แดงเชียงใหม่

กราบสวัสดี พี่น้องทุกๆท่านที่เข้ามาเยี่ยมเยือน Blog นปช.แดงเชียงใหม่ ขอเรียนชี้แจงสักนิดว่า เรา ”แดงเจียงใหม่” เป็นกลุ่มคนชาวเจียงใหม่ที่เคารพรัก กติกาประชาธิปไตย ต่อสู้และต่อต้านเผด็จการทุกรูปแบบ อยากเห็นประเทศชาติภายภาคหน้า มีความเจริญ ประชาชน รุ่นลูกหลานของเราอยู่อาศัยอย่างร่มเย็นเป็นสุขในประเทศของพวกเราเอง ไม่มีกลุ่มอภิสิทธิ์ชนกลุ่มใดมาสูบเลือดเนื้อ แอบอ้างบุญคุณเฉกเช่นในยุคนี้ที่พวกเราเห็น การที่จะได้รับในสิ่งที่มุ่งหวังก็ต้องมีการต่อสู้แสดงกำลังให้สังคมได้รับรู้ และเพื่อที่จะให้กลุ่มบุคคลที่มีอำนาจในปัจจุบันได้เข้าใจในสังคมที่ก้าวหน้าเปลี่ยนแปลงไป ไม่อาจฝืนต่อกระแสการพัฒนาของโลก การต่อสู้ร่วมกับผองชนทั่วประเทศในครั้งนี้ เรา " แดงเจียงใหม่ " ได้ร่วมต่อสู้ทุกรูปแบบ และ ในรูปแบบที่ท่านได้เข้ามาร่วมอยู่นี้ คือการเผยแพร่ข่าวสารต่อสังคม

เรา " แดงเจียงใหม่ " ขอเชิญชวนร่วมกันสร้างขวัญ และกำลังใจให้เพื่อนพ้องน้องพี่ร่วมกัน


"อันประชาสามัคคีมีจัดตั้ง
เป็นพลังแกร่งกล้ามหาศาล
แสนอาวุธแสนศัตรูหมู่อันธพาล
ไม่อาจต้านมวลมหาประชาชน"

.

วันจันทร์ที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2553

สมมติ ว่าท่านเป็นอภิสิทธิ์....แล้วไง?? โดย ปูนนก



จะยุบสภาหรือไม่ ? ถ้าท่านเป็นนายกอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
Thu, 03/25/2010 - 17:02
by poonnok

นับ จากวันที่ 14 มีนาคม มาจนถึงวันนี้ ก็เป็นเวลา 11 วันแล้ว จากวันที่พี่น้องประชาชนชาวไทยผู้รักประชาธิปไตยได้เดินทางเข้ามาเพื่อเรียก ร้องประชาธิปไตยที่กรุงเทพฯ โดยมีเวทีใหญ่ของการชุมนุมอยู่ที่สะพานผ่านฟ้า.. และมีอีกหลายเวทีที่อยู่โดยรอบพื้นที่ถนนราชดำเนิน

การชุมนุมในครั้ง นี้ถือได้ว่าเป็นการชุมนุมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่ใน ประเทศไทยเคยเกิดขึ้น.. ประชาชนนับล้านคนได้หลั่งไหลกันเข้ามาทั้งทางรถและทางเรือ.. ภาพประชาชนผู้สวมเสื้อสีแดงพากันเดินถือธง, ถือป้าย, และเดินไปด้วยกันท่ามกลางแสงแดดที่แผดกล้า..สีแดงประดุจดังสายธารแห่งเลือด ที่ท่วมท้นไปทั่วทั้งราชดำเนินในขณะนั้น.. เป็นประสบการณ์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิตของผู้รักประชาธิปไตยที่ ได้มีโอกาสเข้าร่วมการชุมนุมอันสำคัญยิ่งนี้..

ถ้าท่านเป็นผู้หนึ่ง ที่รักในความมีสิทธิ, เสรีภาพ และรักในความเป็นประชาธิปไตย การเข้าร่วมชุมนุมเพื่อเรียกร้องให้ได้มาซึ่งประชาธิปไตยในครั้งนี้ จะเป็นประสบการณ์และเกียรติ์ประวัติแห่งการต่อสู้ในชีวิตของท่านไปตราบนาน เท่านาน.. ด้วยเหตุนี้การต่อสู้เพื่อเรียกร้องประชาธิปไตยอันสมบูรณ์และแท้จริงมาสู่ ปวงชนชาวไทยในครั้งนี้ จึงควรเป็นสิ่งที่พี่น้องผู้รักประชาธิปไตยทุก ๆ คนไม่ควรพลาดอย่างเด็ดขาด...

