17 กันยายน, 2010 - 15:31 | โดย the letter
ความผิดของนักโทษการเมืองคือไม่มีความผิด
ใน การปราบปรามผู้ชุมนุม 19 พฤษภาคม 2553 ได้ มีการจับกุม และตัดสินลงโทษผู้ถูกจับกุมไปแล้วบางส่วน แต่เราไม่มีข้อมูลแน่ชัดว่าผู้ถูกจับและถูกตัดสินลงโทษจำนวนกี่คน ไม่ว่าจะมีมากน้อยเพียงไร พวกเขาคือวีรชน แห่งการต่อสู้กับอำมาตยา นอกจากการถูกจับกุมแล้ว พวกเขายังถูกห้ามเยี่ยมจากเพื่อนฝูง เยี่ยมได้เฉพาะพ่อ แม่ พี่และน้องเท่านั้น
ภายใต้การไร้เสรีภาพจาก การต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย พวกเขาต้องการกำลังใจและมั่นใจว่าพวกเขาไม่ถูกทอดทิ้ง การเขียนจดหมายไปถึงพวกเขาจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง นอกจากนี้จดหมายนี้จะเป็นการแสดงประชามติให้สาธารณะรับรู้ว่ามีคนจำนวนมาก เชื่อว่าพวกเขาในสิ่งที่ถูกต้อง เราจึงขอให้ทุกคนช่วยเขียนจดหมายถึงพวกเขา
เงื่อนไขในการเขียนจดหมายถึงพวกเขา
1. ไม่ควรใช้ข้อความที่สุ่มเสี่ยง เพราะจดหมายทุกฉบับจะถูกตรวจสอบก่อนส่งต่อให้กับผู้รับ
2. ให้เขียนลายมือ เพื่อแสดงออกถึงการสื่อสารระหว่างมนุษย์กับมนุษย์ และบอกถึงที่มาที่แตกต่างกัน
รายชื่อผู้ถูกจับกุมเท่าที่เรารวบรวมได้ซึ่งถูกขังที่เรือนจำกลางคลองเปรม (แดน 8) มีดังนี้
1.นายกฤษณะ ธัญชยพงศ์
2.นายสุระชัย พริ้งพงศ์
3.นายแสวง จงกัญญา
4.นายวิษณุ กมลแมน
5.นายอภิวัฒน์ เกิดนอก
6.นายอำนวย ชัยแสนสุข
7.นายประยูร สุรพินิต
8.นายสมหมาย อินทนาคา
9.นายเอกสิทธิ์ แม่นงาม
ส่งไปที่
เรือนจำกลางคลองเปรม (แดน 8)
33/2 ถนนงามวงศ์วาน
แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพฯ 10900
พวก เราได้เปิดบล๊อกเพื่อแสดงจดหมายถึงนักโทษการเมือง 19 พฤษภา ถ้าท่านส่งจดหมายโปรดสแกนจดหมายและพิมพ์ข้อความในจดหมายสำหรับนำขึ้นบล๊อก เพื่อร่วมรณรงค์โครงการนี้ แล้วส่งมาที่ soacialmovethai@gmail.com
เนื่องจากเรามีรายชื่อจำกัดถ้าท่านมีรายชื่ออื่นๆจากเรือนจำต่างๆทั่วประเทศ ส่งมาหาเราตามอีเมล์ข้างบน
สมัชชาสังคมก้าวหน้า
แถลงการณ์เชิญชวนเขียนจดหมายถึงนักโทษการเมือง
สิทธิ เสรีภาพของประชาชนในประเทศที่เป็นประชาธิปไตยที่เป็นหลักสำคัญและยิ่งใหญ่ ที่สุด คือสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นทางการเมืองโดยไม่มีเงื่อนไขใดๆทั้ง สิ้น ประชาชนมีเสรีภาพในการชุมนุม มีเสรีภาพในการพูดในสิ่งที่ศรัทธาและเชื่อมั่น แม้การแสดงความคิดเห็นทางการเมือง, การพูด และการชุมนุมนั้นจะไม่สอดคล้องต้องกันกับแนวทางของรัฐบาลก็ตาม
เรา ขอยืนยันว่าสิทธิในการแสดงความคิดเห็นนั้นเป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญ และเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นมาคู่กับกับมนุษย์ ไม่มีสิ่งใดที่จะพรากสิทธินี้ไปได้ และรัฐบาลไม่อาจจับประชาชนที่คิดเห็นแตกต่างจากรัฐ ไปจองจำในคุกตารางแล้วอ้างว่า ความคิดเห็นของประชาชนกลุ่มต่างๆที่เห็นแตกต่างจากรัฐนั้นทำลายความมั่นคง ของประเทศ หากรัฐบาลใดจับขังประชาชนที่มีความคิดเห็นแตกต่างได้นั้น รัฐบาลนี้จะมีได้เฉพาะก็แต่ในประเทศที่มีการปกครองโดยคณะเผด็จการเท่านั้น
ใน ประเทศที่มีเสรีภาพอย่างแท้จริงนั้น ความคิดเห็นที่แตกต่างจากรัฐบาลนั้นยิ่งสำคัญมาก เพราะมันเป็นการสะท้อนสิ่งที่ประชาชนไม่พอใจรัฐบาลในการบริหารประเทศ และที่สำคัญเพราะประชาชนคือเจ้าของประเทศ ซึ่งรัฐบาลต้องมีความรับผิดชอบต่อประชาชนทั้งหมดเพราะอำนาจในการบริหารนั้น มาจากประชาชนตามหลักการในระบอบประชาธิปไตย
