Posted by คมชัดลึก ,
จรวดอาร์พีจีอาวุธสงครามร้ายแรงกว่า 39 ลูก และกระสุนปืนเอ็ม 60 เกือบ 1 หมื่นนัด อันตรธานหายไปจากกองคลังแสง แผนก 2 กรมสรรพาวุธทหารบก ต.เขาพระงาม อ.เมือง จ.ลพบุรี...อาจไม่ใช่ครั้งแรกที่อาวุธสงครามถูกขโมยจากคลังแสง ?!!
"คีม ตัดเหล็กและขวดน้ำพลาสติก" คือหลักฐานชิ้นสำคัญ ที่คนร้ายทิ้งร่องรอยไว้ในที่เกิดเหตุ ถูกนำมาเก็บลายนิ้วมือแฝงพร้อมทั้งตรวจหาดีเอ็นเอ เพื่อนำไปเปรียบเทียบกับลายนิ้วมือและดีเอ็นเอของผู้ต้องสงสัย
รายชื่อลูกจ้างประจำทั้งหมด โดยเฉพาะที่เข้าเวรช่วงกลางคืน ถูกนำตัวมาสอบสวนหาข้อพิรุธ...
ตาม แนวทางการสืบสวนของทีมเฉพาะกิจที่มี พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ช่วย ผบ.ตร. เป็นหัวหน้าและชุดสืบสวนในพื้นที่ จ.ลพบุรี เริ่มต้นจากการหาหลักฐานการเข้าเวรรักษาความปลอดภัยโดยรอบพื้นที่กองคลังแสง ซึ่งกว้างเกือบ 2,000 ไร่ จึงพบว่า บุคคลที่เข้าเวรส่วนใหญ่ไม่ใช่ทหารประจำการ แต่กลับเป็นพลเรือนที่เป็นลูกจ้างประจำทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยในพื้นที่ ดังกล่าว
จนกระทั่งพบว่านายนพพร สุริวงศ์ อายุ 41 ปี ลูกจ้างแผนก 2 กองคลังแสง ให้ข้อมูลที่วกวนและมีท่าทางพิรุธ ประกอบกับชุดสืบสวนมีหลักฐานในที่เกิดเหตุ สุดท้ายนายนพพรสารภาพว่าเป็นเพียงคนคอยดูต้นทางเท่านั้น พร้อมทั้งให้การซัดทอดคนที่เข้าไปขโมยอาวุธสงครามคือนายเอกชัย หลำชุ่ม อายุ 38 ปี อาชีพรับจ้างทั่วไป นายสมเกียรติ เลื่อนลอย อายุ 32 ปี ลูกจ้างแผนก 2 กองคลังแสง นายถาวร รักบุญ 35 ปี ซึ่งไม่มีงานทำเป็นหลักแหล่ง
นาย นพพรให้การอีกว่า ได้นำอาวุธสงครามที่ขโมยจากคลังแสงมามอบให้ ส.อ.เสมา คชเพต อายุ 30 ปี สังกัดกองพลทหารปืนใหญ่ (พล.ป.) พร้อมทั้งส่งต่อไปให้ จ.ส.อ.ประวิตร เชิงคิรี เจ้าหน้าที่ศูนย์สร้างอาวุธ และ จ.ส.อ.เอนก ออกแม้น อดีตทหารที่ถูกออกจากราชการ เพราะต้องสงสัยทำธุรกิจผิดกฎหมาย เป็นผู้ติดต่อตลาดรับซื้ออาวุธที่ถูกขโมยมา
ต่อมาชุดสืบสวนได้ติดตามจับ กุมนายเอกชัย นายสมเกียรติ และ ส.อ.เสมา ได้ทันควัน และทำการสอบสวนจนทราบว่า ผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดนำอาวุธสงครามบางส่วน สภาพใช้การได้ไปทิ้งไว้ในคลองบางลี่ บริเวณบ้านช้างทะลุ หมู่ 9 ต.บางลี่ อ.ท่าวุ้ง จ.ลพบุรี ทีมงานสืบสวนของ พล.ต.ท.อัศวิน และทีมแกะรอยของ พล.ต.ต.ชาติชาย แตงเอี่ยม ผบก.ภ.จว.ลพบุรี พร้อมนำชุดนักประดาน้ำไปงมหาอาวุธสงครามที่ถูกทิ้งไว้จนครบจำนวน