ข้อเรียกร้องให้รัฐบาลอภิสิทธิ์ ยุบสภานั้น...แม้จะเป็นข้อเรียกร้องที่ถือได้ว่าเป็นการกดดันในขั้นต่ำสุดสำหรับการต่อสู้เรียกร้องประชาธิปไตยก็ตาม.. แต่ก็ใช่ว่าจะได้รับมาได้โดยง่ายนัก ให้เรามาร่วมพิจารณากันสักเล็กน้อย ถึงการได้มาซึ่งตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในครั้งนี้

ต้อง ยอมรับอย่างตรงไปตรงมาว่าพรรคประชาธิปัตย์นั้นมิได้เป็นพรรคที่ถือ กำเนิดขึ้นเพื่อประโยชน์ในการรับใช้ประชาชน แต่เป็นพรรคที่เกิดขึ้นภายหลังจากที่มีการยึดอำนาจและรวบอำนาจของประชาชนไป สู่อำนาจของอมาตย์ ดังนั้นจึงเป็นพรรคที่ก่อตั้งขึ้นเพื่อการครองอำนาจของอมาตย์โดยตรง มิได้มีความเชื่อมโยงหรือสายสัมพันธ์มาถึงประชาชนชาวรากหญ้าแต่อย่างใด..

การ เลือกตั้งวันที่ 23 ธ.ค. 2551 ที่ผ่านมา พรรคประชาธิปัตย์ได้รับคะแนนเสียงจากประชาชนเพียง 165 ที่นั่ง ขณะที่พรรคพลังประชาชน (แตกหน่อมาจากพรรคไทยรักไทย) ได้รับคะแนนเสียงจำนวน 233 ที่นั่ง..จึงเห็นได้ว่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่ใช่พรรคที่ได้รับคะแนนเสียงส่วน ใหญ่อันเป็นฉันทามติจากประชาชน... แต่นายอภิสิทธิ์ ก็สามารถก้าวขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีได้ ก็ด้วยอำนาจที่อยู่เบื้องหลังที่เป็นอมาตย์ใหญ่คอยให้การสนับสนุน ไม่ว่าจะเป็นอำนาจทหาร, อำนาจบารมี, หรืออำนาจนอกรัฐธรรมนูญก็ตาม.. ซึ่งนั่นหมายความว่าอำนาจในการตัดสินใจใด ๆ ในด้านการบริหารการปกครองจึงไม่ได้ขึ้นอยู่กับตัวของนายกอภิสิทธิ์เอง แต่ขึ้นอยู่กับบรรดาผู้ที่คอยให้การสนับสนุนรัฐบาลนี้ต่างหาก...


ระยะ เวลาที่ผ่านมาได้พิสูจน์แล้วว่า นายกอภิสิทธิ์ มิได้เป็นผู้ที่มีความกล้าหาญในฐานะผู้นำของประเทศแต่อย่างใด เป็นแต่เพียงนายหน้า, ตัวแทนของผู้ที่มีอำนาจอยู่เบื้องหลังที่คอยชักใย และคุ้มครองอีกที.. นายกอภิสิทธิ์ จึงมิใช่ผู้นำ..แต่เป็นผู้อยู่ใต้การนำของบรรดาผู้มีอิทธิพลทั้งหลายที่อยู่ เบื้องหลังทั้งสิ้น...

ด้วยเหตุนี้การจะตัดสินใจใด ๆ ของนายกอภิสิทธิ์ จึงมิได้เกิดขึ้นจากแผนงานหรือความต้องการของนายกอภิสิทธิ์เอง.. แต่กลับจะต้องเป็นผู้คอยรับคำสั่งจากผู้มีอำนาจที่อยู่เหนือรัฐบาลอีกต่อ หนึ่ง.. แล้วใครกันที่เป็นผู้อยู่ บนบัลลังก์เหนืออำนาจฝ่ายบริหาร”..

คำขวัญของการชุมนุมในครั้งนี้คือโค่นล้มอมาตย์ยุบสภาถ้าพิจารณาโดยผ่าน ๆ จะเห็นว่าเป็นคำขวัญที่ดูดี และสวยหรู และเหมือนจะทำให้เป้าหมายการได้มาซึ่งประชาธิปไตยนั้น เป็นไปได้ เพื่อจะก้าวไปสู่ความสำเร็จอย่างแท้จริง.. เพราะเป็นคำกล่าวนี้ทำให้ดูเหมือนว่า การโค่นล้มอมาตย์ กับการยุบสภาคือสิ่งเดียวกัน...

อย่างไรก็ดีไม่ว่าจะเป็นเป้าหมายขั้นต้น หรือเป้าหมายระยะยาว ถ้าได้รับมาก็ล้วนแต่เป็นสิ่งที่ดีทั้งสิ้น เพราะถือได้ว่าการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยได้เข้าใกล้เป้าหมายไปอีกขั้นหนึ่ง แล้ว... เพียงแต่ว่า...ในเมื่อนายกอภิสิทธิ์ มิได้มีความเป็นตัวของตัวเอง หรือตัดสินใจเรื่องต่างๆ ได้ด้วยตนเอง.. ดังนั้น การจะยุบสภาหรือไม่ จึงมิได้เกิดขึ้นจากการตัดสินใจโดยเฉพาะตัวของนายกอภิสิทธิ์ แต่ทว่าจะเกิดการประสานประโยชน์ของผู้ที่สนับสนุนอยู่เบื้องหลังของนายก อภิสิทธิ์ต่างหาก... ซึ่งสำหรับผู้ที่ติดตามข่าวสารการเมืองตลอดมาคงจะทราบดี และไม่จำเป็นต้องกล่าวถึงว่าคือผู้ใด..

