แดงเชียงใหม่

กราบสวัสดี พี่น้องทุกๆท่านที่เข้ามาเยี่ยมเยือน Blog นปช.แดงเชียงใหม่ ขอเรียนชี้แจงสักนิดว่า เรา ”แดงเจียงใหม่” เป็นกลุ่มคนชาวเจียงใหม่ที่เคารพรัก กติกาประชาธิปไตย ต่อสู้และต่อต้านเผด็จการทุกรูปแบบ อยากเห็นประเทศชาติภายภาคหน้า มีความเจริญ ประชาชน รุ่นลูกหลานของเราอยู่อาศัยอย่างร่มเย็นเป็นสุขในประเทศของพวกเราเอง ไม่มีกลุ่มอภิสิทธิ์ชนกลุ่มใดมาสูบเลือดเนื้อ แอบอ้างบุญคุณเฉกเช่นในยุคนี้ที่พวกเราเห็น การที่จะได้รับในสิ่งที่มุ่งหวังก็ต้องมีการต่อสู้แสดงกำลังให้สังคมได้รับรู้ และเพื่อที่จะให้กลุ่มบุคคลที่มีอำนาจในปัจจุบันได้เข้าใจในสังคมที่ก้าวหน้าเปลี่ยนแปลงไป ไม่อาจฝืนต่อกระแสการพัฒนาของโลก การต่อสู้ร่วมกับผองชนทั่วประเทศในครั้งนี้ เรา " แดงเจียงใหม่ " ได้ร่วมต่อสู้ทุกรูปแบบ และ ในรูปแบบที่ท่านได้เข้ามาร่วมอยู่นี้ คือการเผยแพร่ข่าวสารต่อสังคม

เรา " แดงเจียงใหม่ " ขอเชิญชวนร่วมกันสร้างขวัญ และกำลังใจให้เพื่อนพ้องน้องพี่ร่วมกัน


"อันประชาสามัคคีมีจัดตั้ง
เป็นพลังแกร่งกล้ามหาศาล
แสนอาวุธแสนศัตรูหมู่อันธพาล
ไม่อาจต้านมวลมหาประชาชน"

.

วันศุกร์ที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2553

ชูมือขอชีวิตกลับได้กระสุนปืน

จากหนังสือพิมพ์ โลกวันนี้
ปีที่ 11 ฉบับที่ 2888 ประจำวัน จันทร์ ที่ 20 กันยายน 2010

โดย
กิตติพิชญ์
ยิ่งวรการสุข

นายภัสพล ไชยพงษ์ วัย 41 ปีจากสิงห์บุรี
พ่อค้าขนมเปี๊ยะผู้มีรอยจารึกเป็นกระสุนความเร็วสูงฝังอยู่ที่ลำคอ
ไม่สามารถที่จะเอาออกมาได้
เพื่อให้รำลึกถึงเหตุการณ์ที่เขามาแสดงความไม่เห็นด้วยกับการรัฐประหารล้มล้างรัฐบาลที่มาจากประชาชนของ
พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
ที่ทำให้ครอบครัวของเขาที่มีฐานะยากจนอยู่แล้วได้ลืมตาอ้าปากได้ด้วยตนเอง
ไม่ต้องกู้หนี้ยืมสินอีก
แต่เมื่อความไม่เป็นธรรมเกิดขึ้นเขาจึงเข้าร่วมกับกลุ่ม นปช.แดงทั้งแผ่นดิน

ผมเข้าร่วมชุมนุมกับกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.)
แดงทั้งแผ่นดินหลังจากที่คณะนายทหารก่อการรัฐประหารรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
เมื่อวันที่ 19 ก.ย. 2549 มีการกล่าวหาว่า
พ.ต.ท.ทักษิณและรัฐบาลของท่านไม่ดีสารพัด ซึ่งก็ไม่ได้เป็นความจริง
เพราะถ้าเป็นความจริงทำไมจนถึงป่านนี้จึงไม่สามารถเอาผิดกับ พ.ต.ท.ทักษิณได้