"การ สอบสวนขยายผลมีหลักฐานเพียงพอที่ขออนุมัติหมายจับผู้เกี่ยวข้อง ตอนนี้อยู่ระหว่างติดตามจับนายถาวร และ จ.ส.อ.เอนก ส่วน จ.ส.อ.ประวิตร อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน ซึ่งการลักทรัพย์อาวุธสงครามออกจากกองคลังแสงที่ 69 ซึ่งเป็นกองคลังแสงที่ใช้เก็บอาวุธสงคราม เพื่อรอจำหน่ายหรือทำลาย แต่ก็ยังอยู่ในสภาพที่พอใช้เมื่อสบโอกาสจึงถูกขโมยไป" พล.ต.ต.ชาติชายกล่าวถึงความคืบหน้าของคดี
อย่าง ไรก็ตาม กองคลังแสงแห่งนี้เคยถูกขโมยอาวุธสงครามครั้งแรกเมื่อวันที่ 2 กันยายน 2553 มีกระสุนปืนเล็กขนาด 7.62 มม. หายไปประมาณ 9,000 นัด ลูกยิงพีจี 2 จำนวน 10 ลูก หายไป แต่ไม่พบรอยงัดแงะหรือทำลายประตู แต่มีรอยที่ประตูคล้ายใช้ไม้ง้างให้ประตูเปิดอ้าออกพอคนลอดเข้าไปได้ ซึ่งหลังจากตรวจสอบแล้ว ทางนายทหารสั่งให้เจ้าหน้าที่นำกุญแจมาคล้องเพิ่ม คล้อยหลังเพียง 3 วัน ประตูคลังแสงที่ถูกปิดล็อกอย่างแน่นหนา ถูกตัดโซ่คล้องประตูออก ตรวจสอบพบมีระเบิดอาร์พีจีสูญหายไป ในที่เกิดเหตุพบหลักฐานหลายชิ้น อาทิ รองเท้าคนร้าย อุปกรณ์งัดแงะ คีมตัดโลหะ กรรไกร ไขควง จนสามารถขยายผลจับผู้เกี่ยวข้องได้เกือบครบ
แหล่ง ข่าวในชุดสืบสวนระบุว่า กลุ่มค้าอาวุธสงครามแก๊งนี้ เป็นขบวนการเดียวกัน ซึ่งเป็นลูกน้องใกล้ชิด "เสธ.ค" คำอ้างของผู้ถูกกล่าวหาบางคนระบุว่านำอาวุธสงครามไปขายให้แก่ชนกลุ่มน้อยตาม แนวชายแดนไทย-พม่า ด้าน จ.แม่ฮ่องสอน โดยขายจรวดอาร์พีจีนัดละ 1,000 บาท ส่วนกระสุนปืนเอ็ม 60 นัดละ 10 บาท ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบให้แน่ชัดว่ามีการซื้อขายจริงหรือไม่
"ขบวน การนี้เป็นขบวนการใหญ่มีหลายสาย เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่น่าจะกระทำเป็นครั้งแรก เพราะคำบอกเล่าของผู้ถูกกล่าวหาบางคนทำให้พอเชื่อได้ว่าน่าจะกระทำมาแล้ว หลายครั้ง แต่ขั้นตอนการตรวจสอบต้องเป็นหน้าที่ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่าเหตุการณ์ ที่เกิดขึ้นกระทำเป็นขบวนการ หรือสะเพร่าโดยสุจริต" แหล่งข่าวในชุดสืบสวนตั้งข้อสังเกต
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น