ระบบโครงสร้างของอำนาจอมาตย์ที่พี่ น้อง นปช. บนเวทีคนเสื้อแดงได้เขียนเอาไว้เป็นคำขวัญ ในการต่อสู้ในครั้งนี้ว่า โค่นอมาตย์นั้น มิได้อยู่ที่เพียงการตัดสินใจยุบสภาของนายกอภิสิทธิ์ เท่านั้น.. แต่อยู่ที่การทำลายโครงสร้างแห่งอำนาจเผด็จการ ที่ฝังรากหยั่งลึกมาอย่างยาวนานในระบบการเมือง การปกครองของประเทศไทย.. และการได้มาซึ่งอำนาจรัฐของนายกอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นเพียงแขนงเล็ก ๆ แขนงหนึ่งของอำนาจอมาตย์ที่ครอบครองประเทศนี้อยู่..

ถ้าเปรียบโครง สร้างอำนาจเผด็จการอมาตย์เหมือนต้นไม้ใหญ่.. การตัดรากแขนง ไม่มีวันจะทำให้ต้นไม้แห่งเผด็จการ ตายได้อย่างแน่นอน


ด้วย เหตุนี้..ผมมีความเชื่ออย่างแท้จริงว่า.. นายกอภิสิทธิ์ จะไม่มีวันประกาศยุบสภาด้วยตนเองเป็นอันขาด.. แต่การ ยุบสภาจะเกิดขึ้นทันที ที่ผู้ครอบครองอำนาจเผด็จการอมาตย์ได้มองเห็นแล้วว่า จะเป็นฝ่ายได้เปรียบในการต่อสู้ครั้งนี้.. เพราะถึงอย่างไรก็ตามแม้ว่ารากแขนงอย่างรัฐบาลอภิสิทธิ์จะต้องสูญเสียไป ก็จะไม่สามารถทำให้ต้นไม้แห่งอำนาจเผด็จการอมาตย์สั่นสะเทือนไปได้...

สิ่ง ที่น่าห่วงกังวลก็คือ.. ถ้าเผด็จการอมาตย์รู้สึกว่าถูกคุกคามด้วยการบีบบังคับจากการชุมนุมครั้งนี้ จนจำเป็นต้องสละรากแขนงคือ รัฐบาลอภิสิทธิ์นี้ ด้วยความไม่เต็มใจ มีความเป็นไปได้ว่า เผด็จการอมาตย์อาจจะใช้วิธีการ ล้อมปราบเพื่อสลายการชุมนุม ด้วยวิธีที่แนบเนียนกว่าเดิมก็เป็นไปได้..และผู้ที่จะได้ผลแห่งความรุนแรงจน อาจจะถึงขั้นสูญเสียเลือดเนื้ออีกครั้งหนึ่ง ก็คงไม่พ้นไปจากประชาชนผู้บริสุทธิ์ไปได้..

ประชาชนไทยผู้รัก ประชาธิปไตยทุก ๆ ท่าน.. ท่านจะต้องถามตัวของท่านเอง.. ท่านจะต้องตอบตัวของท่านเองว่า ท่านต้องการสิ่งใดในการต่อสู้เรียกร้องเพื่อประชาธิปไตยนี้.. และเมื่อแต่ละท่านได้รับคำตอบของท่านเองด้วยตนเองแล้ว.. ท่านก็จะเป็นผู้กำหนดแนวทางในการต่อสู้เรียกร้องด้วยตนเอง..โดยไม่มีใครมา เป็นผู้นำของท่านอีกต่อไป..นอกจากท่านเท่านั้นที่จะเป็นผู้นำความคิดของท่าน เอง.. และนี่คือหนทางแห่งประชาธิปไตยโดยแท้ เพราะในที่สุดแล้วหนทางแห่งความต้องการที่ปรารถนาจะได้รับ กับสิ่งที่ได้รับมาจะต้องสอดคล้องกัน เพราะเป็นหนทางเดียวกัน...

ดัง นั้นการที่นายกอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จะยุบสภาหรือไม่ ? มิใช่อำนาจที่เกิดขึ้นจากการตัดสินใจของนายกอภิสิทธิ์เอง.. แต่เป็นไปตามความต้องการของอำนาจเผด็จการอมาตย์ที่อยู่เบื้องหลังรัฐบาล อภิสิทธิ์ต่างหาก

ปูนนก

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ผู้ให้ข้อมูลร่วมกัน