ผมคิดว่าการทำกับอดีตนายกฯทักษิณไม่เป็นธรรม
โครงการต่างๆของท่านสามารถจับต้องได้ ไม่ว่าจะเป็นโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค
โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการกองทุนหมู่บ้านที่ทำให้ครอบครัวของผมที่มีฐานะยากจนได้ลืมตาอ้าปากจนมีโรงงานทำขนมเปี๊ยะในปัจจุบัน
จากการที่พ่อตาแม่ยายไปกู้เงินกองทุนมา 20,000 บาท
มาซื้อเครื่องมือทำขนมเปี๊ยะสูตรของตนเอง จนได้รับการส่งเสริมให้เป็นสินค้า 1
ตำบล 1 ผลิตภัณฑ์ในระดับ 5 ดาว

เหตุผลที่สำคัญอีกประการหนึ่งที่ทำให้เข้าร่วมชุมนุมกับกลุ่มคนเสื้อแดงก็คือ
ปัญหาระบบ 2
มาตรฐานที่นับวันจะมีความเลวร้ายมากยิ่งขึ้นในรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์
ไม่ว่าจะเป็นกรณี พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ อดีตนายกรัฐมนตรีและองคมนตรี
ครอบครองที่ดินเขายายเที่ยง การไล่ล่าอดีตนายกฯทักษิณ
การตัดสินคดีการเมืองอย่างมีอคติและไม่เป็นธรรม โดยเฉพาะการรับใช้ระบอบอำมาตย์
หรือการดำเนินคดีกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยหรือเสื้อเหลืองที่เป็นไปอย่างล่าช้า
ซึ่งแตกต่างกับการชุมนุมของคนเสื้อแดง

"รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์มาไม่ถูกต้องตามครรลองของระบอบประชาธิปไตย ถ้าบอกว่าเรา
1 สิทธิ 1 เสียงก็คือให้เราก่อนสิ
ถ้าคุณมาอีกทีอย่างสมบูรณ์แบบเชื่อว่าไม่มีใครว่าอะไรถ้าคนส่วนใหญ่เขารับอย่างนั้น
แต่ถ้าได้รัฐบาลที่เราต้องการมาคุณก็ต้องยอมรับเหมือนกันถ้าคนส่วนใหญ่เลือกเข้ามา
ไม่ใช่เป็นรัฐทหารแบบนี้ มันไม่ถูกต้อง แล้วชีวิตจะอยู่กันอย่างไร เขาบอกว่า 1
สิทธิ์ 1 เสียง มีสิทธิเท่ากัน แต่ดูแล้วยังไงก็ไม่ใช่
แล้วยิ่งรัฐบาลกับทหารปฏิบัติตัวกับเรา กับกลุ่มพันธมิตรฯ มันคนละเรื่องกัน
กลายเป็นประชาชนคนเสื้อแดงหรือคนที่อยู่อีกฝั่งหนึ่งถูกมองว่าไม่ใช่คนไทย
ขอถามว่าเรามีสิทธิในประชาธิปไตยจริงหรือเปล่า
ถ้าจริงทำไมถึงมาไล่ยิงไล่ฆ่าเราขนาดนี้"

สำหรับรอยจารึกที่ลำคอนั้นเกิดจากเมื่อวันที่ 19 พ.ค. เวลาประมาณ 09.00 น.
ขณะกำลังเดินทางกลับบ้าน เมื่อมาถึงบริเวณทางเท้าเยื้องกับสถานีรถไฟฟ้าราชดำริ
ข้างบนรางรถไฟฟ้าเหนือหัวผมมองเห็นทหารกลุ่มหนึ่งเล็งปืนมาที่กลุ่มผู้ชุมนุมบริเวณที่ผมยืนอยู่
จากนั้นทหารก็ยิงปืนลงมาโดนหน้าผากผู้ชายคนหนึ่งที่ยืนอยู่ตรงหน้าผมพอดี
แต่ลูกกระสุนผ่านกะโหลกของผู้ชายคนนั้นทะลุมาที่ลำคอผม ฝังในอยู่ที่ท้ายทอย
ช่วงแรกรู้สึกชาแล้วมีเลือดไหลออกจากบาดแผลที่ลำคอ
ผมได้ช่วยประคองผู้ชายที่ถูกยิงตรงหน้าที่กำลังพะงาบๆ
และได้ยินคำพูดประโยคสุดท้ายจากผู้ชายคนนั้นคือ "อย่ากลัวพวกมัน"
หลังจากนั้นเขาก็เสียชีวิตลง

ผมถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลกลาง หมอบอกว่าโดนกระสุนความเร็วสูงผ่านเส้นเลือดดำ
เส้นเลือดแดงไปฝังในที่ท้ายทอย หมอบอกว่ามีแค่หนึ่งในล้านที่รอดชีวิตได้
และถ้าเอากระสุนออกจะอันตราย ให้รอดูอาการก่อน ถ้ามีอาการชาให้ปรึกษาหมออีกที
แต่ถ้าไม่มีอาการชาหรือไม่เป็นอะไรก็ให้เอาไว้อย่างนี้ก่อน
ผมต้องนอนพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลนาน 13 วัน
จากนั้นกลับมาพักรักษาตัวต่อที่บ้าน ระหว่างที่พักรักษาตัวอยู่ 2
เดือนทำให้กิจการทำขนมเปี๊ยะต้องหยุดชะงักลง
และผลกระทบที่ได้รับในขณะนี้คือเรื่องสุขภาพ
เพราะเวลาจะขับรถหรือคิดอะไรจะช้าลงไปกว่าแต่ก่อน และบริเวณคอรู้สึกตึง
เงยไม่ได้ และยังชาอยู่ บางส่วนหยิกก็ไม่เจ็บ ไม่รู้สึก เหมือนเนื้อมันตาย

ในส่วนความรู้สึกนั้นนายภัสพลบอกว่า
รู้สึกเสียใจที่รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์และกองทัพใช้ความรุนแรงกับประชาชนได้ขนาดนี้
อย่างผมถือว่าตายแล้วเกิดใหม่
แต่สิ่งที่เห็นมากับตาไม่ว่าจะเป็นการที่ผู้ชุมนุมถูกทหารยิงหรือถูกทหารกระชากลากถู
เป็นภาพที่เจ็บปวดและยังตามหลอกหลอนอยู่ตลอดเวลา
เพราะประชาชนคนเสื้อแดงมีแค่สองมือเปล่าที่ชูแขนขึ้นเพื่อขอชีวิตจากทหาร
แต่กลับได้รับกระสุนจากฝ่ายทหาร
ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเห็นแล้วไม่น่าจะเป็นประเทศเรา
เคยดูแต่ประเทศอื่นและว่าเมืองไทยคงไม่มีหรอกแบบนั้น
แต่ที่ไหนได้กลับมีทุกรูปแบบ เหลือเชื่อเลย

"รัฐบาลและกองทัพทำตัวเหมือนลิงหลอกเจ้า ไม่มีความน่าเชื่อถือใดๆ
เขาอยู่ได้ด้วยการใช้อำนาจจากกระบอกปืน
แต่ทางด้านคุณธรรมและเรื่องจิตใจที่ประชาชนจะยอมรับกลับไม่มี
ถามว่าผมได้รับการเยียวยาหรือช่วยเหลืออะไรจากรัฐบาลหรือไม่ ขอบอกว่าไม่มี
ความจริงคนที่เจ็บขนาดนี้ถ้าจะมาปรองดองอะไรเขาน่าจะมาเยี่ยม
มาถามว่าจะทำกันอย่างไร ก็ไม่เห็นเขามาถาม
เห็นแต่ในข่าวทีวี.จะพูดอะไรก็จบด้วยการปรองดองเหมือนเป็นสูตร
แต่จริงๆแล้วก็ไม่เห็นมีอะไรหรือสัมผัสสิ่งที่พูดได้
ขณะนี้ผมต้องพึ่งตัวเองและพยายามฟื้นฟูพละกำลังเรี่ยวแรงให้กลับคืนมาให้เร็วที่สุด
แม้จะต้องใช้เวลาในการรักษาบาดแผล
รวมทั้งยังเดินหน้าทำกิจการผลิตขนมเปี๊ยะออกสู่ท้องตลาดต่อไป"

