แดงเชียงใหม่

กราบสวัสดี พี่น้องทุกๆท่านที่เข้ามาเยี่ยมเยือน Blog นปช.แดงเชียงใหม่ ขอเรียนชี้แจงสักนิดว่า เรา ”แดงเจียงใหม่” เป็นกลุ่มคนชาวเจียงใหม่ที่เคารพรัก กติกาประชาธิปไตย ต่อสู้และต่อต้านเผด็จการทุกรูปแบบ อยากเห็นประเทศชาติภายภาคหน้า มีความเจริญ ประชาชน รุ่นลูกหลานของเราอยู่อาศัยอย่างร่มเย็นเป็นสุขในประเทศของพวกเราเอง ไม่มีกลุ่มอภิสิทธิ์ชนกลุ่มใดมาสูบเลือดเนื้อ แอบอ้างบุญคุณเฉกเช่นในยุคนี้ที่พวกเราเห็น การที่จะได้รับในสิ่งที่มุ่งหวังก็ต้องมีการต่อสู้แสดงกำลังให้สังคมได้รับรู้ และเพื่อที่จะให้กลุ่มบุคคลที่มีอำนาจในปัจจุบันได้เข้าใจในสังคมที่ก้าวหน้าเปลี่ยนแปลงไป ไม่อาจฝืนต่อกระแสการพัฒนาของโลก การต่อสู้ร่วมกับผองชนทั่วประเทศในครั้งนี้ เรา " แดงเจียงใหม่ " ได้ร่วมต่อสู้ทุกรูปแบบ และ ในรูปแบบที่ท่านได้เข้ามาร่วมอยู่นี้ คือการเผยแพร่ข่าวสารต่อสังคม

เรา " แดงเจียงใหม่ " ขอเชิญชวนร่วมกันสร้างขวัญ และกำลังใจให้เพื่อนพ้องน้องพี่ร่วมกัน


"อันประชาสามัคคีมีจัดตั้ง
เป็นพลังแกร่งกล้ามหาศาล
แสนอาวุธแสนศัตรูหมู่อันธพาล
ไม่อาจต้านมวลมหาประชาชน"

.

วันพฤหัสบดีที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2553

มหากาพย์ภารตะยุทธของคนเสื้อแดง สงครามของไพร่ทั้งแผ่นดินกับอำมาตย์

มหากาพย์ภารตะยุทธของคนเสื้อแดง สงครามของไพร่ทั้งแผ่นดินกับอำมาตย์ http://www.dailyworldtoday.com/columblank.php?colum_id=34870

บท ความชิ้นนี้ดูจะเข้มข้นสักหน่อย แต่เข้าใจว่าคงไม่ได้สื่ออะไรถึงความรุนแรงในลักษณะยั่วยุจนทำให้ผมอาจถูก ตั้งข้อหาแบบ นายเคทองหรอกนะครับ?

วันก่อนเปิดอินเทอร์เน็ตฟังการ ปราศรัยของคุณณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ หรือบางคนอาจบอกว่าเป็นการปลุกระดม แต่จะพูดให้เป็นการปลุกระดมหรือปราศรัย ผมต้องยอมรับว่าหมอนี่มีพรสวรรค์และทักษะในการพูดชั้นเยี่ยมทีเดียว ตั้งแต่ 14 ตุลาคม 2516 เป็นต้นมา ผมว่าคงไม่มีนักพูดคนใดที่พูดกับฝูงชนจำนวนคราวละมากๆได้เก่งกาจเทียบเท่า กับคุณณัฐวุฒิ... ผมเองผ่านประสบการณ์เช่นนี้มาตามสมควร ไม่ใช่พวกประเภทแก่แล้วแก่เลย ข้อมูลที่สะสมมาจึงประกอบเป็นความเห็นซึ่งให้เครคิตกับคุณณัฐวุฒิด้วยความ จริงใจ เขียนอย่างนี้ทั้งคุณเทพไท เสนพงศ์, คุณสุเทพ เทือกสุบรรณ หรือ ดร.ปณิธาน วัฒนายากร ใครต่อใครในฝ่ายนี้คงไม่น้อยใจนะครับ!

ที่ผม ติดอกติดใจเป็นพิเศษเห็นจะเป็นการนำเสนอสถานการณ์ปัจจุบันซึ่งคนเสื้อแดง เตรียมเคลื่อนทัพต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย คุณณัฐวุฒิรู้จักโยงเอามหากาพย์เข้ามาผูกเป็นวาทกรรมที่ปลุกเร้าได้น่าสนใจ ...


____________________________________________________________________-

ในมหาภารตะยุทธที่เป็นสงครามระหว่างญาติพี่น้องของราชวงศ์ปาณฑพแห่ง จันทรวงศ์กับราชวงศ์เการพแห่งจันทรวงศ์เช่นเดียวกัน คือทั้งสองฝ่ายมีปู่คนเดียวกัน... แต่มาขัดแย้งจนต้องทำสงครามใหญ่ ณ สมรภูมิทุ่งกุรุเกษตร เป็นสงคราม 18 วัน 18 คืน มีกองกำลังของทั้งสองฝ่ายเข้าร่วมอย่างมืดฟ้ามัวดิน... ผมไม่รู้ว่าการสู้รบในสมรภูมิดังกล่าวเป็นเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งสักแค่ ไหน? ...ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ถือเป็นการสู้รบที่หนักหน่วงรุนแรง มีกำลังพลเข้าร่วมมากที่สุดในโลกสำหรับการประจัญบานในคราวเดียวกัน...

