไม่ หากไม่ละเมิดสิทธิหรือผิดกฎหมายก็สามารถทำได้"
รายงาน ข่าวแจ้งว่า ขณะนี้ทาง ศอฉ.ได้มีการเพิ่มจุดตรวจ และเพิ่มกำลังทหาร-ตำรวจในพื้นที่ที่ล่อแหลม และเสี่ยงต่อการสร้างสถานการณ์ทั่ว กทม. รวมทั้งหมด 11 จุด อาทิ ระบบคมนาคมที่สำคัญ สถานที่ราชการ สถานีวิทยุโทรทัศน์ที่สำคัญต่างๆ
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น