ผมเชื่อว่าวันนี้ ขบวนการ “มอมเมาชาวบ้าน” ที่ไม่รู้ข้อกฎหมายของมวลสมาชิกพรรคภูมิใจไทย ตามบัญชาของ นายเนวิน ชินชอบ ผู้มีบารมีเหนือพรรคภูมิใจไทย คงกำลัง “เดินสาย” ล่าลายชื่อชาวบ้านให้ได้ 5 หมื่นชื่อขึ้นไป
เพื่อ ใช้เป็นข้ออ้างในการดันร่างกฎหมายนิรโทษกรรมฯ เข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร ตามที่รัฐธรรมนูญเปิดช่องเอาไว้ให้ กันทั่วทุกจังหวัดที่พรรคภูมิใจไทยมี ส.ส.อยู่นะครับ
ดังนั้น เพื่อให้ชาวบ้านในทุกภาคได้ “สะดุดและหยุดคิด” กับคำชักชวนของ ส.ส.พรรคภูมิใจไทย หรือพรรคอื่นที่เป็นแนวร่วม ได้เห็นอีกมุมมองหนึ่งของบุคคลที่ “รู้ลึกและรู้จริง” ในแง่กฎหมายมาเผยแพร่ให้ทราบครับ
ผม ขอขอบคุณ คุณสมถวิล เทพสวัสดิ์ นักข่าวการเมืองของหนังสือพิมพ์ คม ชัด ลึก ที่สัมภาษณ์ นายอักขราทร จุฬารัตน ประธานศาลปกครองสูงสุด มาและเผยแพร่ใน คม ชัด ลึก วันอาทิตย์ที่ 26 กันยายน 2553 นี้ด้วยครับ
คุณสมถวิล สัมภาษณ์ ท่านอักขราทร ไว้หลายประเด็น
แต่ ที่ผมตัดทอนมาคือคำถามเกี่ยวกับ ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฯ ที่พรรคภูมิใจไทยกำลังผลักดันเข้าสู่การพิจารณาของสภา ท่านอักขราทร ตอบในประเด็นนี้ว่า
“ไม่รู้ว่านิรโทษกรรมให้ใคร และไม่รู้ว่าปรองดองคืออะไร ใครปรองดองกับใคร และปรองดองอย่างไร
ปัญหา ทั้งหมดก็อย่างที่บอกไป ถ้าทำกฎหมายให้เป็นกฎหมายเรื่องนิรโทษกรรมก็จะไม่มีมี แม้ว่านิรโทษกรรมเคยเกิดขึ้น แต่ต้องดูว่าการนิรโทษเกิดขึ้นกับกรณีลักษณะไหน
นิรโทษกรรมหมายถึง คนคนนั้นต้องมีการกระทำผิด ถามว่าที่จะนิรโทษกรรมในสิ่งที่รู้หรือยังว่าใครทำความผิดอะไร ที่ไหน วันนี้บอกว่าต้องนิรโทษกรรม ถามหน่อยว่าคนคนนั้นถูกกล่าวหาหรือยังว่าทำอะไรผิด
อย่าง ปี 2549 ปฏิวัติแล้วใครถูกข้อหา นักการเมืองที่ถูกตัดสิทธิทางการเมือง ก็ต้องถามว่า ถูกตัดสิทธิตามกฎหมายหรือไม่ ถ้าทำผิดกฎหมายแล้วต้องนิรโทษกรรมได้ ก็แสดงว่านักการเมืองทำผิดกฎหมายก็มีโอกาสที่จะได้รับนิรโทษกรรม
แล้วคนอื่นที่ติดคุกติดตะราง นิรโทษได้หรือไม่ ผมรู้ว่าทุกคนรู้ และเข้าใจเรื่องนี้เป็นปัญหาเรืองการเมือง”
คุณสมถวิล ถามว่า การอ้างคำนิรโทษกรรม เพื่อให้คนที่มีความเห็นแตกต่างเลิกทะเลาะกัน ปรองดองกัน ท่านอักขราทร ย้อนกลับว่า
“เป็น ไปได้หรือไม่ คนที่เห็นไม่เหมือนกันปรองดองแล้วจะมีความเห็นที่เหมือนกัน ถ้าไม่รู้ต้นเหตุมาก่อนว่าเกิดจากอะไรแล้วจะปรองดองได้อย่างไร แม้ว่าจะล้างไพ่ใหม่ก็ทำให้ได้หรือไม่”
ประธานศาลปกครองสูงสุด กล่าวไว้อย่างน่าคิดตอนหนึ่งคือ
“การทำให้บ้านเมืองสงบ ท่ามกลางการแตกแยกที่เกิดขึ้นในขณะนี้เป็นเรื่องยาก เพราะปล่อยให้เกิดเหตุการณ์บานปลายโดยไม่แก้ไขมานานมาก
ข้อมูล ข่าวสารที่ควรจะให้แก่ประชาชนเพื่อเข้าใจถูกต้องก็ไม่มีใครทำวันนี้พูดให้ ตายก็ไม่มีใครเชื่อ ต่อให้มีเหตุผลให้อธิบาย ฝ่ายตรงข้ามก็ไม่เชื่อ
ขณะเดียวกัน รัฐบาลกับข้าราชการกำลังถูกมองว่า ร่วมมือกันคอรัปชั่น โดยไม่แคร์ความรู้สึกของประชาชน”
ท่านบอกด้วยว่า “บาง ครั้งอ่านประวัติศาสตร์สากลก็จะรู้ว่า บางอย่างแก้ไม่ได้ ต้องให้สถานการณ์ถึงจุดต่ำสุด เมื่อถึงเวลาแล้วจะคิดได้เอง หรือ ทางออกอีกทางหนึ่งคือ ต้องหาผู้นำที่ไม่ใช่แค่ดี มีความสามารถ ต้องมีบารมีสูง พูดอะไรนำสังคมได้
แต่ บ้านเมืองเราในขณะนี้ยังหาไม่เจอ ตราบใดผู้นำเรายังวนเวียนการเมืองแบบเดิม ๆ ไม่กล้าแหวกกฎ เชื่อมั่นตัวเองสูง ไม่ฟังใคร แก้ปัญหาขณะนี้ไม่ได้”
นี่คือ บางส่วนของบทสัมภาษณ์นะครับ ท่านผู้ใดสนใจฉบับเต็ม รีบไปที่แผงหา คม ชัด ลึก วันอาทิตย์ที่ 26 กันยายนนี้มาอ่านโดยพลันนะครับ
ผมได้แง่คิดมุมมองแล้วไม่อยากเก็บไว้คนเดียว จึงนำมาเผยแพร่ต่อ เพื่อให้ชาว OK ได้รับทราบพร้อมกันไปด้วย
ผม เอง ไม่เห็นด้วยกับกฎหมายฉบับนี้มาตั้งแต่แรกแล้ว และมีคำถามไปยัง คุณเนวิน ชิดชอบ ผู้มีบารมีเหนือพรรคภูมิใจไทยไปในลักษณะเดียวกันนี้
คุณล่ะรู้สึกอย่างไรกับ ความเห็นของท่านประธานศาลปกครองสูงสุด
...อ้า ผมหมายถึง ประโยคที่ท่านปรารภว่า
“รัฐบาลกับข้าราชการกำลังถูกมองว่า ร่วมมือกันคอรัปชั่นโดยไม่แคร์ความรู้สึกของประชาชน”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น