ถ้ากลุ่มคนเสื้อแดงมีการเคลื่อนไหวชุมนุมใหญ่ทางการเมืองอีกผมก็จะไปร่วมต่อสู้กับคนเสื้อแดงอีก
เพื่อไปทวงถามความยุติธรรมในสิ่งที่ผ่านมา
และต้องต่อสู้เรียกร้องให้รัฐบาลยุบสภาคืนอำนาจให้ประชาชนต่อไป
ถ้าเงียบไปอีกหน่อยก็เป็นรัฐทหาร ใครมีอำนาจก็มายิง มาคุมอำนาจแล้วก็จบๆกันไป
มันไม่ได้ เพราะประเทศไทยก้าวมาไกลแล้ว ถึงแม้ต้องตายยังไงก็ต้องต่อสู้อีก
ส่วนจะมีความรุนแรงเกิดขึ้นอีกหรือไม่ขึ้นอยู่กับรัฐบาล
ถ้ารัฐบาลยังเป็นแบบนี้อยู่ขอฟันธงว่าจะต้องเกิดความรุนแรงขึ้นอีกแน่นอน
เพราะไม่มีใครมาให้ยืนฆ่าแล้ว และความรุนแรงจะลุกลามไปทั่วประเทศ ไม่ใช่แค่ใน
กทม. เพราะเป็นแผลที่ฝังลึกในจิตใจ
ขอย้ำว่าคนเสื้อแดงที่ถูกทหารยิงตายจะไม่สูญเปล่าอย่างแน่นอน

ผมขอเรียกร้องให้รัฐบาลยุบสภาคืนอำนาจให้ประชาชน
จากนั้นให้มีการตั้งคณะกรรมการอิสระจริงๆเพื่อสอบสวนข้อเท็จจริงเหตุการณ์ครั้งนี้
โดยแต่งตั้งหลายฝ่ายจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายรัฐบาล ทหาร กลุ่มพันธมิตรฯ
และกลุ่มคนเสื้อแดง รวมทั้งการให้สิทธิแก่คนเจ็บคนตายด้วยการสอบสวนให้กระจ่าง
ใครถูกใครผิดให้ดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยเฉพาะผู้สั่งการฆ่าประชาชน
เพื่อให้เป็นบทเรียนและบรรทัดฐาน ไม่ใช่มาเงียบงุบงิบกันอยู่แบบนี้
และทหารก็ควรอยู่อย่างทหาร ไม่ใช่มายุ่งเกี่ยวกับการเมือง
นั่งหน้าสลอนอยู่อย่างนี้ก็ไม่ไหว
และที่น่าเสียใจคือเหตุการณ์ผ่านมาหลายเดือนแล้วแต่ยังไม่มีใครในรัฐบาลออกมาแสดงความรับผิดชอบหรือกล่าวคำว่าขอโทษเลย
ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นไปได้

ส่วนผลกระทบเรื่อง พ.ร.ก.ฉุกเฉินนั้นโดยส่วนตัวไม่ได้รับผลกระทบอะไรจาก
พ.ร.ก.ดังกล่าวหรือถูกคุกคามอะไร แต่ในส่วนรวมได้รับผลกระทบจาก
พ.ร.ก.ฉุกเฉินอย่างแน่นอน
โดยเฉพาะในเรื่องการแสดงความคิดเห็นหรือการเรียกร้องสิทธิต่างๆทำให้เราระแวง
เพราะไม่รู้ว่าเราพูดแสดงความคิดเห็นออกไปแล้วจะเป็นผู้ก่อการร้ายหรือเปล่า
ทั้งๆการแสดงความเห็นเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของระบอบประชาธิปไตย
ทำให้เราระแวดระวังว่าจะโดนเก็บตอนไหนก็ไม่รู้ แต่ผมยืนยันว่าไม่กลัว
ความกลัวไม่มีแล้ว ความกลัวตายไปแล้ว ตายไปแล้วตั้งแต่โดนกระสุน
ทำให้ไม่มีอะไรจะกลัวอีกต่อไป