เมื่อประชาชนไม่พอใจในการ ทำงานของรัฐบาล ประชาชนก็มีสิทธิเรียกร้องรัฐบาลให้ลาออก หรือยุบสภา ซึ่งการเรียกเรียกร้องแบบนี้ เป็นไปตามกลไกลการปกครองตามระบบรัฐสภา และการเรียกร้องให้รัฐบาลยุบสภาหรือลาออกเป็นเงื่อนไขที่ธรรมดาที่เกิดขึ้น ทั่วโลก
หลัง การชุมนุมทางการเมืองของชาวนปช.ที่ผ่านมา รัฐบาลของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะมีการละเมิดสิทธิประชาชนอย่างกว้างขวางมากมายเป็นประวัติการณ์ มีการไล่ล่าและจับกุมคนหลายร้อยคนที่เห็นแตกต่างจากรัฐบาลโดยใช้กระบวนการ ทางศาลเป็นเครื่องมือมิหนำซ้ำเมื่อจับกุมแล้วก็ไม่ให้มีการประกันตัวใดๆทั้ง สิ้นโดยอ้างว่าคนที่ถูกจับกุมนั้นจะหลบหนี การกระทำของของนายอภิสิทธิ์และพวกพ้อง จึงเป็นการกระทำที่เป็นภัยต่อระบอบประชาธิปไตย
รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ไม่มีสิทธิอันใดทั้งสิ้นที่จะจับคุมขังชาวนปช.ที่คิดเห็นแตกต่างจากรัฐบาล ได้ และศาลภายใต้การนำของรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะและพวกพ้อง ก็ไม่มีสิทธิกักขังประชาชนที่มาชุมนุมทางการเมืองด้วยเช่นกัน
เรา สมัชชาสังคมก้าวหน้า จึงขอเชิญชวนพี่น้องทั่วทุกสารทิศที่ปรารถนาเห็นสังคมที่เป็นประชาธิปไตย เขียนจดหมายถึงนักโทษทางการเมืองชาวนปช.ทุกคนที่ถูกจองจำในคุกทั่วประเทศ เพื่อเป็นการให้กำลังใจ สำหรับผู้ที่ต่อสู้เพื่อความเป็นประชาธิปไตย และเพื่อเป็นการยืนยันว่า ประชาชนทุกคนมีเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและมีสิทธิในการชุมนุมเพื่อต่อ ต้านรัฐบาล
สมัชชาสังคมก้าวหน้า
จดหมายจากนักโทษการเมือง สุรชัย พริ้งพงษ์
สวัสดี ครับ กระผม นายสุรชัย พริ้งพงษ์ อายุ 20 ปี ซึ่งเป็นนักศึกษาและเป็นนักโทษคดีการเมือง ตัวกระผมนั้นโดนเจ้าหน้าที่ทหารจับกุมมาในคดีพรก.ฉุกเฉินในวันที่ 16 พฤษภาคม 2553 โดยตัวกระผมนั้นและคนอื่นโดนทหารซ้อมปางตายและ โดนตัดสินจำคุก 1 ปี โดยไม่มีการสอบสวนสืบสวนหรือรอลงอาญาใดๆทั้งสิ้น ทั้งๆที่ตัวกระผมนั้นมาชุมนุมด้วยความบริสุทธิ์ใจโดยมาเป็นแนวร่วมกับพี่ น้องประชาชนเพื่อมาชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตย โดยไม่มีสิ่งใดที่เป็นอาวุธเลยแม้แต่ชิ้นเดียว แต่กลับถูกจับมาคุมขัง โดยไร้ความยุติธรรม จากรัฐบาลผิดกับฝ่ายทางพันธมิตรที่ไม่มีการดำเนินคดีใดๆเลยทั้งสิ้นทั้งๆที่ ทำผิดกฎหมายเช่นกัน ทั้งคดียึดสนามบินสุวรรณภูมิ บุกยึดทำเนียบรัฐบาลและไหนจะออกมาชุมนุมกันนับพันคนที่ทำเนียบรัฐบาลวันที่ 7-8 สิงหาคมที่ผ่านมา และยังประกาศใช้พรก.ฉุกเฉินอยู่ กระผมจึงเขียนมาขอร้องขอความเป็นธรรมจากรัฐบาลและทุกฝ่าย ซึ่งตัวกระผมนั้นก็มีภาระหน้าที่ๆจะต้องออกไปเรียนหนังสือต่อและเลี้ยงดูพ่อ แม่ ซึ่งกระผมเป็นลูกคนเดียวฐานะทางบ้านก็ยากจน ห่วงว่าพ่อกับแม่ที่อยู่ต่างจังหวัดนั้นไม่มีใครดูแล เพราะอายุทั้งสองก็แก่มากแล้ว ซึ่งตอนนี้ก็อยู่เพียงลำพัง ไม่รู้เป็นตายร้ายดีอย่างไรก็มิอาจทราบ
กระผม จึงขอความเป็นธรรม ขอความเมตตาเห็นใจจากรัฐบาลและหน่วยงานทุกฝ่าย เพื่อปล่อยตัวหรือลดโทษ ดังที่ได้เขียนมาจากกระดาษแผ่นนี้ ด้วยความเคารพ และขอขอบพระคุณป็นอย่างสูง
ด้วยความเคารพเป็นอย่างยิ่ง
นายสุรชัย พริ้งพงษ์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น