กำลัง พลทั้งหมดแบ่งออกเป็น 18 กองพลรบพิเศษ เรียกว่า 18 อักเษาหิณี ซึ่งฝ่ายเการพมีอยู่ 11 อักเษาหิณี ขณะที่ปาณฑพมี 7 อักเษาหิณี แต่ละกองพลประกอบด้วยช้าง 21,870 เชือก มีม้า 65,610 ตัว รถรบ 21,870 คัน ทหารเดินเท้า 109,350 คน ...ลองเอา 18 คูณเข้าไปแต่ละรายการ... กำลังทัพที่เป็นมนุษย์ซึ่งเข้าโรมรันพันตูกันมีจำนวนมากกว่า 3 ล้านคน ...ลงท้ายในการรบ 18 วัน เหลือแม่ทัพเพียง 10 คน เป็นฝ่ายเการพ 3 และฝ่ายปาณฑพอีก 7 ที่เหลือนอกนั้นตายเรียบ!

มาถึงจุดนี้ อรชุนซึ่งเป็นเจ้าชายฝ่ายปาณฑพรู้สึกท้อแท้ไม่อยากสู้รบอีกต่อไป เพราะทั้งสองข้างต่างก็เป็นพี่น้อง วางคันธนูลง ตรงนี้เองที่เป็นไฮไลท์สำคัญ กฤษณะที่เป็นสารถีจึงต้องสอนอรชุน ความจริงกฤษณะนั้นเป็นพระวิษณุจำแลง แต่เราอย่าไปสนใจเลยครับ มาสนใจกับประโยคอมตะดีกว่า... รบเถิดอรชุน หากท่านพ่ายแพ้ในสนามรบ สวรรค์ก็ยังเปิดประตูรอท่านอยู่ แม้หากว่าท่านมีชัย ความเป็นใหญ่ในแผ่นดินก็รอให้ท่านครอบครองอยู่แล้ว...
_________________________________________________________________
ผมคงไม่ไป กล่าวถึงปรัชญาอะไรให้ลึกซึ้งเกี่ยวกับเบื้องหลังคำสั่งสอนของกฤษณะหรอกนะ ครับ แต่อยากจะชี้ว่าประโยคอมตะนี้เข้ากับสิ่งที่คุณณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ได้กล่าวปราศรัยในวันนั้น ผมว่าเขาประยุกต์ได้ประทับใจผู้ฟังมากทีเดียว แปลงจากประโยคของกฤษณะที่บอกให้อรชุนรบมาเป็นสำนวนที่เชิญชวนคนเสื้อแดง สำหรับการร่วมชุมนุมในวันที่ 14 มีนาคมที่จะถึงนี้

สงครามครั้งนี้ เป็นสงครามที่มีลักษณะชนชั้น เป็นการต่อสู้ของชนชั้นไพร่ทั้งแผ่นดินที่ต้องการโค่นชนชั้นอำมาตย์...การสื่อสารตรงนี้ผมว่าประสบความสำเร็จในฐานมวลชนที่เป็นคนระดับล่าง คือเขาไม่ได้จำแนกให้เป็นรากหญ้า เป็นชั้นกลาง กลางสูง หรือกลางต่ำ หรือจะเป็นนายทุนชาติ นายทุนน้อย

กลุ่มที่เข้าต่อสู้ของฝ่ายเสื้อแดง ประกาศตัวและกระทำในนามของไพร่ทั้งแผ่นดิน ซึ่งอดทนไม่ไหวอีกแล้วกับการใช้อิทธิฤทธิ์และอิทธิพลของชนชั้นอำมาตย์ที่ ครอบงำสังคมมายาวนาน แม้กระทั่งทักษิณ ชินวัตร ก็ถือเป็นตัวแทนของภาคไพร่ที่ประสบความสำเร็จ บังเอิญได้เป็นนายกรัฐมนตรีและเป็นเศรษฐีขึ้นมา ...ความผิดมันอยู่ตรงที่ว่าเผอิญเป็นไพร่ที่โดดเด่น แล้วมีความคิดที่จะแก้ปัญหาให้แก่พวกไพร่ด้วยกันที่จะมีชีวิตและความเป็น อยู่ให้ดีขึ้น... คุณณัฐวุฒิบอกว่าเพราะไพร่แบบทักษิณคิดจะทำอย่างนี้เองจึงเข้าตาพวกไพร่ด้วย กัน เขาจึงอยู่ไม่ได้ ถูกโค่นล้มลงไปในที่สุด เพราะชนชั้นอำมาตย์ไม่พอใจ...

“จง รบเถิดชนชั้นไพร่ ถ้าแม้นปราชัย ประวัติศาสตร์ก็จะจารึกว่าครั้งหนึ่งคนไทยได้ลุกขึ้นมาต่อสู้เพื่อ ประชาธิปไตย ป่าวประกาศให้โลกรู้ถึงการต่อสู้กับอภิสิทธิ์ชนเพื่อต้องการสิทธิเสรีภาพและ ความเสมอภาค แต่ถ้ามีชัยชนะ ประชาชนไทยชาวไพร่ทั้งหลายก็จะได้สัมผัสกับประชาธิปไตยที่แท้จริง...” อาจจะเพี้ยนไปจากที่คุณณัฐวุฒิพูดในวันนั้น แต่ผมก็ประทับใจนะครับสำหรับประโยคที่ประยุกต์มาจากมหาภารตะยุทธตอนที่กฤษณะ สอนอรชุน... ติดตามดูมหาสยามยุทธภาคเสื้อแดงล้างระบอบอำมาตย์...


เขียนอย่างนี้เข้าข่ายปลุกระดมหรือเปล่านะ?

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ผู้ให้ข้อมูลร่วมกัน