ส่วนสถานการณ์การเมืองในอนาคตนั้น
ตราบใดที่ความเป็นธรรมและความยุติธรรมยังไม่เกิดขึ้นในบ้านเมือง
สถานการณ์จะต้องเกิดความรุนแรงอย่างแน่นอน และบ้านเมืองจะลุกเป็นไฟ
เพราะอีกฝั่งหนึ่งดีไปหมดและอีกฝ่ายหนึ่งไม่ดี ทำอะไรก็ไม่ดี เป็นอะไรก็ไม่ดี
แย่ไปหมด อย่างนี้มันไม่ได้ พูดง่ายๆว่าบ้านเมืองนี้ก็ของเราเหมือนกัน
ไม่ใช่แค่ของพวกคุณ เขียนกฎหมายหรือตราอะไรกันก็ให้เป็นประชาธิปไตย
ผมถามว่าประชาธิปไตยคืออะไร ต้องฟังเสียงส่วนใหญ่
ประเทศจะลงคลองก็ต้องลงถ้าประชาชนเสียงส่วนใหญ่เอาอย่างนั้น
แต่นี่ส่วนใหญ่มาอีกอย่าง ยังไม่ได้ทำอะไรกลับถูกยึดอีกแล้ว เพราะไม่ได้ตามใจ
กลัวเสียอำนาจหรือกลัวเสียผลประโยชน์อะไรก็แล้วแต่ ไม่ยอมเขาอีก มันไม่ได้

"การต่อสู้ของคนเสื้อแดงในอนาคตจะชนะหรือไม่อยู่ที่ประชาชน
ถ้าประชาชนพร้อมใจกันรักษาในสิ่งที่ถูกต้องบ้านเมืองก็จะดีกว่านี้
แต่ถ้าทุกคนต่างเงียบ ธุระไม่ใช่ ไม่ยอมรับสภาพก็อยู่ๆกันไปไม่ต้องมาบ่น
แต่ถ้าดูแล้วไม่ถูกต้องก็ต้องออกมาต่อสู้พัฒนาประเทศกันไป ไม่ใช่ให้คนมีเงิน
มีอำนาจมาปกครอง ชี้ทางเราซ้ายหันขวาหัน โดยจะรับอะไรก็ไม่ได้
แสดงความคิดเห็นอะไรก็ไม่ได้ หรือกำหนดนโยบายจะทำอะไรก็ไม่ได้ ดังนั้น
ขอเรียกร้องให้ประชาชนคนเสื้อแดงออกมาร่วมกันต่อสู้ให้มากที่สุด
เพื่อปกป้องระบอบประชาธิปไตยและต่อต้านเผด็จการ เพื่อปลดแอกจากระบอบอำมาตย์"

ที่มา : หนังสือพิมพ์โลกวันนี้รายวัน ปีที่ 11 ฉบับที่ 2888 ประจำวันจันทร์ที่
20 กันยายน พ.ศ.2553 คอลัมน์ เล่าจากกระสุนปืน โดย กิตติพิชญ์ ยิ่งวรการสุข

***พวกเด็กยามบ้านใหญ่นี่มันโหดได้ใจจริง ๆ นะคุณ J.K.15 jeerapong
คุณช่วยถามไอ้คนสั่งมันให้หน่อย

เขามีความสุขมากมั้ยที่ได้ทำเช่นนี้กับคนในประเทศของตัวเอง***

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ผู้ให้ข้อมูลร่วมกัน