มหากาพย์ภารตะยุทธของคนเสื้อแดง สงครามของไพร่ทั้งแผ่นดินกับอำมาตย์ http://www.dailyworldtoday.com/columblank.php?colum_id=34870
บท ความชิ้นนี้ดูจะเข้มข้นสักหน่อย แต่เข้าใจว่าคงไม่ได้สื่ออะไรถึงความรุนแรงในลักษณะยั่วยุจนทำให้ผมอาจถูก ตั้งข้อหาแบบ “นายเคทอง” หรอกนะครับ?
วันก่อนเปิดอินเทอร์เน็ตฟังการ ปราศรัยของคุณ
ที่ผม ติดอกติดใจเป็นพิเศษเห็นจะเป็นการนำเสนอสถานการณ์ปัจจุบันซึ่งคนเสื้อแดง เตรียมเคลื่อนทัพต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย คุณณัฐวุฒิรู้จักโยงเอามหากาพย์เข้ามาผูกเป็นวาทกรรมที่ปลุกเร้าได้น่าสนใจ ...
____________________________________________________________________-
ในมหาภารตะยุทธที่เป็นสงครามระหว่างญาติพี่น้องของราชวงศ์ปาณฑพแห่ง จันทรวงศ์กับราชวงศ์เการพแห่งจันทรวงศ์เช่นเดียวกัน คือทั้งสองฝ่ายมีปู่คนเดียวกัน... แต่มาขัดแย้งจนต้องทำสงครามใหญ่ ณ สมรภูมิทุ่งกุรุเกษตร เป็นสงคราม 18 วัน 18 คืน มีกองกำลังของทั้งสองฝ่ายเข้าร่วมอย่างมืดฟ้ามัวดิน... ผมไม่รู้ว่าการสู้รบในสมรภูมิดังกล่าวเป็นเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งสักแค่ ไหน? ...ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ถือเป็นการสู้รบที่หนักหน่วงรุนแรง มีกำลังพลเข้าร่วมมากที่สุดในโลกสำหรับการประจัญบานในคราวเดียวกัน...
กำลัง พลทั้งหมดแบ่งออกเป็น 18 กองพลรบพิเศษ เรียกว่า 18 อักเษาหิณี ซึ่งฝ่ายเการพมีอยู่ 11 อักเษาหิณี ขณะที่ปาณฑพมี 7 อักเษาหิณี แต่ละกองพลประกอบด้วยช้าง 21,870 เชือก มีม้า 65,610 ตัว รถรบ 21,870 คัน ทหารเดินเท้า 109,350 คน ...ลองเอา 18 คูณเข้าไปแต่ละรายการ... กำลังทัพที่เป็นมนุษย์ซึ่งเข้าโรมรันพันตูกันมีจำนวนมากกว่า 3 ล้านคน ...ลงท้ายในการรบ 18 วัน เหลือแม่ทัพเพียง 10 คน เป็นฝ่ายเการพ 3 และฝ่ายปาณฑพอีก 7 ที่เหลือนอกนั้นตายเรียบ!
มาถึงจุดนี้ อรชุนซึ่งเป็นเจ้าชายฝ่ายปาณฑพรู้สึกท้อแท้ไม่อยากสู้รบอีกต่อไป เพราะทั้งสองข้างต่างก็เป็นพี่น้อง วางคันธนูลง ตรงนี้เองที่เป็นไฮไลท์สำคัญ กฤษณะที่เป็นสารถีจึงต้องสอนอรชุน ความจริงกฤษณะนั้นเป็นพระวิษณุจำแลง แต่เราอย่าไปสนใจเลยครับ มาสนใจกับประโยคอมตะดีกว่า... “รบเถิดอรชุน หากท่านพ่ายแพ้ในสนามรบ สวรรค์ก็ยังเปิดประตูรอท่านอยู่ แม้หากว่าท่านมีชัย ความเป็นใหญ่ในแผ่นดินก็รอให้ท่านครอบครองอยู่แล้ว...”
_________________________________________________________________
ผมคงไม่ไป กล่าวถึงปรัชญาอะไรให้ลึกซึ้งเกี่ยวกับเบื้องหลังคำสั่งสอนของกฤษณะหรอกนะ ครับ แต่อยากจะชี้ว่าประโยคอมตะนี้เข้ากับสิ่งที่คุณ
“สงครามครั้งนี้ เป็นสงครามที่มีลักษณะชนชั้น เป็นการต่อสู้ของชนชั้นไพร่ทั้งแผ่นดินที่ต้องการโค่นชนชั้นอำมาตย์...” การสื่อสารตรงนี้ผมว่าประสบความสำเร็จในฐานมวลชนที่เป็นคนระดับล่าง คือเขาไม่ได้จำแนกให้เป็นรากหญ้า เป็นชั้นกลาง กลางสูง หรือกลางต่ำ หรือจะเป็นนายทุนชาติ นายทุนน้อย
กลุ่มที่เข้าต่อสู้ของฝ่ายเสื้อแดง ประกาศตัวและกระทำในนามของไพร่ทั้งแผ่นดิน ซึ่งอดทนไม่ไหวอีกแล้วกับการใช้อิทธิฤทธิ์และอิทธิพลของชนชั้นอำมาตย์ที่ ครอบงำสังคมมายาวนาน แม้กระทั่งทักษิณ ชินวัตร ก็ถือเป็นตัวแทนของภาคไพร่ที่ประสบความสำเร็จ บังเอิญได้เป็นนายกรัฐมนตรีและเป็นเศรษฐีขึ้นมา ...ความผิดมันอยู่ตรงที่ว่าเผอิญเป็นไพร่ที่โดดเด่น แล้วมีความคิดที่จะแก้ปัญหาให้แก่พวกไพร่ด้วยกันที่จะมีชีวิตและความเป็น อยู่ให้ดีขึ้น... คุณณัฐวุฒิบอกว่าเพราะไพร่แบบทักษิณคิดจะทำอย่างนี้เองจึงเข้าตาพวกไพร่ด้วย กัน เขาจึงอยู่ไม่ได้ ถูกโค่นล้มลงไปในที่สุด เพราะชนชั้นอำมาตย์ไม่พอใจ...
“จง รบเถิดชนชั้นไพร่ ถ้าแม้นปราชัย ประวัติศาสตร์ก็จะจารึกว่าครั้งหนึ่งคนไทยได้ลุกขึ้นมาต่อสู้เพื่อ ประชาธิปไตย ป่าวประกาศให้โลกรู้ถึงการต่อสู้กับอภิสิทธิ์ชนเพื่อต้องการสิทธิเสรีภาพและ ความเสมอภาค แต่ถ้ามีชัยชนะ ประชาชนไทยชาวไพร่ทั้งหลายก็จะได้สัมผัสกับประชาธิปไตยที่แท้จริง...” อาจจะเพี้ยนไปจากที่คุณณัฐวุฒิพูดในวันนั้น แต่ผมก็ประทับใจนะครับสำหรับประโยคที่ประยุกต์มาจากมหาภารตะยุทธตอนที่กฤษณะ สอนอรชุน... ติดตามดูมหาสยามยุทธภาคเสื้อแดงล้างระบอบอำมาตย์...
เขียนอย่างนี้เข้าข่ายปลุกระดมหรือเปล่านะ?
|
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น